ตอนที่3

1399 Words
ตอนที่ 3 “คิดจะกดดันข้าด้วยวิธีแกล้งกันแบบนี้น่ะหรือ? ฝันไปเถอะ! จะให้ข้ากลับจวนบิดางั้นรึ? ฮึ...ที่นั่นก็ขุมนรกดี ๆ นี่เอง ไม่ต่างกันหรอก!” หญิงสาวบ่นพึมพำด้วยน้ำเสียงกราดเกรี้ยวพลางปัดฝุ่นตรงบานหน้าต่างไม้เก่าคร่ำซึ่งพังครึ่งหนึ่งให้เปิดออกได้บ้าง แม้ลมจะพัดเอาฝุ่นปลิวใส่หน้าเธอไปเต็ม ๆ ก็ตาม เสี่ยวผิงที่ยืนพับผ้าผืนสุดท้ายอยู่ตรงมุมห้องเงยหน้าขึ้นอย่างตกใจ “คุณหนู…ท่านจะกลับจวนหรือไม่เจ้าคะ? หากท่านไม่พอใจที่นี่…” เหยียนหรงโบกมือปัดคำพูดนั้นอย่างรวดเร็ว “ไม่ต้องพูดถึงที่นั่นให้เปลืองน้ำลายหรอกเสี่ยวผิง ข้าไม่โง่กลับไปให้พวกนั้นเหยียบซ้ำแน่นอน” ดวงตาเรียวรีของเธอกวาดไปรอบห้องอย่างประเมินสถานการณ์ ความทรุดโทรมของเรือนเล็กหลังนี้ไม่ได้ทำให้เธอท้อแต่อย่างใด กลับกันมันกระตุ้นสัญชาตญาณเอาตัวรอดในแบบสาวคลั่งซีรีส์ผู้เคยดูละครย้อนยุคมาร้อยเรื่องให้ลุกโชน “มีหลังคา มีพื้น ถึงจะกรอบนิดหน่อยแต่ก็ยังเดินได้ มีหน้าต่างไว้รับลม…ขาดก็แค่อาหารดี ๆ กับผ้าห่มนุ่ม ๆ เท่านั้นเอง” เธอพึมพำเบา ๆ แล้วหันมาหาเสี่ยวผิงด้วยดวงตาวาววับ “เสี่ยวผิง เราจะอยู่กันให้รอดแบบมีศักดิ์ศรี ตกอับได้ แต่ห้ามอดตาย เข้าใจมั้ย?” สาวใช้น้อยพยักหน้าหงึกหงักอย่างมึน ๆ “ขะ…เข้าใจเจ้าค่ะ แต่จะให้บ่าวทำอะไรก็รีบสั่งเถิดเจ้าค่ะ” “ดีมาก!” เหยียนหรงยิ้มอย่างพอใจ เธอเดินไปหยิบผ้าที่เสี่ยวผิงพับไว้แล้วเอามาวางพาดบ่าตัวเองอย่างกับผ้าเช็ดตัวแม่บ้านซิทคอม แล้วเริ่มสั่งการเสียงใส “ขั้นแรก เราต้องสำรวจพื้นที่รอบเรือน ว่ามีแหล่งน้ำ แหล่งไม้ หรือที่ซ่อนขนมจากยุคหินบ้างมั้ย” “ขนมจากยุคหินคืออันใดหรือเจ้าคะ?” “อ้อ ลืมไป ข้าพูดเล่นน่ะ” หญิงสาวยักไหล่ “เอาเป็นว่าเจ้าช่วยข้าสำรวจรอบเรือน ส่วนข้าจะจัดลิสต์ของใช้จำเป็น ถ้าพรุ่งนี้เช้าคนในจวนยังทำเป็นมองไม่เห็นเรา ข้าจะเดินไปหน้าเรือนใหญ่ด้วยตัวเอง ขอของจากพ่อบ้านด้วยใบหน้าแบบนางร้ายระดับตำนานเลยคอยดู!” เสี่ยวผิงเริ่มจะไม่แน่ใจแล้วว่า คุณหนูของตนนั้นตกน้ำมาแล้วความจำเสื่อมหรืออย่างไร ถึงได้เปลี่ยนไปจากหญิงสาวเย่อหยิ่งปากร้ายที่คนในจวนเล่าลือกันลิบลับ แต่พอเห็นรอยยิ้มสดใสของนาง ก็อดยิ้มตามไม่ได้ แม้เรือนเล็กนี้จะห่างไกลความอบอุ่นจากผู้คน แต่เสี่ยวผิงกลับรู้สึกว่า อากาศรอบตัวกลับอบอุ่นขึ้นอย่างน่าแปลกใจ เช้าวันถัดมา หลินเหยียนหรงยืนเท้าเอวมองเพดานอย่างปลงตก แล้วค่อย ๆ หันกลับไปหาสาวใช้ตัวเล็กข้างกาย “เสี่ยวผิง วันนี้เราจะลุกขึ้นปฏิวัติจวนเจ้าสาว!” เสี่ยวผิงที่กำลังพับผ้าอยู่สะดุ้งเฮือก มือที่กำลังจับเสื้อเก่าหลุดมือร่วงลงพื้น “เอ่อ…คุณหนูหมายถึง…อะไรหรือเจ้าคะ?” “หมายถึง เราจะไม่ยอมตายอนาถอยู่ในเรือนเล็กนี่ไง!” เหยียนหรงยิ้มกว้าง สีหน้าเต็มไปด้วยความฮึกเหิม “นับจากวันนี้เป็นต้นไป ข้าจะใช้ชีวิตในร่างนี้ให้สมกับเป็นนางร้ายระดับตัวแม่!” สาวใช้ผู้น่าสงสารเริ่มกังวลเล็กน้อยว่าคุณหนูตนเองอาจถูกผีเข้าสิง แต่อีกใจก็รู้สึกว่า…อย่างน้อยคุณหนูคนนี้ก็ไม่ขว้างแจกันใส่หัวบ่าวเหมือนเมื่อก่อน “ข้าอยากได้สวนครัวเล็ก ๆ หลังเรือน กับกระถางสมุนไพร รู้ไหมปลูกอะไรได้บ้าง?” “เอ่อ…ตอนนี้มีกระเทียม หัวหอม กับผักกาดแห้งเหลืออยู่เจ้าค่ะ…” “ดีมาก! เดี๋ยวคืนนี้เราจะจัดเมนู ‘ผักกาดสามแผ่นครองโลก’ !” พูดไม่ทันจบ เสียงฝีเท้าแน่นหนักก็ดังมาจากทางเดินเรือนหลัง เสี่ยวผิงเบิกตากว้าง “คุณหนู! มันเป็นเสียงของ…ของ…” แกร๊ก ประตูไม้ถูกผลักออก ร่างสูงในชุดคลุมแม่ทัพสีดำทองยืนอยู่ตรงประตู ใบหน้าคมคาย นัยน์ตาคมจัดดั่งจะเฉือนเนื้อ ข้างเอวสะพายดาบยาว แม่ทัพซือหยาง ปรากฏตัวพร้อมรังสีเย็นยะเยือกที่ทำให้เสี่ยวผิงถึงกับก้มหน้าลงทันที แต่หลินเหยียนหรงกลับยืนกอดอก ยิ้มหวานใส่แบบที่หวานจนดูประชด “อรุณสวัสดิ์เจ้าค่ะท่านแม่ทัพ…มาเยือนเรือนเล็กแต่เช้า หรือตั้งใจจะมาพาข้าไปส่งกลับจวนบิดา?” “…” ชายหนุ่มมองนางนิ่ง ๆ ไม่มีแววตาใด ๆ ปรากฏ “แหม ไม่ต้องทำหน้านิ่งก็ได้ ข้ายังไม่ตายง่าย ๆ หรอกนะ” “…” เขายังไม่พูด แต่ดวงตาเย็นชานิ่งไล่สแกนตั้งแต่หัวจรดเท้าเหมือนจะประเมินว่านางบ้าจริงหรือแค่แกล้งเพี้ยน ในที่สุดเขาก็เปิดปากพูดด้วยเสียงเยียบเย็นสนิท “ข้าแค่มาดูว่าเจ้าจะขอความเมตตาหรือยัง” “ขอความเมตตาเหรอ?” เหยียนหรงหัวเราะเบา ๆ พลางตวัดผ้าคลุมขึ้นพาดไหล่ “ไม่มีวัน! ถ้าท่านจะไล่ข้าไป ข้าจะปักธงอยู่หน้าประตูเรือนนี้แทน!” ซือหยางมองนางครู่หนึ่งก่อนจะหมุนตัวจากไป แต่ก่อนจะพ้นประตู เขาเอ่ยเสียงเบาเย็น “อย่าให้ข้าต้องมาเก็บซากเจ้าก็พอ” ปัง! ประตูปิดดังลั่นตามสไตล์พ่อบ้านเย็นชา เหยียนหรงหันมายักไหล่ใส่เสี่ยวผิง “เห็นไหม เขายังห่วงข้าอยู่ลึก ๆ นั่นล่ะ” เสี่ยวผิงกระซิบเบา ๆ “เอ่อ…คุณหนูเจ้าคะ…บ่าวรู้สึกว่าท่านแม่ทัพน่าจะห่วงพื้นเรือนมากกว่านะเจ้าคะ…” “อย่าไปสนใจเลย มาต่อกันเถอะ เราต้องขุดดินทำแปลงผักกัน” หลินเหยียนหรงพูดพลางลุกขึ้นตบฝุ่นออกจากชุดอย่างเริงร่า ราวกับเมื่อครู่ไม่มีพายุแม่ทัพเย็นชาผ่านเข้ามาเลยแม้แต่น้อย เสี่ยวผิงกะพริบตาปริบ ๆ “ขะ...ขุดดินหรือเจ้าคะ?” “ใช่แล้ว!” นางพูดพลางหยิบทัพพีเก่า ๆ จากตะกร้าใบหนึ่ง “เสี่ยวผิง เจ้าเคยขุดหลุมศพไหม?” “อ๊า! คุณหนู!” สาวใช้ตัวเล็กแทบเข่าทรุด หน้าซีดลงไปสองเฉดทันที “ล้อเล่นน่า” เหยียนหรงหัวเราะคิกอย่างมีความสุข “ข้าหมายถึงหลุมปลูกผักต่างหาก พวกเราจะสร้างแปลงผักแห่งปาฏิหาริย์ขึ้นหลังเรือนเล็กนี่ แล้วเลี้ยงชีพโดยไม่ต้องง้อจวนใหญ่!” “แต่...แต่ดินที่นี่แข็งมากเลยนะเจ้าคะ ไม่มีแม้แต่เสียม มีแค่ทัพพีกับช้อนตักข้าว...” “นั่นล่ะ! เราจะเริ่มจากศูนย์!” นางยืนเท้าสะเอว มองสนามหลังเรือนที่เต็มไปด้วยหญ้ารกรุงรัง “จำไว้นะเสี่ยวผิง นักปลูกผักที่ดี ไม่โทษอุปกรณ์ แต่ใช้ใจขุด!” เสี่ยวผิงกลืนน้ำลายเงียบ ๆ มองคุณหนูผู้เคยใช้ชีวิตอยู่แต่ในห้องแต่งตัวหรูหรา บัดนี้กำลังย่อตัวขุดดินด้วยทัพพีอย่างฮึกเหิม “ขุดหนึ่งตัก…นับหนึ่งก้าวไปสู่ความมั่นคงทางอาหาร!” เหยียนหรงฮัมเพลงไม่รู้ภาษาขณะตักดินปึกเล็ก ๆ อย่างภาคภูมิใจ ผ่านไปหนึ่งเค่อ… เสียงแว่วของทัพพีกระทบดินยังคงดังอยู่เรื่อย ๆ เสี่ยวผิงเริ่มย่อตัวลงช่วย นางรู้สึกว่าแม้คุณหนูจะประหลาดไปบ้าง แต่รอยยิ้มของคุณหนูวันนี้...มันดูมีความสุขอย่างแปลกประหลาด “คุณหนูเจ้าคะ ถ้าเราปลูกได้จริง บ่าวจะเอาไปขายที่ตลาดให้เองนะเจ้าคะ” เหยียนหรงเงยหน้าขึ้น ยิ้มกว้าง “ยอดเยี่ยม! งั้นเจ้าต้องหัดต่อรองราคาด้วยนะ ข้าวหัวผักกาดสามแผ่น ต้องขายได้กำไรอย่างน้อยหนึ่งตำลึง!” ขณะที่สองสาวขุดดินอยู่อย่างเพลิดเพลิน ชายชุดดำที่ยืนอยู่บนชั้นสองของเรือนหลักก็จ้องมองพวกนางจากหน้าต่างด้วยสายตาอ่านไม่ออก แม่ทัพซือหยางมองคุณหนูผู้เคยบ้าคลั่งไล่ขว้างจานชามใส่บ่าว กลับนั่งขุดดินกับสาวใช้อย่างเอาเป็นเอาตาย ริมฝีปากหยักของเขาขยับเล็กน้อย ราวกับจะหลุดยิ้ม...แต่สุดท้ายก็แค่ถอนหายใจ “นางกำลังวางแผนอะไรอีกแน่...” เขาพึมพำเบา ๆ แต่คงไม่มีใครตอบเขาได้หรอก...แม้แต่ตัวเหยียนหรงเอง
Free reading for new users
Scan code to download app
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    Writer
  • chap_listContents
  • likeADD