กวีบทที่ ๔ เบื้องลึกก่อนเกิด... [1]

1954 Words
"....เหตุใดเจ้าถึงพึ่งกลับห้อง" ใบหน้าเย็นชาจ้องมองอย่างกดดัน ขณะเดียวกันที่จือหานได้เพียงแค่ยิ้มแห้งมองสายตาสอดส่ายไปมา "อ..เอ่อ... ข้า.. ข้า.." มือถือไหเหล้าหลบซุกไว้ด้านหลัง แต่ถึงกระนั้นก็ไม่อาจหลบสายตาที่จ้องจับผิดอยู่เป็นได้ "อะไรอยู่ด้านหลังเจ้า" "เอ๊ะ? อ...ฮ่า ฮ่าอะไรหรอ ข้าไม่ได้ซุกอะไรไว้เสียหน่อย~" "เอามา" "ก็บอกว่าไม่มีไงท่านนี่!" สีหน้าไม่สบอารมณ์ฉายแววขึ้นมาอย่างรวดเร็ว ในมือจื่อฝานกำขลุ่ยไว้แน่นเพื่อยับยั้งอารมณ์วู่วามของตน "เจ้าจะส่งมันมาให้ข้า หรือให้ข้าเอามันมาด้วยตัวเอง" "ก็บอกว่าไม่มีก็ไม่สิ (วะ) เจ้าคะ!" "...." สีหน้าเฝ้ามองอย่างไม่วางตา ไม่ว่ายังไงคุณชายจื่อฝานคงไม่เชื่อคำลวงง่ายๆเช่นนี้แน่ มือเรียวยาวขยับเอื้อมพยายามคว้าเหล้าที่ซุกซ่อนจากด้านหลัง ขณะเดียวกัน จือหานพยายามเอี้ยวตัวหลบไม่ให้เจอเหล้า "ปากบอกไม่มี แต่ทำตัวลับลมคมใน เหตุนี้จะมิให้มิเชื่อได้อย่างไร? ส่งมันมาให้ข้า" "เป็นบุรุษทำไมถึงมาแตะต้องสตรีง่ายๆล่ะท่าน! ไม่งั้นข้าจะตะโกนจริงๆ ด้วย! ปากบอกไม่สนใจข้า ไม่ยุ่ง ที่แท้ก็ข้ออ้างล่ะสิ!" "...เจ้า!" "เอะอะโวยวายอันใดกัน?" เสียงหญิงสาวเอ่ยขึ้นท่ามกลางการทะเลาะยื้อแย่งของกันไปมา ใบหน้าของหญิงสาวผู้เปรี่ยมไปด้วยความงามเดินตรงมายังทั้งคู่ก่อนกล่าวทัก "ท่านแม่..." จื่อฝานยืนด้วยท่าทางสง่าโค้งคำนับหญิงสาวผู้เป็นแม่อย่างนอบน้อมพร้อมกับที่เธอส่งยิ้มตอบกลับมา "ท..ท่านแม่เจ้าคะ!" จือหานที่เห็นแบบนั้น จึงรีบวิ่งเข้าไปหลบอยู่ด้านหลังของแม่นางเป้ยอี๋เพื่อขอความช่วยเหลือ "ท..ท่านจื่อฝานรังแกข้า!" "..จื่อฝานน่ะหรือ?" หญิงสาวหันมองลูกชายของตนเองแล้วยิ้มให้ "ท่านแม่ นางนำสุราเข้ามาที่เหลียงผิง ท่านก็รู้ว่าที่นี่จะนำสุราเข้ามาจะต้อง.." "มิเป็นไร นางพึ่งมาอยู่ที่นี่ได้ไม่กี่วัน เจ้าอย่าเป็นกังวลไป.." เธอตอบอย่างนอบน้อม แต่บุตรชายกลับทำหน้าบึ้งตึงอย่างไม่สบอารมณ์มากนัก ก่อนจะยืนจ้องอีกฝ่ายที่กำลังยืนหลบอยู่ด้านหลังแม่ของตนพลางแลบลิ้นปลิ้นตาใส่มาทางเขา "อึก.. เจ้า.." "ย้าส์! ดูสิเจ้าคะ เขามองข้าแบบนั้นอีกแล้ว!" "อาฝาน..." "..." ร่างถอนหายใจเฮือกก้มลงคำนับลาอีกฝ่ายอย่างนอบน้อมก่อนกลับเข้าไปยังห้องนอนของตนโดยไม่ปริปากตอบ "เอาล่ะหมิงเยี่ยน เจ้าก็ควรไปพักผ่อนเสีย เหนื่อยมาทั้งวันแล้ว" มือเล็กกอบกุมใบหน้าน้อยๆ ลูบอย่างเอ็นดู "ข..ข้าเกรงว่ากลับเข้าไปในห้องข้าจะโดนเขาฆ่าตายเสียมากกว่า ฮ่า ฮ่า...." "อย่างที่ข้าบอกหมิงเยี่ยน ทุกอย่างจะดีขึ้น เอาล่ะทีนี้ก็กลับเข้าห้องนอนได้แล้วนะ" "เอ๊ะ อ่ะ คือ..คือว่าท่าน อั๊ก!" ร่างถูกผลักเข้าไปในห้องอย่างดึงดันจนปะทะหน้าเข้ากับอสูรที่ยืนจ้องอยู่เบื้องหน้า "...." สายตาจ้องมองแทบกินเลือดกินเนื้อ "ม...มองไรนักหนา" "หากข้าเห็นเจ้าดื่มมันในที่นี้ล่ะก็ ข้าจะจับเจ้าโยนออกนอกเหลียงผิง" จื่อฝานกล่าวด้วยวาจาขุ่นมัว ร่างขยับตัวนั่งลงบนผ้าปูที่นอนผืนยาวที่ปูวางเตรียมไว้ที่พื้นเบื้องล่าง ตั้งแต่ไหนแต่ไร หลังจากที่ทั้งคู่แต่งงานกัน เมื่อถึงเวลานอน ต่างฝ่ายต่างแยกที่นอนเพื่อความสบายใจของทั้งคู่ โดยส่วนใหญ่คงเป็นจื่อฝานเสียมากกว่า "ข้าขอถามอีกครั้ง ท่านจะไม่นอนบนนี้จริงๆหรอ? ข้านอนพื้นเองก็ได้นะ" จือหานกล่าวถามขณะที่ทั้งตัวกระโดดเทใส่เตียงเต็มแรง แต่ถึงกระนั้นก็ไร้วีแววการตอบรับจากอีกฝ่ายอย่างสิ้นเชิง "ชิ.. งั้นก็เงียบไปเลย เงียบไม่ต้องพูดกับข้าเลยด้วย!" ใบหน้าบึ้งตึงตะโกนใส่ร่างที่นอนหันหลังแน่นิ่งไม่แม้จะสบตา พลางฟุบตัวนอนหันหน้าเข้าหากำแพง ... "จือหาน.... เฉินจือหาน... จือหาน.." "อึก.." เสียงเรียกแผ่วเบาจากด้านนอกประตู ร่างปลือตาตื่นขึ้นอย่างงัวเงียจ้องมองไปยังประตูที่ด้านนอกยังคงมีเสียงเรียกออกมาเรื่อยๆ ".....อะไรกัน อ่ะ.." ใบหน้าฉงนจ้องมองรูปร่างของตนเองอย่างไม่เข้าใจ ในตอนนี้เสื้อผ้าอาภรณ์แม้แต่รูปร่างของตัวเองกลับกลายเป็นเขาในยุคปัจจุบันราวกับความฝัน "ฝ..ฝัน? " "จือหาน.. จือหาน..." ฝีเท้าก้าวลงจากเตียงเดินไล่ตามเสียงออกไปด้านนอก เสียงไล่เรียกยาวออกไปไกลจนกระทั่งมาหยุดลงในสวนกว้างที่เคยมา "...ที่นี่..? " ใบหน้าจ้องมองทอดไปยังภาพตรงหน้า มีชายคนหนึ่งในชุดสีขาวโพลน แม้แต่เส้นผมเองก็ยังเป็นสีขาวทอประกาย ยืนหันหลังแหงนหน้ามองท้องฟ้ายามที่ฝนโปรยลงมา หยาดฝนกระทบลงบนใบหน้าของเขา แต่ในความฝันกลับมองไม่เห็นใบหน้าของชายผู้นั้นอย่างชัดเจน ".... ใยท่านถึงยืนตากฝนอยู่ตรงนี้? ประเดี๋ยวจะไม่สบาย" เสียงทุ้มต่ำเอ่ยขึ้นและในทันที ชายอีกคนเดินตรงเข้ามาหาชายคนนั้นพร้อมร่มที่กางออกกว้าง ร่างทั้งสองยืนอยู่ในร่มไม้คันเดียวกัน "ข้าแค่ออกมาชมธรรมชาติ" เสียงเรียบตอบกลับจ้องมองไปยังท้องฟ้ากว้าง "เพลานี้นี่หรือ? " "ถูกต้อง..เหวินเจ๋อเจ้าลองฟังสิ.. เสียงฝนที่ตกลงมา กลิ่นหอมของแมกไม้และผืนดิน ข้าชอบ.." "......ลี่ถิง หากเจ้ายืนตากฝนเช่นนี้เจ้าจะมิสบาย" "ฮ่า ฮ่า เจ้าก็เป็นห่วงข้าเกินไป เอาล่ะๆ ข้าจะกลับเดี๋ยวนี้ หากเจ้าไปส่งข้าที่ห้อง" ริมฝีปากฉีกยิ้มเล็กน้อยให้อีกฝ่ายก่อนที่ทั้งคู่จะค่อยๆ เริ่มเดินผละออกไปเพียงเล็กน้อย ร่างหยุดชะงัก ชายหนุ่มเส้นผมสีขาวหันใบหน้ากลับจ้องมายังจือหานที่ยืนดูเหตุการณ์เหล่านั้น "เอ๊ะ?" ใบหน้าฉีกยิ้มส่งมาให้อย่างอ่อนโยน และในที่สุด ภาพตรงหน้าก็ค่อยๆ เลือนหายออกไป "....แม่นางหมิงเยี่ยน" ชายหนุ่มสะดุ้งเฮือกกวาดตามองรอบๆ เมื่อรู้สึกตัว ว่าตนเองนั้นมาหยุดยืนอยู่กลางสายฝนในสวนของเหลียงผิง ใบหน้าหันมองไปยังเจ้าของเสียงที่เรียกเอ่ยจากด้านหลังด้วยความตกใจ "อ้ะ! ท..ท่านเหิงอี้" จือหานเรียกชื่อก้มโค้งกล่าวทักทายด้วยความร้อนรนขณะอยู่ใต้ร่มคันเดียวกันที่ท่านเหิงอี้ บุตรชายคนโตของสกุลหลินถือเอาไว้ "ใยดึกดื่นเจ้าถึงมายืนตากฝนจนเนื้อตัวเปียกเช่นนี้? " "ข..ข้า..ข้า.. เอ่อ..ละเมอ.." "ละเมอ? หึหึ" เสียงหัวเราะทุ้มต่ำอย่างเอ็นดู เหิงอี้จ้องมองบรรยากาศที่สายฝนยังคงเทลงมาไม่หยุด "เอาล่ะ ประเดี๋ยวน้ำค้างจะลงเจ้าอาจไม่สบาย ให้ข้าไปส่งเจ้าที่ห้อง" "ม..ไม่เป็นไรๆ ลำบากท่านเปล่าๆ ข้า..." ทั้งคู่ละสายตาจากกันพลางหันไปมองยังประตูทางเข้าที่มีใครบางคนยืนมองอยู่ "จื่อฝาน" เหิงอี้ผู้เป็นพี่ ยิ้มอย่างสบายใจก่อนกล่าวทักน้องชายที่ค่อยๆ เดินตรงเข้ามา "ท่านพี่" ร่างกล่าวทักก่อนจ้องมายังจือหานด้วยสีหน้านิ่ "เจ้ามาพอดี พาแม่นางหมิงเยี่ยนกลับเถิด ประเดี๋ยวน้ำค้างจะลง ข้าต้องขอตัวก่อน" ท่าทางยิ้มสง่ากล่าวลาก่อนเดินจากไปอย่างเงียบๆ เสียงสายฝนยังคงเทลงมาเรื่อยๆ เหลือเพียงแค่คนสองคนที่ยังคงยืนนิ่งอยู่ที่เดิมไม่ไปไหน "ใยเจ้าถึงอยู่ที่นี่" "สนด้วยหรอ ข้าจะกลับแล้ว" ใบหน้ายู่ยี่เดินผละตัวออกมาเพื่อหลีกเรี่ยงการปะทะที่อาจเกิดขึ้น แต่ถึงอย่างนั้นจื่อฝานก็ไม่คิดที่จะรั้งเพื่อซักถามคำถามต่อ ท่าทางนิ่งสงบจ้องมองสายฝนที่เทลงมาเป็นสายๆ แต่แล้วปลายคิ้วกลับยกสูงอย่างไม่ใคร่สบายใจ ... "หาว~ งึ้ม.." หน้าซึมด้วยความง่วงในเช้าของอีกวัน ท่าทางงัวเงียก้มหน้าก้มตาจัดช่อดอกไม้เงียบๆ อยู่ในสวนกลางน้ำที่มีปลาแหวกว่ายอยู่นับร้อย "หว้าา น่าเบื่อจัง" "วันนี้คุณหนูต้องอยู่แต่ที่นี่นะเจ้าคะ" "ทำไมต้องกักบริเวณข้าด้วยล่ะ นอกจากจัดดอกไม้ เย็บปัก แกะเม็ดบัวกินเล่นจนจะหมดสระ ข้าก็ไม่รู้จะทำอะไรแล้ว!" หน้าฟุบลงบนโต๊ะไม้ขนาดใหญ่อย่างเบื่อหน่ายจ้องมองไปยังบรรยากาศรอบๆ ที่พอจะเยียวยาจิตใจได้บ้าง "วันนี้คุณหนูกัวซือซินมาเยี่ยมเยียนที่นี่ เป็นการดีกว่า หากท่านไม่ออกเดินไปเพ่นพ่านไปไหน ชิ! พูดแล้วข้าก็รู้สึกชังนัก" เมิ่งลู่ซึ่งเป็นผู้ติดตามเริ่มเปิดบทสนทนานินทาเยาะถึงบุตรสาวสกุลกัวที่มาเยี่ยมเยียนที่นี่ "หื้ม..ไหนเจ้าลองเล่าให้ฟังหน่อยสิ" "ก็.. คุณหนูเจ้าคะ ข้ามิอยากเป็นคนปากไม่ดีหรอกนะ แต่บางทีข้าก็เก็บความหงุดหงิดนี้มาเก็บไว้เช่นกัน คือว่า คุณหนูกัวซือซินเป็นบุตรสาวคนเล็กของสกุลกัว นางมักถูกตามใจจนเคยตัว ข้ายอมรับว่านางมีใบหน้าที่งดงาม แต่นิสัยของนางกลับตรงกันข้าม อ่ะ! เมื่อไม่กี่เดือนหลังจากนางมาที่นี่ ต่อหน้าท่านจื่อฝานนางทำตัวเห็นเป็นคุณหนูไร้เดียงสาเหตุเพราะชอบท่านจื่อฝาน แต่พอลับหลังท่าน กลับใช้พวกข้ายังกับเป็นข้ารับใช้สกุลตัวเอง ข้าไม่อยากจะนึกหรอกนะเจ้าคะ ว่าคนที่อยู่ที่ตระกูลกัวจะทรมาณขนาดไหนกัน" ร่างเล็กพยักหน้าตั้งใจฟังบทสนทนาของหญิงสาวที่มักพูดคุยกันถึงเรื่องคนที่ไม่ค่อยชอบหน้ากันเท่าไหร่ แต่แบบนี้มันอาจเป็นประโยชน์กับเขาได้ในอนาคต ใบหน้าขมวดคิ้วให้กับเรื่องราวสุดน่าสะพรึงของแม่นางซือซิน แต่ไม่ทันไร เจ้าตัวเจ้าของบทสนทนานั้นก็ปรากฏตัวขึ้น "อึก.." ข้ารับใช้ที่กำลังมีความสุขกับการทำงานและพูดคุยเรื่องส่วนตัวเริ่มมีท่าทางขุ่นมัวอย่างเห็นได้ชัด ริมฝีปากแดงเข้มขบอย่างไม่สบอารมณ์พลางกวาดสายตามองรอบๆ "ข้าก็ว่า ขี้ข้าของสกุลหลินหายไปไหนกันหมด.. ที่แท้ก็มาหมกตัวกันตรงนี้เต็มไปหมด" หญิงสาวจ้องตรงมายังจือหานที่นั่งอยู่บนโต๊ะเงียบๆ "คุณหนูหมิงเยี่ยนแห่งตระกูลเฉิน... สกุลที่มีแต่คนร่ำลือกันให้หนาหูว่าบุตรชายคนโตโดนคำสาปให้กลายเป็นปีศาจนอกรีต แต่ข้าคิดว่าคงไม่ใช่แค่บุตรชายหรอกกระมั้ง..คงจะนอกรีตกันทั้งสกุลเลยน่ะสิ" เธอยกยิ้มอย่างผู้ชนะจ้องมองใบหน้านิ่งเรียบของจือหานที่ไม่ได้พูดอะไรออกไปแต่มือนั้นกำไว้แน่น "ค..คุณหนู.." "ฮ่า..ฮ่า...แหมะๆ .." เสียงหัวเราะตลกขบขันหลังสิ้นสุดคำพูดที่ดูกรีดแทง ใบหน้ายกยิ้มเท้าค้างจ้องมองหญิงสาวตรงหน้าอย่างไม่สะทกสะท้านในคำพูด "ข้าพึ่งรู้นะเนี่ยว่าสกุลเจ้าก็ถูกสาปเหมือนกันน่ะ ฮ่า ฮ่า" "อ..อะไรนะ?" "สาปให้ชอบ สอด..รู้..สอด..เห็น" "อึก..นี่เจ้า!!"
Free reading for new users
Scan code to download app
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    Writer
  • chap_listContents
  • likeADD