ตอนที่ 2.2 ซบไหล่

1609 Words
ตอนที่ 2.2 ซบไหล่ ลิญาณายืนนิ่งอยู่ตรงนั้น ปล่อยให้น้ำตารินไหลอาบแก้มทั้งสอง พยายามกลั้นสะอื้นไม่ปล่อยเสียงโฮออกมาให้ใครได้ยิน หลบอยู่ใต้เงามืดตรงนั้น แต่เพียงไม่กี่นาที เท่านั้น รถคันหรูสัญชาติยุโรปสีดำเงา กลับแล่นเข้ามาจอดแทนที่ ไม่ถึงวินาทีที่ประตูรถฝั่งด้านข้างคนขับเปิดกว้าง พร้อมร่างสูงที่เธอเริ่มคุ้นตา “คุณ?” ลิญาณารีบปาดเช็ดน้ำตา พยายามกลืนก้อนแข็ง ๆ ที่รี่จุกแน่นบริเวณอก “เอ่อ คุณเซลีนครับ” เอ่ยเรียกด้วยเรียกด้วยท่าสุภาพ ขณะที่เธอนั้นกลับมองเขาด้วยความแปลกประหลาดใจ เพราะไม่คิดว่าเขาจะยังวนเวียนอยู่บริเวณแถวนี้ไม่ได้ไปไหน คิ้วสวยขมวดมุ่นหากันเล็กน้อย มองอีกฝ่ายด้วยท่าทีระมัดระวัง “มีอะไรคะ” “นายผมให้มาถามคุณเซลีน ว่าคืนนี้คุณมีที่พักหรือยังครับ” “ทำไมคะ” “นายให้มาเชิญคุณไปพักที่โรงแรมครับ” “เอ๊ะนี่คุณ!” หล่อนถึงกับเบิกตากว้างด้วยความตกใจเมื่อได้ยินคำนั้น ชวนให้เธอไปพักที่โรงแรมจะให้คิดเป็นอย่างอื่นได้อย่างไร เธอเป็นดารา นักแสดงก็จริง แต่ก็ไม่ใช่ของเล่นคนรวย ที่จะมาฉวยโอกาสทำกับเธอแบบนี้ ทว่า ก่อนที่นางเอกสาวจะเข้าใจผิด และคิดไปไกล อรัญ รีบโบกมือปัดเป็นพัลวัน รีบปฏิเสธทันที “ดะ...เดี๋ยวครับ ไม่ใช่แบบนั้น...คือพอดีว่า นายผมเป็นเจ้าของโรงแรมเคลย์คิงตัล แล้วเห็นว่าคุณเซลีนน่าจะยังไม่มีที่พักน่ะครับ” รีบอธิบาย พร้อมกับหยิบยื่นนามบัตรในมือให้กับนางเอกสาว ที่เริ่มจะคิดเตลิดไปไกล “เคลย์คิงตัลเหรอคะ” ทวนชื่อโรงแรมหรูระดับห้าดาวด้วยความแปลกใจเล็กน้อย หล่อนรู้จักชื่อเสียงของโรงแรมนี้ดี เคยไปใช้บริการอยู่บ่อยครั้ง ทั้งนัดหมายทานข้าว คุยงาน หรือไปคาเฟ่ จิบชาช่วงบ่าย แต่ไม่คิดว่าเธอจะได้รู้จักกับตัวเจ้าของโรงแรมได้ใกล้ชิดขนาดนี้ “ครับ” หญิงสาวที่กำลังยืนมึนงงอยู่นั้น ยังไม่ทันได้ตอบรับ กระจกรถด้านหลังติดฟิล์มมืด ค่อย ๆ เลื่อนลงเปิดกว้างให้เห็นใบหน้าของคนนั่งด้านในตรงเบาะหลัง เจ้าของนัยน์ตาเรียวรีสีสนิมเหล็กจ้องมองมาที่เธอนิ่ง อรัญคนสนิทของเขาที่ยืนรอจังหวะอยู่ก่อนแล้ว รีบเอ่ยย้ำ พร้อมกับผายมือเชิญให้เธอขึ้นไปนั่งบนรถ ก่อนจะเปิดประตูด้านหลังกว้างขึ้น “เชิญครับ” นางเอกสาวมองหน้าเจ้าของรถที่ยังนั่งนิ่งอยู่ด้านใน รู้สึกเกร็ง ตัวลีบขึ้นมาอย่างบอกไม่ถูก ใจนั้นก็อยากปฏิเสธความหวังดีของเขา ทว่า...ตอนนี้เธอเองก็เหนื่อยล้าอยากพักผ่อน จนไม่อยากที่จะปฏิเสธอะไรอีกแล้ว “ขอบคุณนะคะ” รีบตอบรับแล้วก้าวขึ้นไปนั่งในรถข้างเขา คนที่กำลังจ้องมองเธออยู่ก่อนแล้ว “ขอบคุณอีกครั้งนะคะ สำหรับวันนี้” หันมองใบหน้าเรียบนิ่งของคนเจ้าของรถ หล่อนมองเขาด้วยความรู้สึกซาบซึ้งในใจที่เขามีให้กับเธอ คนแปลกหน้าที่ไม่เคยรู้จักกัน ทว่า เขากลับตีหน้านิ่งไม่ตอบรับอะไรเธอเลย เพียงแค่เหลือบสายตามองสบตาอรัญ ลูกน้องคนสนิทของเขา ที่พยักหน้าตอบรับเขาทันทีเมื่อเข้ามานั่งในรถ “ทานอะไรมาหรือยัง” นั่งรถมาได้สักระยะ จู่ ๆเขาก็เอ่ยแทรกความเงียบขึ้นมา จนเธอที่กำลังนั่งเหม่อลอย สายตามองออกไปนอกรถ อยู่ในภวังค์ความคิดบางอย่าง ถึงกับหันมามองหน้าเขา ที่กำลังจ้องมองเธออยู่ก่อนแล้ว “คะ?” “ถ้าหิวจะได้แวะหาอะไรกินก่อน น่าจะอีกสักพักกว่าจะถึง” แม้การจราจรจะเริ่มคล่องตัว ไม่หนาแน่นเหมือนตลอดทั้งบ่าย แต่ก็ยังมีรถรถเต็มแน่นอยู่ตลอดเส้นทาง “ไม่เป็นไรค่ะ ดิฉันอยากไปพักมากกว่า” พร้อมพัชร์เหลือบตามองใบหน้าของหญิงสาว แววตาหม่นเศร้าที่อีกฝ่ายพยายามปิดซ่อนนั้นด้วยความสนใจ อยากรู้ แต่ก็ไม่ได้คิดที่จะเอ่ยถามอะไรออกไป ความเหนื่อยล้าที่มีมาตลอดทั้งวัน พลอยทำให้หนังตาของหล่อนค่อย ๆ ปิดปรือ โงนเงนตามแรงเคลื่อนของรถที่กำลัง แล่นอยู่บนท้องถนน ชายหนุ่มที่มีใบหน้าเรียบขรึม ละสายตาจากงานในไอแพดขึ้นมองไปยังหญิงสาวที่นั่งอยู่ข้างตัว ท่าทางสัปหงกนั่น จุดรอยยิ้มมุมปากได้เล็กน้อย ก่อนจะขยับตัวเขยิบเข้าไปใกล้ ให้เธอที่กำลังโงนเงนศีรษะไปมา ได้หยุดพักที่หัวไหล่ของเขา กระทั่ง รถเลี้ยวแล่นเข้ามาจอดบริเวณด้านหน้าโรงแรมเคลย์คิงตัล อรัญ ซึ่งรอให้รถจอดสนิทนิ่งแล้ว ถึงได้รีบก้าวลงจากรถ มาหยุดบริเวณด้านข้างประตูรถข้างที่เธอนั่งอยู่ รวมถึงคนขับรถเองก็รีบก้าวลงจากรถลงไปรอคนเป็นนายอยู่บริเวณด้านนอกอีกด้านเช่นเดียวกัน ไม่รู้ว่านานเท่าไหร่ ทว่า ความรู้สึกบางอย่างทำให้หญิงสาวค่อย ๆ รู้สึกตัวตื่น ปรือตาขึ้นมอง ด้วยความงัวเงีย ใบหน้าสวยแหงนเงยขึ้นมองเจ้าของไหล่พิงที่เธออิงซบอยู่ ถึงสะดุ้งสุดตัวด้วยความตกใจ “อุ้ยขอโทษค่ะ!” นางเอกสาวรีบก้มหน้ายกมือขึ้นเช็ดมุมปาก นึกโกรธตัวเองที่เผอเรอ ปล่อยตัวออกไปเช่นนั้น “ไม่เป็นไร คุณคงเหนื่อยน่ะ” “ถึงแล้วเหรอคะ” หันมาถามเขาอีกครั้ง ในขณะที่สายตากวาดมองดูรอบตัว ด้วยความงุนงง จนกระทั่งประตูรถด้านของเธอเปิดกว้างขึ้น ลิญาณาค่อย ๆ ก้าวลงจากรถ “ขอบคุณนะคะเอ่อ...” มองหน้าอีกฝ่ายที่ยังคงนั่งอยู่ภายในรถด้วยสีหน้าอึกอัก ไม่รู้ว่าจะมีโอกาสได้เจอเขาอีกไหม “อืม...” ทว่า เขากลับตอบรับเธอด้วยเสียงในลำคอ ก่อนที่กระจกด้านนั้นจะค่อย ๆ เลื่อนขึ้นปิด คนสนิทของเขาที่หันไปสั่งความอะไรบางอย่างกับพนักงานที่ยืนบริเวณตรงนั้น หันมาก้มโค้งให้เธออย่างสุภาพ ก่อนจะกลับขึ้นไปนั่งในรถที่ค่อย ๆ เลื่อนห่างออกจากสายตาเธอไปเรื่อย ๆ ในช่วงเวลาเดียวกันนั้น ระพีทัศน์สั่งให้ลูกน้องขับรถ พามายังร้านอาหารหรูที่เป็นจุดนัดหมายของกลุ่มเพื่อน ซึ่งนัดมาเพื่อพูดคุยเรื่องธุรกิจ และโปรเจคงานที่จะเกิดขึ้นในไม่ช้า แต่ต้องเสียเวลาไปกับการเดินทางค่อนข้างมากพอสมควร เพราะการจราจรในเวลานี้ยังหนาแน่น แม้ว่าเขาจะเปลี่ยนสถานที่จากเดิม ให้ใกล้กับทุกคนมากที่สุดแล้ว “เป็นอะไรไปคะพี่ภีม เหนื่อยเหรอคะ” เสียงหวานเอ่ยถาม ขณะซบหน้าลงบนไหล่ของเขา “อืม...แล้วเธอล่ะ ดีขึ้นหรือยัง” “ยังเวียนหัวอยู่ค่ะ แต่ว่าไม่เป็นไรนะคะไอมิรู้ว่าพี่ภีมมีงาน ยังไม่ต้องรีบไปส่งไอมิก็ได้ค่ะ...พี่ภีมแวะคุยงานก่อนเถอะ” “อืม ขอบใจที่เข้าใจ” “แล้วนี่ไม่คิดจะโทรไปง้อเซลีนหน่อยเหรอคะ” หล่อนถามหยั่งเชิง ทั้งที่ใจนั้นนึกริษยา ไม่อยากให้เขาสนใจเพื่อนหล่อนเลยสักนิด แต่ก็ต้องกลั้นใจถามออกไปแบบนั้น ระพีทัศน์ถอนหายใจยาว ก่อนจะตอบว่า “ไม่ต้องหรอก...งี่เง่างอแงน่ารำคาญ เดี๋ยวก็หายงอนเองนั่นล่ะ” พูดด้วยความเหนื่อยหน่าย เมื่อนึกถึงแฟนสาวที่เพิ่งคบกันได้ไม่นานและเพิ่งคุกเข่าขอแต่งานไปด้วยแรงยุจากทุกคนในครอบครัวและคนรอบข้าง ด้วยความมีชื่อเสียงโด่งดัง เป็นนางเอกแถวหน้า นั่นอาจจะเป็นฐานเสียงในอนาคตให้กับเขาได้ หากในวันข้างหน้าเขาจะลงเล่นการเมืองอย่างคนในครอบครัวเขา ทว่า ยิ่งนานวัน เขาเริ่มรู้สึกถึงอะไรบางอย่าง ที่ทำให้เขารู้สึกว่าความสัมพันธ์ของเรา เริ่มจะมีปัญหา ด้วยนิสัยที่ต่างกัน มากพอสมควร เขาคือคนที่ชอบเที่ยวสังสรรค์ ชอบพบเจอผู้คนอยู่กับเพื่อนฝูงตลอดเวลาเพราะด้วยธุรกิจใหม่ที่เขากำลังทำ ในขณะที่ลิญาณา เป็นผู้หญิงที่ชอบเก็บตัว ไม่ชอบเที่ยวสังสรรค์ในเวลากลางคืน บ่อยครั้งที่เธอหึงหวงและเคยมีปากเสียงกัน จนถึงขั้นเกือบเลิกรา นานวันเข้าเขาเองก็เริ่มเบื่อหน่าย เธอเย่อหยิ่งและถือตัวเกินไปในบ้างครั้ง โดยเฉพาะเรื่องบนเตียง ที่มักหาทางบ่ายเบี่ยง มีข้ออ้างให้กับเขาเสมอ ถึงแม้ว่าเขาจะรู้ว่าเธอนั้นรักเขามากแค่ไหน แต่ถ้าลองได้เล่นตัวใส่บ่อย ๆ เข้า คนอย่างเขาที่มีนิสัยขี้รำคาญ ไม่ชอบง้อใครอยู่แล้ว นานวันเข้า เขาก็ไม่คิดที่จะสนใจในเรื่องนั้นกับเธออีกต่อไป ระยะหลังมานี้ ถึงได้นัดเจอกันน้อยลง เธอก็เอาแต่รับงานละคร ออกงานอีเวนต์ ส่วนเขาที่กำลังจะเปิดธุรกิจใหม่เกี่ยวกับสถานบันเทิง จึงใช้เวลาส่วนใหญ่ในตอนกลางคืนออกมาพบปะสังสรรค์กับกลุ่มคนในธุรกิจเดียวกัน คิดถึงตรงนี้เขาถึงกับถอนหายใจยาว หลับตาแน่น
Free reading for new users
Scan code to download app
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    Writer
  • chap_listContents
  • likeADD