หญิงอัปลักษณ์
' ใคร...ใครหน่ะ ?
ฝีเท้าเบาราวขนนกจากการฝึกฝนวรยุทธเป็นอันพลาดใหญ่หลวงเพียงเพราะกระเบื้องเก่าหนึ่งชิ้น โจวหลี่เจี๋ยปล่อยให้เศษกระเบื้องตกลงสู่พื้นห้องอาบน้ำเบื้องล่าง เมื่อกะระยะด้วยสายตาแล้วพบว่าพ้นจากอาณาเขตอ่างไม้ พอที่จะไม่ทำอันตรายแก่สตรีที่กำลังแช่น้ำสบายใจอยู่ด้านล่าง จากนั้นจึงรีบย้ายกายขึ้นต้นไม้ใหญ่ หนีหายออกไปจากกำแพงหลังจวนด้วยความรีบร้อน ปล่อยภรรยาทิ้งไว้กับเสียงกรีดร้องจนหูแทบแตกและรูโหว่ขนาดใหญ่บนหลังคาจวน
" กรี้ดดดด มีไอ้โรคจิตวิตถารแอบดูคนอาบน้ำ ! "
ดูเอาเถิด...สตรีดี ๆ ผู้ใดเที่ยวตะโกนป่าวประกาศว่ามีคนเห็นเรือนร่างตนยามเปลือยกาย ? หากเป็นสตรีที่ยังมิออกเรือนต้องผิดผีได้ตบแต่งไอ้โรคจิตเป็นสามีแน่แท้ !
ซึ่งก็จริง...
นางแต่งกับเขาไปแล้ว
ถึงจะแค่ป้ายหยกก็ตามที
" ท่านแม่ทัพทางนี้ขอรับ ! "
อาซื่อทหารเอกคู่กายกวักมือเรียกนายเหนือหัวอยู่ที่มุมหนึ่งของกำแพงจวน มองดูร่างสูงสง่าในชุดเสื้อผ้าชาวบ้านมอมแมมมีเหงื่อชื้นขึ้นตามกรอบหน้าหล่อเหลา แต่ยังคงความสง่างามอย่างแม่ทัพใหญ่ด้วยสายตาปลื้มปีติราวกับให้กำเนิดท่านแม่ทัพมาด้วยตนเอง แม้จะอายุรุ่นราวคราวเดียวกันก็ตามที
" เป็นอย่างไรบ้างขอรับฮูหยินใหญ่...เอ่อ..อัปลักษณ์อย่างที่ร่ำลือ..."
" กลับกอง "
" โธ่..บอกกันบ้างสิขอรับ ข้าน้อยก็อยากรู้ว่าจริงเท็จเพียงใด "
ฝ่ามือหนาฟาดลงที่กลางแผ่นหลังนายทหารหนุ่มจนฝุ่นกระจายออกจากเสื้อฝ้ายสีมอซอแบบมองเห็นด้วยตาเปล่า ใช่เรื่องหรือที่ชายฉกรรจ์วัยออกเรือนมาถามถึงรูปร่างหน้าตาภรรยาผู้อื่น หากนางจะอัปลักษณ์แล้วอย่างไร ชาวบ้านก็รู้กันทั่วเมืองแล้วว่านางเป็นฮูหยินใหญ่จวนแม่ทัพโจว มีประโยชน์อันใดถ้านางจะงดงามราวเทพธิดาหรือขี้ริ้วขี้เหร่ปานยาจกไร้บ้าน ก็ได้ชื่อว่าเป็นภรรยาของเขาอยู่ดี
" เจ้าอยากกินข้าวกับกรวดกระมัง ? "
" มิบังอาจขอรับ.."
" ไปเอาม้ามา "
ค่ายทหารประจำการของกองทัพหวงหลงมีทหารประจำการทั้งสิ้นสามแสนนาย ล้วนขึ้นตรงต่อแม่ทัพโจวเพียงผู้เดียว ยามบ้านเมืองสุขสงบมีหน้าที่อารักขาจินหลงหวงตี้ ผู้เป็นใหญ่ที่สุดในแผ่นดินต้าหลง ยามหัวเมืองใดใต้อำนาจเริ่มมีท่าทีเหิมเกริม ยามนั้นจึงจะแบ่งทัพออกครึ่งกองไปกำราบมิให้บังอาจคิดก่อกบฏ การคัดเลือกฝึกซ้อมเฟ้นหาทหารมือดีมาประจำการล้วนเลื่องลือว่าโหดเหี้ยมหนักหนา จนบางคนแทบไม่รอดชีวิตกลับมา หากแต่เบี้ยหวัดนั้นสูงกว่าทหารในกองทัพอื่นถึงสามเท่า
นี่จึงเป็นเหตุให้แม่ทัพโจวนั้น เนื้อหอมในหมู่เสนาบดีที่หวังเกี่ยวดองสร้างฐานอำนาจในราชสำนักไม่น้อย ต่างเสนอบุตรสาวรายชื่อยาวเป็นห่างว่าวมาที่จวนให้เลือกไม่เคยขาดสาย ถึงแม้จะปฏิเสธไปไม่รู้กี่ครั้งต่อกี่ครั้งก็ยังเทียวหาทางต่อรองเอาจนได้
มิใช่เพราะเขามีองค์หญิงหกเป็นคู่หมายตั้งแต่วัยเยาว์จึงปฏิเสธผู้อื่น แต่เพราะเขาเพียงต้องการความสุขสงบในชีวิตด้วยการมีภรรยาคนเดียวในจวนก็เพียงพอแล้ว หากมีชีวิตเช่นดังบิดาที่มีภรรยาหลวงหนึ่งอนุภรรยาสาม ต่อหน้ารักกันดั่งพี่น้องลับหลังจิกหัวตบตีกันเสียจนปากบิดปากเบี้ยวเขาขออยู่เป็นชายโสดคากองทัพเสียยังดีกว่า
" ท่านแม่ทัพขอรับจดหมายจากองค์หญิงหก "
" วางไว้แล้วออกไป "
" ขอรับ "
ร่างเปลือยท่อนบนที่พึ่งอาบน้ำชำระกายเอนหลังพิงหมอนผ้าขนสัตว์ในกระโจมไม้ไผ่ นิ้วเรียวยาวคลี่แผ่นกระดาษเซวี่ยนที่ถูกพับเป็นสามท่อนผนึกปิดด้วยดอกโบตั๋นแห้งออก ภายในมีเนื้อหารำพันรักปนตัดพ้อร่ายเป็นบทกวีไม่สั้นไม่ยาว ใจความแสดงความคิดถึงช่วงวันเวลาดี ๆ ร่วมกัน ทั้งยังต้องการให้เขารีบกลับเข้าเมืองหลวงเพื่อเตรียมตัวสำหรับสมรสพระราชทาน ครานี้ขืนส่งเพียงป้ายหยกไปเข้าพิธี มีหวังคอคงไม่อยู่บนบ่าเป็นแน่แท้ อีกฝ่ายเป็นถึงองค์หญิงในพระชายาเอกกุ้ยเฟย ลำพังได้แต่งเป็นอนุภรรยาของเขา ทั้งที่เป็นคู่หมายมาก่อนหญิงอื่นก็วังแทบแตกอยู่แล้ว
" น่ารำคาญ "
ฝ่ามือหนาขยำแผ่นกระดาษโยนทิ้งอย่างไม่ใส่ใจออกไปนอกหน้าต่างกระโจม นึกหงุดหงิดใจที่ตำแหน่งหน้าที่รวมถึงชาติกำเนิดไม่อาจหลีกเลี่ยงการคลุมถุงชนกับหญิงสูงศักดิ์ไปได้ แม้แต่กับภรรยาเอกผู้ถูกร่ำลือทั่วเมืองว่าเป็นหญิงกาละกิณีก็หนีไม่พ้น นางเป็นถึงบุตรสาวราชครูและพี่น้องร่วมสาบานของอดีตหวงตี้พระองค์ก่อน แม้แต่จินหลงหวงตี้ยังต้องเกรงอกเกรงใจเป็นพิเศษ ถึงขั้นยอมให้องค์หญิงหกกลายเป็นอนุภรรยาผู้มาทีหลัง
" อันที่จริงแล้ว..ฮูหยินใหญ่อัปลักษณ์จริงหรือไม่ขอรับ ? "
" ทำไมเจ้ายังอยู่อีก ! "
ใบหน้าหล่อสะบัดมองทหารหนุ่มที่แอบกายอยู่หลังหน้าต่างกระโจม โผล่พ้นออกมาให้เห็นเพียงดวงตาสอดรู้ มือใหญ่เตรียมคว้าคบไฟข้างกายโยนออกไปด้านนอกถัดจากก้อนกระดาษเซวี่ยน หากแต่ทหารเอกโวยวายร้องขอชีวิตได้ทัน ก่อนหนีหายไปในความมืด
" วุ่นวายนัก ! "
ร่างสูงวางคบไฟเข้าที่ก่อนเอนหลังลงอีกครา ข่มตาหลับลงในค่ำคืนอากาศร้อน ภาพฝันยามครึ่งหลับครึ่งตื่น เป็นใบหน้ากลมรูปไข่ของสตรีนางหนึ่งที่ประปรายไปด้วยรอยจุดแผลเป็นจาง ๆ เสียงกรีดร้องด่าทอว่าเขาเป็นไอ้โรคจิตวิตถารยังคงก้องในหู จากนั้นนางจึงเริ่มแสดงใบหน้าโกรธขึง ค่อย ๆ ดัดกายในท่วงท่าพิสดารต่าง ๆ อย่างที่มักจะทำเป็นประจำทุกเช้า
อัปลักษณ์ยิ่งนัก สตรีดี ๆ ผู้ใดเขาแหกแข้งแหกขาชี้ฟ้าเช่นนี้....