ตอนที่ 11
กระโจมทหาร / เวลาหัวค่ำ
“นี่ ๆ ๆ เจ้าน่ะ อาเฟิ่งใช่หรือไม่?”
“ขะ...ข้า...ใช่”
เสียงของเหยียนหรงแผ่วจนแทบหลุดออกจากลำคอ เพราะคนที่ยืนอยู่ตรงหน้าเธอคือ...องครักษ์ผู้พักดีของซือหยางที่เคยปะหน้ากันมาแล้วหลายครั้ง
“ข้าเว่ยหลาน องครักษ์มือซ้ายของท่านแม่ทัพ”
ชายหนุ่มใบหน้าเปิดเผย ยิ้มกว้างด้วยความเป็นมิตร ใบหน้าคมเข้มแฝงความทะเล้นในดวงตา ท่าทางผ่อนคลายต่างจากทหารนายอื่นที่ดูเคร่งขรึมเวลาอยู่กลางสนามฝึก
เหยียนหรงยิ้มเกร็ง ๆ พลางกลืนน้ำลาย
“อะ...อื้ม จำได้...ข้า...เคยเห็นท่านอยู่ข้างกายท่านแม่ทัพ”
‘เวรล่ะ...ไม่นึกว่าจะอยู่กระโจมเดียวกัน’ เธอกรีดร้องในใจ มือกอดเสื้อคลุมตัวหลวมแน่นขึ้นอีกนิด
กระโจมพักทหารแห่งนี้ไม่ได้หรูหรา มีเพียงเสื่อบาง ๆ ปูพื้น ผ้าห่มบางตามเบี้ยเลี้ยงที่จ่าย เทียนเล่มเล็กให้ความสว่างกลางเต็นท์ และ...เสียงกรนของทหารที่หลับไปแล้วสองสามคน
เว่ยหลานทิ้งตัวนั่งข้าง ๆ ด้วยท่าทางสบาย
“ข้าจำกลิ่นอาหารเมื่อกลางวันได้ เจ้านี่แหละที่ทำปลาต้มนั่นใช่หรือไม่?”
“เอ่อ...ใช่ ข้าทำเอง”
‘อย่าจ้องมากเดี๋ยวรู้ว่าเป็นผู้หญิง’ เธอคิดพร้อมหดไหล่เกร็งจนดูตัวเล็กเข้าไปอีก
เว่ยหลานหัวเราะในลำคอ
“น่าสนใจดี เจ้าเพิ่งเข้าค่ายได้ไม่กี่วัน แต่ท่านแม่ทัพกลับให้ทำอาหารให้เองเฉพาะกิจแบบนั้น มันไม่ธรรมดานะ”
“…ก็แค่...บังเอิญน่ะขอรับ”
เธอพูดเสียงต่ำลง พลางเบือนหน้าไปทางเทียนที่ส่องแสงริบหรี่
เว่ยหลานเหลือบมองแล้วเอียงคอเล็กน้อย
“เจ้ามีท่าทาง...ไม่เหมือนคนเคยอยู่ในหมู่บ้านยากจนเลยนะ”
ตึกตัก ตึกตัก
เสียงหัวใจเหยียนหรงดังโครมครามในอก
“ท่าทางเจ้า...คล้ายพวกบัณฑิตในเมืองหลวงที่วันๆเอาแต่จับตำรามากกว่า” เขาว่าเสียงเบา คล้ายพูดแทรกมาจากในเงา
“มือก็ไม่ได้หยาบกระด้าง เสียงเรียบ สบถไม่เก่ง ท่าทางเดินเหมือนเดินบนสะพานหิน ไม่ใช่บนคันนา”
เหยียนหรงกลืนน้ำลายฝืด ๆ แล้วรีบแสร้งหัวเราะเบา ๆ
“ข้าก็...อาจจะเคยเป็นพนักงานโรงเตี๊ยมก็ได้…”
เว่ยหลานจ้องเธอนิ่ง
ก่อนจะยิ้มขำและพูดเสียงเบาลงอีกระดับ
“ข้าแค่หยอกน่ะ อย่าทำหน้าเครียดสิอาเฟิ่ง”
เขาหยิบห่อถั่วคั่วจากกระเป๋าผ้าโยนให้เธอ
“นี่ ของว่าง เอาไว้แบ่งกินตอนยามดึก อย่าให้ใครรู้ล่ะว่าเจ้าได้พิเศษ ”
เหยียนหรงรับห่อถั่วมาด้วยสีหน้าที่ค่อยยังชั่ว
“…ขอบใจขอรับ ท่านเว่ยหลาน”
“เรียกแค่เว่ยหลานก็พอ เราอยู่กระโจมเดียวกันแล้ว เจ้ากับข้าคือพวกเดียวกัน”
เขายิ้มอย่างจริงใจ แล้วลุกขึ้นยืน
“พักผ่อนเสีย วันพรุ่งนี้ท่านแม่ทัพอาจให้เจ้าแสดงฝีมืออีก ข้าอยากรู้เหมือนกันว่าคนตัวบาง ๆ อย่างเจ้าจะทำอาหารในสนามรบได้เก่งแค่ไหน”
เขาเดินจากไปท่ามกลางเสียงหายใจของเหล่าทหาร ส่วนเหยียนหรงยังคงนั่งตัวแข็ง กำถั่วในมือแน่น
‘เกือบไปแล้ว...’
เธอเงยหน้ามองเพดานผ้าใบของกระโจม ก่อนจะถอนหายใจ
แต่น่าแปลก...
แม้หัวใจจะเต้นไม่เป็นจังหวะเพราะความกลัวถูกเปิดโปง แต่ที่ปลายนิ้ว...กลับรู้สึกถึงความอบอุ่นแปลกประหลาดจากห่อถั่วคั่วในมือ
บางที…เธออาจไม่ได้อยู่ “ลำพัง” อย่างที่คิดเอาไว้แต่แรกก็ได้
เสียงกรนของทหารคนอื่น ๆ ดังระงมประสานกันอย่างน่ารำคาญ ขณะที่กลิ่นบางอย่างที่ไม่ควรถูกอธิบายลอยแตะเข้าปลายจมูกมาเป็นระยะ
นางถอนหายใจเฮือกใหญ่ แล้วกระซิบกับตัวเองเสียงเบาพยายามอดทนกัดฟันแน่น
“แต่ตอนนี้...อาบน้ำได้ที่ไหน หัวไม่ได้สระ ฟันไม่ได้แปรง หยะแหยงตัวเองจะตายอยู่แล้ว”
นางยกแขนขึ้นดมแขนเสื้อ แล้วรีบเบือนหน้าหนีทันที
“โอ๊ย ตะวันเอ๊ย...เธอเคยคิดจะย้อนยุคไปหาพระเอกไม่ใช่เหรอ ไหนล่ะกลิ่นดอกเหมย ไหนล่ะอ่างไม้ลายงามกับกลีบกุหลาบลอยน้ำ!? นี่มันค่ายทหารนะ ไม่ใช่สปา!”
"หากเจ้าอยากชำระกาย...มีลำธารอยู่ห่างจากค่ายออกไปทางตะวันตกสักหน่อย เดินไปครู่เดียวก็ถึง"
พ่อครัวเฒ่ากล่าวไว้เพียงแค่นั้นในยามกลางวัน ก่อนจะสะบัดมือชี้ไปทางหนึ่งแบบลวก ๆ
เธอถือกระบอกน้ำไม้ไผ่ ตะกร้าไม้เล็ก ๆ ใส่ผ้าผืนบางกับสมุนไพรล้างผิวแบบโบราณที่แอบขอจากเสี่ยวผิง แล้วย่องผ่านแนวค่ายออกไปอย่างระแวดระวัง
“จะให้ข้านอนต่อในสภาพตัวเหม็นเหงื่อ ขี้ตาเกาะเป็นเม็ดมุก กับผมที่ยุ่งเหมือนฟางหมูแบบนี้น่ะเหรอ ไม่มีทาง!”
เธอบ่นเบา ๆ พลางปัดกิ่งไม้ที่ขวางทาง
ผ่านพุ่มไม้ต้นที่สิบ...ยังไม่เห็นวี่แววของน้ำ
“พ่อครัวเฒ่าบอกว่าเดินไม่กี่’เค่อ’ก็ถึงแล้ว นี่มันหน่วยวัดเวลาแบบไหน นับแบบจักรพรรดิหรือแบบคนปกติ!?”
เธอสบถเบา ๆ พลางเดินลากรองเท้าผ้าเก่า ๆ ไปตามดินที่เริ่มชื้นขึ้นเรื่อย ๆ
จนกระทั่ง...
เสียง "จ๋อม..." ดังเบา ๆ
ตะวันชะงัก
“มีน้ำ!”
เธอรีบสาวเท้าไปอีกนิด แล้วเบิกตากว้างเมื่อเห็นรำธารเล็กสายหนึ่งทอดตัวคดเคี้ยวอยู่ใต้ต้นไม้ใหญ่ แสงจันทร์สะท้อนผิวน้ำเป็นระยิบระยับเหมือนในซีรีส์จีนจริง ๆ
“พระเจ้า...ในที่สุดก็เจอ!”
เธอแทบจะโยนตะกร้าลงแล้วกระโจนลงน้ำในทันทีถ้าไม่ติดว่าต้องระวัง “คอนเซ็ปต์ปลอมเป็นผู้ชาย”
ตะวันวางของลงข้างลำธารอย่างระมัดระวัง ย่อตัวลง ใช้ฝ่ามือตักน้ำล้างหน้าก่อนเป็นอันดับแรก
“โอ๊ยย สดชื่นเว่อร์~ ฟินยิ่งกว่าฝักบัวในคอนโด”
จากนั้นเธอก็พยายามล้างแขน ขา ผิวหน้า และเส้นผมโดยยังสวมเสื้อผ้าอยู่ครบ ไม่กล้าเปลื้องมากเพราะกลัวคนผ่านมาเห็น
‘ก็โลกนี้ไม่ใช่ Netflix นะ จะมานั่งอาบน้ำเปลือยกลางแสงจันทร์ได้ยังไงกัน!’
เธอบ่นในใจ แต่ก็ยังเผลอหลุดยิ้มให้กับความเย็นสดชื่นของสายน้ำ
แต่...
ทันใดนั้นเอง เสียงฝีเท้าเบา ๆ จากด้านหลัง...ดังขึ้น
เธอชะงักทันที มือที่กำลังตักน้ำค้างกลางอากาศ
ใครบางคน...กำลังเดินเข้ามาใกล้
เสียงรองเท้าหนังแบบทหารเก่ากระทบพื้นดินเบา ๆ แต่มั่นคง เหมือนฝีเท้าทหาร
หัวใจของตะวันเต้นโครมคราม ร่างเกร็งทันทีโดยไม่ต้องคิด
‘เวรแล้ว! อย่าบอกนะว่า...แม่ทัพ! ฉากนี้มันมีในซีรีส์เสียด้วย ลืมไปซะสนิทเลย ไม่คิดว่ามันจะมาเร็วขนาดนี้’
เธอรีบหมุนตัวกลับ...ช้า ๆ อย่างพยายามไม่ให้ลื่นล้ม น้ำยังหยดเปียกแขนเสื้อ
ผมเปียกครึ่งหัว เสื้อตัวนอกเปียกเพราะเธอล้างตัวแบบแอบ ๆและตรงหน้าของเธอ...คือ
ร่างสูงสง่าในชุดคลุมคล้ายแม่ทัพ เพียงแต่ไม่ได้สวมเกราะ มาแบบนี้จะต้องรออะไรให้แน่ใจอีก เขานั่นแหล่ะ สามีแม่ทัพผู้ไร้หัวใจคนดีคนเดิมของเธอนั่นแหล่ะ เหยียนหรง
ตะวันในร่างเหยียนหรง แทบอยากมุดน้ำหนี
ทว่า!
“อาเฟิง?”