ตอนที่ 4
หลินเหยียนซูนั่งนิ่งอยู่ที่โต๊ะรับรอง มือกำจดหมายแน่น ดวงตาเรียวคมจับจ้องไปยังหน้าต่างบานใหญ่ที่เปิดออกรับลมหนาว
เสียงฝีเท้าของแม่นมหลิวผู้เป็นผู้ติดตามคนสนิทเดินเข้ามาเบา ๆ
“ทำไมนางยังอยู่อีก นี่ก็ผ่านมาสักพักแล้ว ตามหลักนางควรจะสิ้นลมไปนานแล้วนะเจ้าคะ” แม่นมหลิวพูดด้วยน้ำเสียงแฝงความไม่สบอารมณ์
หลินเหยียนซูหรี่ตาลงอย่างไม่สบอารมณ์ ก่อนจะตอบด้วยน้ำเสียงเย็นชาที่เต็มไปด้วยความแค้น
“ข้าเองก็สงสัยเช่นกัน… ทำไมหลินเหยียนหรง ถึงยังหายใจอยู่ ทั้ง ๆ ที่ข้ากับทุกคนต่างก็อยากเห็นนางจากไป”
แม่นมหลิวก้มหน้าเล็กน้อย ก่อนจะพูดต่อด้วยเสียงแผ่วเบา
“ข่าวลือที่จวนแม่ทัพว่า นางรอดมาได้เพราะปลูกผักกินเอง” แม่นมหลิวพูดด้วยน้ำเสียงที่ยังแฝงความสงสัย
หลินเหยียนซูหัวเราะเย็น ๆ อย่างขบขันในความอาฆาต พลางสบตาแม่นมหลิวด้วยสายตาแหลมคม
“เหยียนหรงน่ะหรือ ปลูกผักกินเอง แต่ก่อนนางออกจะรังเกียจงานพวกนั้นเสียด้วยซ้ำ...”
เธอพูดอย่างเสียดสี
“ไม่คิดเลยว่าจะเห็นนางต้องมาแหยงโหยงขุดดินรดน้ำผักเหมือนคนบ้า นี่แหละ...ชะตากรรมของคนที่คิดว่าตัวเองเหนือกว่าใครทั้งหลาย”
หลินเหยียนซูค่อย ๆ ลุกขึ้นจากเก้าอี้ เดินไปยืนที่หน้าต่างมองออกไปไกล ๆ ราวกับเห็นภาพน้องสาวกำลังดิ้นรน
“ข้าอดไม่ได้ที่จะรอให้วันนั้นมาถึง...วันที่นางจะล้มลงจริง ๆ แล้วข้าเองจะได้ถอนหายใจเฮือกสุดท้ายของชีวิตเสียที”
เธอกระซิบเสียงต่ำ ก่อนจะหันกลับมามองแม่นมหลิวด้วยแววตาเยือกเย็น
หลินเหยียนซูมองหน้าแม่นมหลิวอย่างเย็นชา ราวกับว่าความคิดที่เธอกำลังจะพูดออกมานั้นคือกุญแจสำคัญที่จะจบเรื่องทั้งหมด
“ในเมื่อยาพิษและความอดอยากทำร้ายนางไม่ได้ เราก็ต้องหาวิธีการอื่นแทน”
แม่นมหลิวพยักหน้าเบา ๆ อย่างเห็นด้วย แต่ในแววตากลับเปล่งประกายความหวาดระแวง
“แต่ท่านคิดว่าเราจะทำอะไรได้อีกเจ้าคะ? หลินเหยียนหรงน่ะ เธอมีคนคุ้มกันและสายข่าวในจวนแม่ทัพมากมาย ไม่ง่ายเลยที่จะเข้าใกล้ตัวนาง”
“ไม่ง่ายก็ต้องทำ” เหยียนซูตอบอย่างเด็ดขาด “ข้าจะไม่ยอมให้ความล้มเหลวจากครั้งก่อน ๆ มาขวางทางเราอีก”
เธอเงยหน้าขึ้น มองออกไปยังระยะไกลผ่านหน้าต่างบานใหญ่
“ครั้งนี้… เราจะลงมืออย่างละเอียด ลอบเร้น และเจ็บแสบที่สุด เพื่อให้หลินเหยียนหรงไม่ได้มีโอกาสแม้แต่จะดิ้นรนอีก”
แม่นมหลิวกัดริมฝีปากเล็กน้อย ก่อนจะกล่าวเสียงต่ำ
“ข้าเข้าใจท่านแล้วเจ้าค่ะ คุณหนูเหยียนซู”
เงามืดในห้องรับรองคล้ายจะหนาทึบขึ้น ราวกับความชั่วร้ายกำลังคืบคลานเข้ามาใกล้ตัวหลินเหยียนหรงอย่างเงียบเชียบ
ฝั่งเรือนเล็กของจวนแม่ทัพซือหยาง
หลังจากขุดดินปลูกผักไปได้สักพัก หลินเหยียนหรงนั่งพักอยู่ริมหน้าต่าง มองออกไปยังทุ่งนารอบจวนอย่างคิดหนัก
“ในเมื่อข้าอยู่มาถึงตอนนี้ได้ แปลว่าภัยร้ายกำลังจะเข้ามาใกล้ตัวแน่ ๆ”
เธอพูดกับตัวเองเบา ๆ พลางลูบจมูกที่ยื่นออกมาจากร่างนางร้ายในละคร
“ข้าไม่ได้โชคดีแบบบังเอิญหรอก แต่เพราะรู้เรื่องราวทั้งหมดล่วงหน้า...” เหยียนหรงกดดันใจตัวเองให้แข็งแกร่ง
“แผนของพี่สาวบ้าอำนาจและแม่นมหลิวนั่น... ข้าจะไม่ยอมให้จับข้าเป็นเหยื่อซ้ำอีก!”
ด้วยประสบการณ์จากซีรีส์และความจำในอดีต นางเอกเริ่มวางแผนรับมืออย่างละเอียด ทั้งเตรียมอาวุธลับเล็ก ๆ และเก็บข้อมูลคนรอบตัวที่น่าสงสัย
“เสี่ยวผิง ข้าต้องการให้เจ้าช่วยสอดแนมทุกคนในจวนนี้”
เสี่ยวผิงกะพริบตาปริบ ๆ อย่างตื่นเต้น
“บ่าวจะพยายามอย่างเต็มที่เจ้าค่ะ!”
หลินเหยียนหรงยิ้มมุมปาก พร้อมกับรู้สึกได้ว่าการต่อสู้ในครั้งนี้ยังอีกยาวไกล แต่เธอจะไม่ยอมแพ้เด็ดขาด
“ภารกิจนี้… ไม่ใช่แค่เพื่อความอยู่รอด แต่เพื่อชีวิตใหม่ที่ข้าจะต้องคว้าเอาไว้!”
“ว่าแต่คุณหนูเจ้าคะ ข้ารู้สึกว่าท้องร้องแล้วเจ้าค่ะ เช้านี้เราจะกินอะไรกัน”เสี่ยวผิงเอ่ยเสียงหวาน ดวงตากลมโตมองตะวันอย่างเป็นห่วง
ตะวันในร่างหลินเหยียนหรงครุ่นคิดไปชั่วขณะ ถึงแม้เธอจะมีแต่ความรู้เรื่องอาหารไทยเต็มหัว แต่ที่นี่...เป็นชายแดนไกลบ้าน ไม่มีแม้แต่กะเพราไข่ดาวหรือส้มตำให้กินง่าย ๆ แน่นอน
“งั้นพักก่อนเถอะ ไปดูในครัวว่ามีอะไรกินบ้าง ไม่อย่างนั้นก็ไปจ่ายตลาดกัน เงินสินเดิมของข้ายังพอมีเหลืออยู่ แต่ถ้ามันหมด หลังจากนี้ก็ต้องหาวิธีให้เงินมันงอกออกมา”เธอยิ้มมุมปาก พลางนึกถึงแผนการเล็ก ๆ ที่จะช่วยให้เธอและเสี่ยวผิงมีเงินใช้โดยไม่ต้องพึ่งพาใคร
เสี่ยวผิงพยักหน้าอย่างดีใจ “เจ้าค่ะ คุณหนู ข้าจะรีบไปดูของในครัวทันทีเจ้าค่ะ”
ทั้งสองเดินไปที่ครัวซึ่งมีเพียงหม้อดินใบเก่า เตาไฟถ่าน และเครื่องครัวหยาบ ๆ ตะวันเปิดตู้ไม้เก็บของ เห็นข้าวสารไม่มากนัก และผักสดบางส่วนที่ถูกเก็บไว้อย่างประหยัด
“อืม...นี่คงเป็นอาหารของพวกเราช่วงนี้” เธอพูดกับตัวเอง
“เสี่ยวผิง เจ้าช่วยข้าทำอาหารง่าย ๆ ด้วยของที่มีในครัวกันเถอะ”เสี่ยวผิงเงยหน้ามองตะวันด้วยสายตาสดใส “เจ้าค่ะ คุณหนู ข้าจะตั้งใจทำให้ดีที่สุดเจ้าค่ะ”
ตะวันกวาดตามองไปที่ผักกาดขาว หัวหอม และขิงที่มีอยู่ในครัว
“งั้นเรามาเริ่มจากต้มซุปง่าย ๆ ก่อนนะ เสี่ยวผิง เจ้าไปตักน้ำจากบ่อน้ำข้างนอกมาเร็ว!”
“เจ้าค่ะ!” เสี่ยวผิงวิ่งออกไปอย่างรวดเร็ว
ขณะที่เสี่ยวผิงไปนำน้ำ ตะวันนั่งลงที่มุมครัว หยิบมีดเก่าขึ้นมาปอกหัวหอมอย่างตั้งใจ
“อยู่ที่นี่ก็เหมือนเริ่มต้นใหม่... ถึงจะลำบากแต่ก็ต้องทำให้ดีที่สุด” เธอกระซิบกับตัวเองอย่างมุ่งมั่น