บทที่ 1 งานของตะวันวาด EP.3

1223 Words
บทที่ 1 งานของตะวันวาด ปานชนกมองเพื่อนสนิทที่ขึ้นมานั่งบนรถคันเล็กของเธอได้ก็ถอนหายใจเฮือกๆ อย่างขบขัน อีกฝ่ายมักจะมีเรื่องในแผนกจัดซื้อมาระบายให้ฟังแทบทุกวัน จนเธออดนึกทึ่งในตัวอีกฝ่ายไม่ได้ที่ช่างมีความอดทนได้ถึงเพียงนี้ ถ้าเป็นตัวเธอเจอแบบนั้นบ้างคงปรี๊ดแตกไปนานแล้ว แม้ว่าเธอจะเป็นคนใจเย็นขนาดน้ำแข็งเรียกพี่ก็ตาม “เป็นไงบ้างล่ะเนย ยายมิ้มแกล้งใช้งานแกด่วนอีกหรือไงถึงได้ทำหน้าแบบนี้” “ใช่น่ะสิ ยายมิ้มน่ะเห็นฉันไม่พูดเลยยิ่งได้ใจ ส่งงานด่วนของตัวเองให้ฉันตลอด แถมยังเร่งจนทำแทบไม่ทัน” ตะวันวาดระบายอารมณ์อย่างกรุ่นโกรธ “ตามที่แกเล่า ฉันว่าแผนกนี้ดูประหลาดนะ มีแต่ผู้หญิงทำงาน ฉันได้ยินคนพูดกันในห้องน้ำว่าพี่นุ่นเคยเป็นเด็กของคุณตรีภพมาก่อน แต่ถูกปลดระวางอะไรทำนองนี้แหละ ตอนนี้คนที่ขึ้นแท่นคือยายมิ้ม” ปานชนกเล่าเรื่องที่ตัวเธอได้ยินมาให้เพื่อนฟัง “อ๋อ...อย่างนี้นี่เอง” คนฟังร้องอ๋อออกมาทันที เมื่อรู้ถึงสาเหตุที่นุดีแทบจะไม่ได้เข้าไปในห้องทำงานของตรีภพ แต่เธอไม่อยากเชื่อว่าผู้หญิงเรียบร้อยอย่างนุดีเคยเป็นเด็กของตรีภพมาก่อน ถ้าเป็นมิรันตียังน่าเชื่อกว่า “ฉันก็สงสัยอยู่เหมือนกัน เพราะถ้าไม่มีเรื่องงานเข้ามาเกี่ยวข้องพี่นุ่นกับพี่มิ้มแทบจะไม่เคยคุยกันเลย แถมพี่มิ้มยังชอบพูดกระแนะกระแหนพี่นุ่นอยู่บ่อยๆ ส่วนรายนั้นน่ะเงียบอย่างเดียวไม่เคยตอบโต้ จนบางครั้งฉันยังหมั่นไส้แทน” คนพูดพูดอย่างเข่นเขี้ยวเมื่อนึกถึงมิรันตี “ป้า พี่นุ่นไม่ค่อยมีเพื่อน เราชวนพี่นุ่นมากินข้าวเที่ยงด้วยดีไหม” “ก็ชวนมาสิ” “เดี๋ยวจะลองชวน พี่นุ่นเคยบอกว่าชอบออกไปกินข้างนอกมากกว่า แต่ฉันคิดว่าน่าจะมีอะไรมากกว่านั้น เพราะอาหารในแคนทีนก็น่ากิน แถมราคาก็ไม่แพงด้วย” “อืม...น่าคิด แล้วที่ยายมิ้มไม่ชอบแก ต้องมาจากเรื่องนายตรีภพแน่เลยเนย” ตะวัดวาดพยักหน้า “ใช่ ฉันก็คิดอย่างที่แกพูด คงมาจากความหึงหวงนั่นแหละ” “แกต้องระวังผู้ชายคนนี้เอาไว้บ้างนะ อย่าได้เผลอออกไปไหนกับเขาสองต่อสองเป็นอันขาด” คนเป็นเพื่อนเตือนด้วยความเป็นห่วง แม้จะรู้ว่าอีกฝ่ายเอาตัวรอดได้ก็ตาม “เรื่องนั้นแกไม่ต้องห่วงหรอก ฉันเองรำคาญจะตาย ชอบมาทำก้อร่อก้อติก ถ้าไม่กลัวเสียเรื่องงานจะซัดให้น่วมเลย” ตะวัดวาดพูดถึงตรีภพอย่างขุ่นเคือง “ถ้ายายมิ้มรู้ว่าแกเป็นใครคงช็อกตาตั้ง” “ฉันไม่ได้คิดว่าตัวเองเป็นใครหรอกป้า ก็แค่เด็กข้างบ้านที่คุณลุงคุณป้ารักและเอ็นดูเท่านั้นแหละ” สีหน้าและน้ำเสียงของคนพูดคล้ายเจือความน้อยใจอะไรบางอย่างเอาไว้จนคนฟังจับสังเกตได้ จนต้องรีบเปลี่ยนเรื่องคุย “แล้วที่แกสงสัยเรื่องเอกสารเบิกค่าใช้จ่ายของคุณตรีภพ ตอนนี้ไปถึงไหนแล้วล่ะ” “กำลังจับตาดูอยู่ การได้เห็นงานทุกชิ้นผ่านสายตาก็นับว่าได้เปรียบ และบังเอิญฉันเจอซองจดหมายของคุณตรีภพตกอยู่แถวๆ โต๊ะของพี่นุ่น เลยแอบเก็บไว้แล้วเอามาเปิดดูทีหลัง แกรู้หรือเปล่าฉันเจออะไร” “อ้าว...ฉันจะไปรู้ได้ไงล่ะ แกก็ถามแปลก” คนถูกถามค้อนเพื่อนสนิท จนคนถูกค้อนหัวเราะคิกก่อนจะเฉลย “ฉันเจอใบลดหนี้ตั้งหลายใบเลยนะป้า รวมทั้งเรื่องน่าสงสัยอีกหลายเรื่อง อย่างพวกบริษัทประจำที่เคยติดต่อเสนอราคาวัสดุก่อสร้างกับเอสวายมาก่อน ตอนนี้ก็ถูกเปลี่ยนเป็นบริษัทอื่นแทน ดูมันทะแม่งๆ ยังไงบอกไม่ถูกฉันไม่รู้ว่าพี่นุ่นรู้เรื่องนี้ด้วยหรือเปล่า สงสารคุณลุงคุณป้าจังเลย ถ้าเอ่อ...กลับมาคงต้องมาสะสางปัญหาเยอะแยะมากมาย” นี่เป็นอีกสาเหตุหนึ่งที่ตะวันวาดคอยจับตาดูพฤติกรรมอันน่าสงสัยของคนในแผนกจัดซื้อ เพราะอยากตอบแทนเจ้าของบริษัท ซึ่งก็คือนนทวัชกับมนัสนันท์ ผู้ที่มีบุญคุณกับครอบครัวของเธอ จนไม่รู้จะชดใช้อย่างไรถึงจะหมด “แกพูดถึงพี่นายหรือเปล่า” ปานชนกเลิกคิ้วถาม เพราะยามเผลอตัวเพื่อนสนิทมักชอบเล่าเรื่องในวัยเด็กให้ฟังเสมอ และคนที่อีกฝ่ายมักจะติดปากเอ่ยถึงคือคนชื่อ ‘พี่นาย’ “ปละ...เปล่า” ตะวันวาดปฏิเสธ ทว่าสีหน้ามีพิรุธ ก่อนจะรีบพูดเรื่องอื่นกลบเกลื่อนในทันใด “ฉันพูดเพลินไปอย่างนั้นแหละ “รีบไปกันเถอะ ฉันหิวข้าวจะแย่แล้ว เย็นนี้แกไปกินข้าวที่บ้านฉันนะป้า จะได้แวะหามอมแมมด้วยไงล่ะ” “วันนี้ฉันขอตัว แม่ฉันบอกให้กลับไปกินข้าวที่บ้าน ส่วนไอ้มอมแมมหมาตัวดีของแกน่ะฉันไม่ได้คิดถึงมัน แกก็รู้อยู่แก่ใจว่ามันไม่เคยชอบหน้าฉัน จะให้ฉันตากหน้าไปหามันทำไมมิทราบ” ปานชนกพูดก่อนจะขับรถพุ่งปราดไปข้างหน้าเพื่อไปส่งผู้เป็นเพื่อนที่บ้าน “แกคิดไปเองว่ามันไม่ชอบหน้า มอมแมมน่ารักจะตาย” มอมแมมที่พูดถึงเป็นหมาตัวโปรดของตะวันวาด ซึ่งจงรักภักดีกับหญิงสาว รวมทั้งกลัวเธอราวกับหนูกลัวแมวก็ไม่ปาน “เฮ้อ! ได้อาบน้ำแล้วค่อยยังชั่วหน่อย” ตะวันวาดบอกตัวเองหลังอาบน้ำจนรู้สึกสดชื่นขึ้น ผมดำยาวถูกรวบเอาไว้เป็นมวยง่ายๆ ส่งให้ดวงหน้ารูปไข่นวลเนียนดูกระจ่างตายิ่งขึ้น หญิงสาวอยู่ในชุดกางเกงขาสั้นสีชมพู เสื้อยืดตัวย้วยสีขาว ด้วยตั้งใจว่าจะแวะไปหามอมแมมก่อนแล้วค่อยกลับมากินข้าวเย็นพร้อมผู้เป็นแม่ ทว่าสายตาก็สะดุดเข้ากับตุ๊กตาช้างน้อยสีชมพู ที่ตัวซีดจนแทบมองไม่เห็นสีเดิมนอนกลิ้งอยู่บนเตียง ซึ่งเธอนอนกอดอยู่ทุกค่ำคืน ทั้งๆ ที่ภายในใจยังคงโกรธคนซื้อให้อยู่ไม่หาย เข้าข่ายสุภาษิตไทยที่ว่า ‘เกลียดตัวกินไข่ เกลียดปลาไหลกินน้ำแกง’ วันนี้เมื่อได้ยินว่าอีกสองวันอีกฝ่ายจะกลับมาเมืองไทย ความโกรธที่ฝังลึกอยู่ในใจก็พลุ่งขึ้นมาอีกครั้ง ดูสิ! ไปอยู่เมืองนอกเมืองนามาตั้งเป็นสิบปี ไม่เคยคิดจะส่งอะไรมาให้เราอย่างที่เคยสัญญากันไว้สักนิด คนใจดำ! ตะวันวาดก่นด่าใครคนนั้นที่กำลังนึกถึงอยู่ในใจ จนลืมไปว่าตัวเองกำลังโกรธอีกฝ่ายอยู่ เพราะนึกถึงเขา ทำให้หวนนึกถึงสาเหตุของการโกรธเคืองขึ้นมาในทันใด เหมือนเหตุการณ์ดังกล่าวเพิ่งจะเกิดทั้งที่ผ่านมาร่วมสิบปีแล้ว
Free reading for new users
Scan code to download app
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    Writer
  • chap_listContents
  • likeADD