"....เหตุใดเจ้าถึงพึ่งกลับห้อง" ใบหน้าเย็นชาจ้องมองอย่างกดดัน ขณะเดียวกันที่จือหานได้เพียงแค่ยิ้มแห้งมองสายตาสอดส่ายไปมา "อ..เอ่อ... ข้า.. ข้า.." มือถือไหเหล้าหลบซุกไว้ด้านหลัง แต่ถึงกระนั้นก็ไม่อาจหลบสายตาที่จ้องจับผิดอยู่เป็นได้
"อะไรอยู่ด้านหลังเจ้า"
"เอ๊ะ? อ...ฮ่า ฮ่าอะไรหรอ ข้าไม่ได้ซุกอะไรไว้เสียหน่อย~"
"เอามา"
"ก็บอกว่าไม่มีไงท่านนี่!" สีหน้าไม่สบอารมณ์ฉายแววขึ้นมาอย่างรวดเร็ว ในมือจื่อฝานกำขลุ่ยไว้แน่นเพื่อยับยั้งอารมณ์วู่วามของตน
"เจ้าจะส่งมันมาให้ข้า หรือให้ข้าเอามันมาด้วยตัวเอง"
"ก็บอกว่าไม่มีก็ไม่สิ (วะ) เจ้าคะ!"
"...." สีหน้าเฝ้ามองอย่างไม่วางตา ไม่ว่ายังไงคุณชายจื่อฝานคงไม่เชื่อคำลวงง่ายๆเช่นนี้แน่ มือเรียวยาวขยับเอื้อมพยายามคว้าเหล้าที่ซุกซ่อนจากด้านหลัง ขณะเดียวกัน จือหานพยายามเอี้ยวตัวหลบไม่ให้เจอเหล้า
"ปากบอกไม่มี แต่ทำตัวลับลมคมใน เหตุนี้จะมิให้มิเชื่อได้อย่างไร? ส่งมันมาให้ข้า"
"เป็นบุรุษทำไมถึงมาแตะต้องสตรีง่ายๆล่ะท่าน! ไม่งั้นข้าจะตะโกนจริงๆ ด้วย! ปากบอกไม่สนใจข้า ไม่ยุ่ง ที่แท้ก็ข้ออ้างล่ะสิ!"
"...เจ้า!"
"เอะอะโวยวายอันใดกัน?" เสียงหญิงสาวเอ่ยขึ้นท่ามกลางการทะเลาะยื้อแย่งของกันไปมา ใบหน้าของหญิงสาวผู้เปรี่ยมไปด้วยความงามเดินตรงมายังทั้งคู่ก่อนกล่าวทัก
"ท่านแม่..." จื่อฝานยืนด้วยท่าทางสง่าโค้งคำนับหญิงสาวผู้เป็นแม่อย่างนอบน้อมพร้อมกับที่เธอส่งยิ้มตอบกลับมา
"ท..ท่านแม่เจ้าคะ!" จือหานที่เห็นแบบนั้น จึงรีบวิ่งเข้าไปหลบอยู่ด้านหลังของแม่นางเป้ยอี๋เพื่อขอความช่วยเหลือ "ท..ท่านจื่อฝานรังแกข้า!"
"..จื่อฝานน่ะหรือ?" หญิงสาวหันมองลูกชายของตนเองแล้วยิ้มให้
"ท่านแม่ นางนำสุราเข้ามาที่เหลียงผิง ท่านก็รู้ว่าที่นี่จะนำสุราเข้ามาจะต้อง.."
"มิเป็นไร นางพึ่งมาอยู่ที่นี่ได้ไม่กี่วัน เจ้าอย่าเป็นกังวลไป.." เธอตอบอย่างนอบน้อม แต่บุตรชายกลับทำหน้าบึ้งตึงอย่างไม่สบอารมณ์มากนัก ก่อนจะยืนจ้องอีกฝ่ายที่กำลังยืนหลบอยู่ด้านหลังแม่ของตนพลางแลบลิ้นปลิ้นตาใส่มาทางเขา
"อึก.. เจ้า.."
"ย้าส์! ดูสิเจ้าคะ เขามองข้าแบบนั้นอีกแล้ว!"
"อาฝาน..."
"..." ร่างถอนหายใจเฮือกก้มลงคำนับลาอีกฝ่ายอย่างนอบน้อมก่อนกลับเข้าไปยังห้องนอนของตนโดยไม่ปริปากตอบ
"เอาล่ะหมิงเยี่ยน เจ้าก็ควรไปพักผ่อนเสีย เหนื่อยมาทั้งวันแล้ว" มือเล็กกอบกุมใบหน้าน้อยๆ ลูบอย่างเอ็นดู
"ข..ข้าเกรงว่ากลับเข้าไปในห้องข้าจะโดนเขาฆ่าตายเสียมากกว่า ฮ่า ฮ่า...."
"อย่างที่ข้าบอกหมิงเยี่ยน ทุกอย่างจะดีขึ้น เอาล่ะทีนี้ก็กลับเข้าห้องนอนได้แล้วนะ"
"เอ๊ะ อ่ะ คือ..คือว่าท่าน อั๊ก!" ร่างถูกผลักเข้าไปในห้องอย่างดึงดันจนปะทะหน้าเข้ากับอสูรที่ยืนจ้องอยู่เบื้องหน้า
"...." สายตาจ้องมองแทบกินเลือดกินเนื้อ
"ม...มองไรนักหนา"
"หากข้าเห็นเจ้าดื่มมันในที่นี้ล่ะก็ ข้าจะจับเจ้าโยนออกนอกเหลียงผิง"
จื่อฝานกล่าวด้วยวาจาขุ่นมัว ร่างขยับตัวนั่งลงบนผ้าปูที่นอนผืนยาวที่ปูวางเตรียมไว้ที่พื้นเบื้องล่าง ตั้งแต่ไหนแต่ไร หลังจากที่ทั้งคู่แต่งงานกัน เมื่อถึงเวลานอน ต่างฝ่ายต่างแยกที่นอนเพื่อความสบายใจของทั้งคู่ โดยส่วนใหญ่คงเป็นจื่อฝานเสียมากกว่า
"ข้าขอถามอีกครั้ง ท่านจะไม่นอนบนนี้จริงๆหรอ? ข้านอนพื้นเองก็ได้นะ" จือหานกล่าวถามขณะที่ทั้งตัวกระโดดเทใส่เตียงเต็มแรง แต่ถึงกระนั้นก็ไร้วีแววการตอบรับจากอีกฝ่ายอย่างสิ้นเชิง
"ชิ.. งั้นก็เงียบไปเลย เงียบไม่ต้องพูดกับข้าเลยด้วย!" ใบหน้าบึ้งตึงตะโกนใส่ร่างที่นอนหันหลังแน่นิ่งไม่แม้จะสบตา พลางฟุบตัวนอนหันหน้าเข้าหากำแพง
...
"จือหาน.... เฉินจือหาน... จือหาน.."
"อึก.." เสียงเรียกแผ่วเบาจากด้านนอกประตู ร่างปลือตาตื่นขึ้นอย่างงัวเงียจ้องมองไปยังประตูที่ด้านนอกยังคงมีเสียงเรียกออกมาเรื่อยๆ
".....อะไรกัน อ่ะ.." ใบหน้าฉงนจ้องมองรูปร่างของตนเองอย่างไม่เข้าใจ ในตอนนี้เสื้อผ้าอาภรณ์แม้แต่รูปร่างของตัวเองกลับกลายเป็นเขาในยุคปัจจุบันราวกับความฝัน
"ฝ..ฝัน? "
"จือหาน.. จือหาน..." ฝีเท้าก้าวลงจากเตียงเดินไล่ตามเสียงออกไปด้านนอก เสียงไล่เรียกยาวออกไปไกลจนกระทั่งมาหยุดลงในสวนกว้างที่เคยมา
"...ที่นี่..? " ใบหน้าจ้องมองทอดไปยังภาพตรงหน้า มีชายคนหนึ่งในชุดสีขาวโพลน แม้แต่เส้นผมเองก็ยังเป็นสีขาวทอประกาย ยืนหันหลังแหงนหน้ามองท้องฟ้ายามที่ฝนโปรยลงมา
หยาดฝนกระทบลงบนใบหน้าของเขา แต่ในความฝันกลับมองไม่เห็นใบหน้าของชายผู้นั้นอย่างชัดเจน
".... ใยท่านถึงยืนตากฝนอยู่ตรงนี้? ประเดี๋ยวจะไม่สบาย" เสียงทุ้มต่ำเอ่ยขึ้นและในทันที ชายอีกคนเดินตรงเข้ามาหาชายคนนั้นพร้อมร่มที่กางออกกว้าง ร่างทั้งสองยืนอยู่ในร่มไม้คันเดียวกัน
"ข้าแค่ออกมาชมธรรมชาติ" เสียงเรียบตอบกลับจ้องมองไปยังท้องฟ้ากว้าง
"เพลานี้นี่หรือ? "
"ถูกต้อง..เหวินเจ๋อเจ้าลองฟังสิ.. เสียงฝนที่ตกลงมา กลิ่นหอมของแมกไม้และผืนดิน ข้าชอบ.."
"......ลี่ถิง หากเจ้ายืนตากฝนเช่นนี้เจ้าจะมิสบาย"
"ฮ่า ฮ่า เจ้าก็เป็นห่วงข้าเกินไป เอาล่ะๆ ข้าจะกลับเดี๋ยวนี้ หากเจ้าไปส่งข้าที่ห้อง" ริมฝีปากฉีกยิ้มเล็กน้อยให้อีกฝ่ายก่อนที่ทั้งคู่จะค่อยๆ เริ่มเดินผละออกไปเพียงเล็กน้อย
ร่างหยุดชะงัก ชายหนุ่มเส้นผมสีขาวหันใบหน้ากลับจ้องมายังจือหานที่ยืนดูเหตุการณ์เหล่านั้น
"เอ๊ะ?" ใบหน้าฉีกยิ้มส่งมาให้อย่างอ่อนโยน และในที่สุด ภาพตรงหน้าก็ค่อยๆ เลือนหายออกไป
"....แม่นางหมิงเยี่ยน" ชายหนุ่มสะดุ้งเฮือกกวาดตามองรอบๆ เมื่อรู้สึกตัว ว่าตนเองนั้นมาหยุดยืนอยู่กลางสายฝนในสวนของเหลียงผิง ใบหน้าหันมองไปยังเจ้าของเสียงที่เรียกเอ่ยจากด้านหลังด้วยความตกใจ
"อ้ะ! ท..ท่านเหิงอี้" จือหานเรียกชื่อก้มโค้งกล่าวทักทายด้วยความร้อนรนขณะอยู่ใต้ร่มคันเดียวกันที่ท่านเหิงอี้ บุตรชายคนโตของสกุลหลินถือเอาไว้
"ใยดึกดื่นเจ้าถึงมายืนตากฝนจนเนื้อตัวเปียกเช่นนี้? "
"ข..ข้า..ข้า.. เอ่อ..ละเมอ.."
"ละเมอ? หึหึ" เสียงหัวเราะทุ้มต่ำอย่างเอ็นดู เหิงอี้จ้องมองบรรยากาศที่สายฝนยังคงเทลงมาไม่หยุด
"เอาล่ะ ประเดี๋ยวน้ำค้างจะลงเจ้าอาจไม่สบาย ให้ข้าไปส่งเจ้าที่ห้อง"
"ม..ไม่เป็นไรๆ ลำบากท่านเปล่าๆ ข้า..."
ทั้งคู่ละสายตาจากกันพลางหันไปมองยังประตูทางเข้าที่มีใครบางคนยืนมองอยู่ "จื่อฝาน" เหิงอี้ผู้เป็นพี่ ยิ้มอย่างสบายใจก่อนกล่าวทักน้องชายที่ค่อยๆ เดินตรงเข้ามา
"ท่านพี่" ร่างกล่าวทักก่อนจ้องมายังจือหานด้วยสีหน้านิ่
"เจ้ามาพอดี พาแม่นางหมิงเยี่ยนกลับเถิด ประเดี๋ยวน้ำค้างจะลง ข้าต้องขอตัวก่อน" ท่าทางยิ้มสง่ากล่าวลาก่อนเดินจากไปอย่างเงียบๆ เสียงสายฝนยังคงเทลงมาเรื่อยๆ เหลือเพียงแค่คนสองคนที่ยังคงยืนนิ่งอยู่ที่เดิมไม่ไปไหน
"ใยเจ้าถึงอยู่ที่นี่"
"สนด้วยหรอ ข้าจะกลับแล้ว" ใบหน้ายู่ยี่เดินผละตัวออกมาเพื่อหลีกเรี่ยงการปะทะที่อาจเกิดขึ้น แต่ถึงอย่างนั้นจื่อฝานก็ไม่คิดที่จะรั้งเพื่อซักถามคำถามต่อ ท่าทางนิ่งสงบจ้องมองสายฝนที่เทลงมาเป็นสายๆ แต่แล้วปลายคิ้วกลับยกสูงอย่างไม่ใคร่สบายใจ
...
"หาว~ งึ้ม.." หน้าซึมด้วยความง่วงในเช้าของอีกวัน ท่าทางงัวเงียก้มหน้าก้มตาจัดช่อดอกไม้เงียบๆ อยู่ในสวนกลางน้ำที่มีปลาแหวกว่ายอยู่นับร้อย "หว้าา น่าเบื่อจัง"
"วันนี้คุณหนูต้องอยู่แต่ที่นี่นะเจ้าคะ"
"ทำไมต้องกักบริเวณข้าด้วยล่ะ นอกจากจัดดอกไม้ เย็บปัก แกะเม็ดบัวกินเล่นจนจะหมดสระ ข้าก็ไม่รู้จะทำอะไรแล้ว!"
หน้าฟุบลงบนโต๊ะไม้ขนาดใหญ่อย่างเบื่อหน่ายจ้องมองไปยังบรรยากาศรอบๆ ที่พอจะเยียวยาจิตใจได้บ้าง
"วันนี้คุณหนูกัวซือซินมาเยี่ยมเยียนที่นี่ เป็นการดีกว่า หากท่านไม่ออกเดินไปเพ่นพ่านไปไหน ชิ! พูดแล้วข้าก็รู้สึกชังนัก"
เมิ่งลู่ซึ่งเป็นผู้ติดตามเริ่มเปิดบทสนทนานินทาเยาะถึงบุตรสาวสกุลกัวที่มาเยี่ยมเยียนที่นี่
"หื้ม..ไหนเจ้าลองเล่าให้ฟังหน่อยสิ"
"ก็.. คุณหนูเจ้าคะ ข้ามิอยากเป็นคนปากไม่ดีหรอกนะ แต่บางทีข้าก็เก็บความหงุดหงิดนี้มาเก็บไว้เช่นกัน คือว่า คุณหนูกัวซือซินเป็นบุตรสาวคนเล็กของสกุลกัว นางมักถูกตามใจจนเคยตัว ข้ายอมรับว่านางมีใบหน้าที่งดงาม แต่นิสัยของนางกลับตรงกันข้าม อ่ะ! เมื่อไม่กี่เดือนหลังจากนางมาที่นี่ ต่อหน้าท่านจื่อฝานนางทำตัวเห็นเป็นคุณหนูไร้เดียงสาเหตุเพราะชอบท่านจื่อฝาน แต่พอลับหลังท่าน กลับใช้พวกข้ายังกับเป็นข้ารับใช้สกุลตัวเอง ข้าไม่อยากจะนึกหรอกนะเจ้าคะ ว่าคนที่อยู่ที่ตระกูลกัวจะทรมาณขนาดไหนกัน"
ร่างเล็กพยักหน้าตั้งใจฟังบทสนทนาของหญิงสาวที่มักพูดคุยกันถึงเรื่องคนที่ไม่ค่อยชอบหน้ากันเท่าไหร่ แต่แบบนี้มันอาจเป็นประโยชน์กับเขาได้ในอนาคต ใบหน้าขมวดคิ้วให้กับเรื่องราวสุดน่าสะพรึงของแม่นางซือซิน แต่ไม่ทันไร เจ้าตัวเจ้าของบทสนทนานั้นก็ปรากฏตัวขึ้น
"อึก.."
ข้ารับใช้ที่กำลังมีความสุขกับการทำงานและพูดคุยเรื่องส่วนตัวเริ่มมีท่าทางขุ่นมัวอย่างเห็นได้ชัด ริมฝีปากแดงเข้มขบอย่างไม่สบอารมณ์พลางกวาดสายตามองรอบๆ
"ข้าก็ว่า ขี้ข้าของสกุลหลินหายไปไหนกันหมด.. ที่แท้ก็มาหมกตัวกันตรงนี้เต็มไปหมด" หญิงสาวจ้องตรงมายังจือหานที่นั่งอยู่บนโต๊ะเงียบๆ
"คุณหนูหมิงเยี่ยนแห่งตระกูลเฉิน... สกุลที่มีแต่คนร่ำลือกันให้หนาหูว่าบุตรชายคนโตโดนคำสาปให้กลายเป็นปีศาจนอกรีต แต่ข้าคิดว่าคงไม่ใช่แค่บุตรชายหรอกกระมั้ง..คงจะนอกรีตกันทั้งสกุลเลยน่ะสิ"
เธอยกยิ้มอย่างผู้ชนะจ้องมองใบหน้านิ่งเรียบของจือหานที่ไม่ได้พูดอะไรออกไปแต่มือนั้นกำไว้แน่น
"ค..คุณหนู.."
"ฮ่า..ฮ่า...แหมะๆ .." เสียงหัวเราะตลกขบขันหลังสิ้นสุดคำพูดที่ดูกรีดแทง ใบหน้ายกยิ้มเท้าค้างจ้องมองหญิงสาวตรงหน้าอย่างไม่สะทกสะท้านในคำพูด
"ข้าพึ่งรู้นะเนี่ยว่าสกุลเจ้าก็ถูกสาปเหมือนกันน่ะ ฮ่า ฮ่า"
"อ..อะไรนะ?"
"สาปให้ชอบ สอด..รู้..สอด..เห็น"
"อึก..นี่เจ้า!!"