ตอนที่ 4.2 ขยะ
“ไม่ต้องมอง” เสียงทุ้มเข้มเอ่ยบอก ทว่า กลับทำให้หัวใจหญิงสาวอุ่นซ่านขึ้น โสตประสาทการมองเห็นถูกปิดกั้น ทว่า หญิงสาวกลับรับรู้ได้ถึงกลิ่นหอมสะอาด ละมุนในความรู้สึก จนทำให้หญิงสาว ค่อยๆ ผ่อนคลาย แทบจะลืมความเจ็บปวดในหัวใจที่มีในวินาทีนั้น
นานหลายวินาที กว่าที่เขาจะค่อยๆเอามือเลื่อนออกจากดวงตาทั้งสองข้างของเธอ
ทว่า ทันทีที่หญิงสาวลืมตาขึ้นมองภาพหญิงชายคู่นั้นก็หายวับไปจากสายตาของเธอแล้ว
เธอมองหน้าเขาด้วยแววตาเคลือบคลอเต็มไปด้วยคำถาม
“คุณพร้อมใช่ไหม” แม้จะแปลกใจ ข้องใจ สงสัยกับท่าทีและคำพูดของเขา แต่เธอก็ไม่คิดปริปากถาม ยอมให้เขาจับจูงพาเดินไปยังทางที่ค่อนข้างมืดสลัว มีเพียงความสว่างจากโคมไฟดวงเล็ก ติดตามทางเดิน โดยมีคนของเขาเป็นฝ่ายนำทางให้ แม้จะตื่นกลัว หวาดหวั่น หัวใจหล่อนเต้นแรงทุกขณะที่ก้าวเดิน
แต่เพราะไออุ่นจากมือหนาที่เกาะกุม จูงเธอเดิน กลับทำให้เธอรู้สึกอบอุ่น ปลอดภัยอย่างที่ไม่เคยรู้สึกมาก่อน
ทุกย่างก้าว ก้าวเดินอย่างช้า ๆ จน กระทั่งถึงหน้าห้องพัก ห้องหนึ่ง ที่ก่อนหน้านี้มีบอดี้การ์ดยืนอยู่ แต่ไม่รู้ด้วยเหตุผลกลใด คนเหล่านั้นจึงหายไปจากหน้าห้องพักได้อย่างรวดเร็ว
“พร้อมไหม” เขายังคงหันมาถามย้ำ ขณะที่เธอหน้าซีด ใจสั่นหวิว เริ่มหายใจไม่ทั่วท้อง คิดอยากจะหมุนตัวกลับแล้ววิ่งหนีไปให้ไกล
แต่ติดอยู่ที่เขานั้นกลับจับกุมมือเธอไว้แน่น
สายตาคมคู่นั้น หันกลับมาจ้องมองหน้าสวยของลิญาณา มือกระชับจับกุมแน่นขึ้น ยิ่งทำให้หญิงสาวรู้สึกอบอุ่นใจขึ้นอย่างประหลาด
ชั่วจังหวะนั้นพร้อมพัชร์ ค่อย ๆ แตะคีย์การ์ดที่ถืออยู่ในมือ ขณะที่ลิญาณารับรู้ได้ถึงความเย็นจากอุณหภูมิในห้อง พุ่งกระทบผิวกาย จนเย็บวาบไปทั่วทั้งตัว
“คุณ...” ร่างเล็กเกิดความลังเล ใจสั่น สองขาไร้เรี่ยวแรงเกินกว่าจะก้าวเดินไปข้างหน้า หล่อนทั้งประหม่า ทั้งหวาดกลัวกับความจริงที่กำลังจะเกิดขึ้น
หญิงสาวยืนหอบใจแรง จนกระทั่งเขา วางมือลงบนบ่าของหญิงสาว เอ่ยด้วยเสียงทุ้มนุ่ม ทว่า แฝงด้วยความพลังความรู้สึกบางอย่าง
“ไม่ต้องกลัว” เพียงประโยคเดียวที่ทำให้ใจของหล่อนกลับรู้สึกอุ่นวาบ มีพลังขึ้นมาอย่างประหลาด
ก่อนจะสูดลมหายใจเข้าเรียกกำลังใจให้ตัวเอง
แล้วค่อย ๆ ผลักบานประตูนั้นเข้าไป เสียงหัวเราะต่อกระซิกดังแว่วมาให้ได้ยิน พลอยทำให้สองขาที่กำลังก้าวเดินถึงกับหยุดชะงัก หัวใจแทบหยุดเต้น
คิดว่าเก่ง คิดว่าแน่แล้ว...แต่พอเอาจริง หล่อนก็แทบไม่มีแรงก้าวเดิน
“คิกคิก เบา ๆ ซี่ ไหนบอกจะเบา ๆ ไง อุ้ยพี่ภีมอย่าซี่...เดี๋ยวเป็นรอย”
“อยู่นิ่ง ๆ สิ จะดิ้นทำไม”
“เดี๋ยว ! พี่ภีมหยุดก่อน อ๊ะ...อื้อ”
“มีอะไร”
“ตอบไอมิก่อน”
“ว่า?”
“พี่รักไอมิไหม”
“อืมรัก” ตอบส่ง ๆ อย่างเอาใจ ทว่ากลับทำให้เธอดีใจจนหัวเราะร่วนออกมา ย่ามใจถามต่อเขาอีกว่า
“แล้วเซลีนล่ะ รักไหม”
“จะถามอะไรตอนนี้ว่ะ” ลูกการเมืองใหญ่ชักฉุน แต่ด้วยจริตของหญิงสาวที่ใช้วาจาออดอ้อน
“งื้อ...อย่าโกรธซี่...ไอมิแค่อยากได้ยิน ว่าไงคะ”
“ไม่รัก!”
“จริงเหรอ พี่ไม่ได้รักเซลีนเหรอคะ แล้วพี่จะไปแต่งงานด้วยทำไม”
“อย่าพูดมากน่า เดี๋ยวเสียอารมณ์”
“อื้อ...พี่ภีม...อื้อ...อ๊ะ..”
พลั่ก!!!
“โอ๊ย!” ถึงกับร้องเสียงหลง
ลิญาณาอดทนยืนฟังคนสองคนพร่ำบอกรักกันไม่ได้อีกต่อไป หล่อนจึงใช้แรงทั้งหมดที่มี ถีบเข้ากลางลำตัวของอีกฝ่ายที่ยังไม่ทันตั้งตัว ถึงกับเสียหลักกระเด็นหงายท้อง กลิ้งตกข้างเตียงลงไปทันที
“กรี๊ด!!!!”
“เซลีน!!!” ลูกนักการเมืองใหญ่ร้องเรียกชื่อคนรักเสียงหลงด้วยความตกใจ พร้อมกับเสียงกรี๊ดลั่น ของหญิงสาวอีกคน ที่อยู่สภาวการณ์เดียวกัน
ชายหญิงสภาพกึ่งเปลือยเปล่า อาภรณ์ที่สวมใส่หลุดลุ่ยจนแทบไม่มีอะไรปกปิดเนื้อกาย อยู่ในสภาวะตกใจสุดขีด ใบหน้าซีดขาวด้วยความตกใจ ทำอะไรไม่ถูก
ขณะที่นางเอกสาว จ้องมองคนทั้งคู่ด้วยสายตาพร่าเลือนด้วยม่านน้ำตา หล่อนเจ็บปวด จวนเจียนขาดใจ
น้ำตาไหลพรากอาบสองแก้ม ผรุสวาทเสียงสั่นสะอื้น
“เพื่อนก็ชั่ว!แฟนก็เลว สาระเลวมันทั้งคู่”
“เซลีน ฟังพี่ก่อน นะ...ฟังพี่ก่อน”
เพียะ! ไม่มีปรานีปราศรัย หล่อนเงื้อมือฟาดอีกฝ่ายเต็มแรง และคงไม่หนำใจ จึงยกเท้าขึ้นถีบอีกฝ่ายที่กำลังจะเข้ามาหา หมายจะจับตัวหล่อนเพื่ออธิบาย จนหงายท้องล้มลงไปอีกครั้ง
พลั่ก !
“ทุเรศ!” ผรุสวาทใส่เสียงดังลั่น
สีหน้าแววตาของหล่อนยามมองชายที่ตนรักเต็มไปด้วยความ ผิดหวังเสียใจ และรังเกียจเขาที่แตะต้องผู้หญิงคนนั้น แล้วยังคิดจะมาโดนตัวเธออีก
“พี่...”
นัยน์ตาคู่สวยแดงก่ำ ขณะหันสายตามองไปยังอดีตเพื่อนสนิทที่กำลังหาอะไรมาปิดบังความอุจาดของตนเอง ร่างกึ่งเปลือยเปล่า จนเห็นอะไรต่อมิอะไร ยิ่งดูขยะแขยงต่อสายตาหล่อนมากยิ่งขึ้น
“เซลีน ฟังพี่ก่อน”
“หุบปาก!” หันไปสั่งเสียบเฉียบ ชี้นิ้วที่ไปหน้าของเขา จนระพีทัศน์ถึงกับสะอึกอึ้ง นิ่งเงียบไปทันที
นางเอกสาวย่างสามขุมเข้าไปหาเพื่อนสนิท ที่ค่อย ๆ ถดถอยตัว ด้วยความหวาดกลัว เพราะหล่อนเองก็ไม่คิดว่า อีกฝ่ายยามเมื่อโกรธจัดจะน่ากลัวได้ถึงเพียงนี้
“แก...เอ่อ...เซลีน ฟังฉันก่อนสิ”
เพียะ
“นี่สำหรับคำว่าเพื่อน!”
เพียะ
“นี่สำหรับที่แกมาแอบกินแฟนฉัน”
เพียะ
“แล้วนี่สำหรับผู้หญิงสารเลวอย่างแก”
ไม่รอให้ตั้งตัว และไม่คิดจะฟัง ลิญาณาเงื้อมือสุดแขน ฟาดฝ่ามือลงบนใบหน้าของอีกฝ่าย ระรัวถึงสามครั้งด้วยความแค้นเคือง
และเหมือนเธอยังไม่หนำใจ อยากทำมากกว่านั้น แต่กลับต้องชะงัก เพราะถูกใครบางคนมาคว้าตัว กอดดึงรั้งไว้ ปรามด้วยเสียงทุ้มเข้ม ทว่า กลับทำให้เธอนิ่งสงบได้อย่างน่าประหลาด
“พอเถอะ”
“มึงเป็นใครว่ะ!” ระพีทัศน์เพิ่งสังเกตเห็นหันมามองหน้าอีกฝ่ายอย่างเอาเรื่อง ตั้งท่าจะลุกขึ้นมา แต่ก็ต้องล้มกลับลงไปนั่งตามเดิม เมื่อถูกคนของอีกฝ่ายเข้ามาจับตัวยึดไว้ ท่ามกลางเสียงโหวกเหวก โวยวายที่เริ่มดังขึ้น
“เห้ยปล่อย!”
“พี่ภีม เราจบกันตั้งแต่วันนี้! ต่อไปนี้อย่าได้วนมาเจอกันอีก ชีวิตนี้ขอให้เราขาดกันนะคะ!” หญิงสาวประกาศลั่น นัยน์ตาเด็ดเดี่ยว ขณะที่อดีตคนรักเธอ ถึงกับเบิกตากว้าง ด้วยความตกใจและคาดไม่ถึง สั่นหน้าปฏิเสธ ไม่อาจยอมรับคำประกาศิตของหญิงคนรักได้
“ไม่!ไม่นะเซลีน!” ลูกชายนักการเมืองที่เคยเย่อหยิ่ง ยิ่งใหญ่และคิดว่าเหนือใครมาตลอด ถึงกับครวญเรียกชื่อคนรักเสียงสั่นละล่ำละลัก ปฏิเสธเสียงสั่น
ลิญาณาหยิบแหวนเพชรเม็ดใหญ่ที่เคยประดับอยู่บนนิ้วนางข้างซ้าย แต่ทว่า นับตั้งแต่ที่เธอถอดมันออก ก็ไม่เคยคิดสวมใส่มันกลับเข้าไปอีกเลย
นำออกจากกระเป๋า ห่อใส่กระดาษทิชชูอย่างดี ปาใส่คนตรงหน้าด้วยแรงทั้งหมดที่มี
“เอาขยะคุณคืนไป!”