ตอนที่ 5.2หายหน้าไป
เมื่อหญิงสาวได้เข้ามาในห้องพักที่เขาให้คนจัดเตรียมไว้ให้ ภายในห้องกว้างขวาง มีเตียงหลังใหญ่ สามารถนอนมองวิวทะเลเบื้องหน้าผ่านประตูกระจกบนใหญ่ ที่มีระเบียงยื่นออกไปนั่งรับลมได้
ลิญาณาอาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้าที่เขาให้คนจัดเตรียมไว้ให้ เป็นชุดนอนกระโปรงยาวกร่อมเท้าสีขาวขุ่น แขนยาว มีระบายตรงปลายแขน เป็นเนื้อผ้าแคตตอลเนื้อนิ่ม ใส่สบาย จนเธออดที่จะรู้สึกประทับอยู่ลึก ๆ กับความใส่ใจที่เขามีไม่ได้
ก่อนจะเดินไปนอนลงบนเตียง พยายามข่มตาให้หลับ ทว่า ภาพของคนรักเธอ ที่อยู่บนเตียงกับผู้หญิงคนนั้นยังคงตามมาหลอกหลอน ราวกับฝันร้าย ทั้งคำพูด ท่าทาง น้ำเสียง ยังคงแจ่มชัด
หญิงสาวผวาเฮือก ตื่นจากฝัน นอนร้องไห้ด้วยความเจ็บปวดทรมานอยู่อย่างนั้น จนผล็อยหลับไปอีกครั้ง
กว่าจะรู้สึกตัว ท้องฟ้าโดยรอบก็มืดสนิท เสียงคลื่นลมทะเลด้านนอกชัดเจนแทรกเข้ามาในความรู้สึกของหญิงสาวที่กำลังปรือตาขึ้นมองสภาพห้องรอบ ๆ
นี่หล่อนกำลังฝันอยู่ใช่หรือไม่
เรื่องราวที่เกิดขึ้น...เป็นเพียงแค่ฝันร้าย...ใช่ไหม
หล่อนภาวนาอยากให้เป็นเช่นนี้ แต่ความจริงที่ว่าเธอถูกคนรักและเพื่อนสนิทหักหลัง แอบมีอะไรกันลับหลังเธอ คิดถึงตรงนี้ หล่อนถึงกับปล่อยสะอื้นออกมาเสียงดัง
จนกระทั่งเวลาผ่านไปครู่ใหญ่ ความมืดโรยอยู่รอบตัว หญิงสาวถึงได้ตัดสินใจก้าวลงจากเตียงนอน ลุกไปอาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้า สวมใส่ชุดที่เขาเตรียมไว้ให้ เป็นเดรสยาวสีขาวพิมพ์ลายสีฟ้าอ่อน ก่อนจะมัดรวบผมยาวเป็นเปียแบบหลวม
ใบหน้าสวยปราศจากเครื่องสำอางแต่ยังคงดูเนียนสวย แม้จะมีร่องรอยบอบช้ำที่ผ่านการร้องไห้มาอย่างหนัก
เดินลงบันไดมายังชั้นล่างอย่างช้า ๆ สายตาสอดส่ายมองหาใครบางคน ที่คิดว่าอาจจะนั่งอยู่ตรงไหนสักแห่งของบ้าน
หญิงสาวเดินหาเขาจนทั่ว เห็นแต่ อรัญ คนสนิทเขาที่กำลังเดินตรวจตราอยู่โดยรอบ หล่อนจึงรีบเบี่ยงเท้าเดินไปหา
“เอ่อ...คุณคะ”
“ครับ คุณเซลีนต้องการอะไรเพิ่มหรือเปล่าครับ แต่ถ้าอาหารเย็นรอสักครู่นะครับ ผมสั่งทางโรงแรมไว้เรียบร้อยแล้ว อีกสักพักอาหารคงมาส่ง”
“เอ่อ...ขอบคุณนะคะ...ว่าแต่...” ทว่า ท่าทีอ้ำอึ้ง อึกอักของนางเอกสาวคนดังทำให้บอดี้การ์ดหนุ่มอดที่จะเลิกคิ้วสูง ย้อนถามด้วยความแปลกใจไม่ได้
“ครับ?” ลิญาณามองหน้าเขาด้วยสายตาลังเล ครุ่นคิดอยู่ชั่วครู่ ก่อนจะตัดสินใจถามไปในที่สุด
“นายของคุณละคะ”
“อ๋อ...นายมีงานด่วนครับ เลยต้องกลับกรุงเทพไปก่อน แต่ผมอยู่ตรงนี้ คุณเซลีนไม่ต้องห่วงหรอกนะครับ ถ้าหากต้องการอะไร หรือว่าอยากไปไหน บอกผมได้เลยนะครับ ผมจะจัดการให้ทุกอย่าง”
“เอ่อ...งั้นเหรอคะ...ขอบคุณมากนะคะ...ว่าแต่คุณ...ชื่ออะไรเหรอคะ ฉันยังไม่รู้จักชื่อคุณ...กับเอ่อนายของคุณด้วย นายคุณชื่ออะไรเหรอคะ”
“คุณยังไม่รู้จักชื่อนายผมเหรอครับ” อรัญย้อนถามด้วยความแปลกใจ มองหน้าหญิงสาวอย่างไม่ใคร่เชื่อสายตาตัวเองเท่าไหร่นัก ถึงอย่างนั้นก็ยอมบอกชื่อของทั้งเขา และเจ้านาย ก่อนที่เธอจะเดินแยกออกไปรับลมทะเลคนเดียว
น่าประหลาด เมื่อรู้ว่าใครบางคนหายไป หล่อนกลับรู้สึกวูบโหวงในหัวใจตัวเองอย่างบอกไม่ถูก
เขา ที่เข้ามาช่วยเหลือเธอ…ในยามที่เธอมีเรื่องที่ทุกข์หนัก และยุ่งยากมากที่สุด หล่อนอดที่จะรู้สึกขอบคุณและซาบซึ้งในน้ำใจของเขาไม่ได้
หญิงสาวนั่งมองเหม่อไปยังเบื้องหน้า ครุ่นคิดอะไรไปเรื่อยเปื่อย
หล่อนปล่อยตัวเองไหลไปกับความรู้สึก นั่งมองคลื่นทะเลเบื้องหน้าในยามค่ำคืน แม้จะมืดมิดสัมผัสได้แต่เสียง และสายลมเย็นพัดกระทบผิวกาย
พลางคิดทบทวนถึงเรื่องทั้งหมดที่เกิดขึ้นก่อนหน้านี้...หลังจากนี้เธอจะต้องคิดและทำอย่างไรต่อไป กับปัญหาที่กำลังรอเธออยู่ในวันข้างหน้า ว่าหลังจากนี้เธอจะต้องทำเช่นไร....
‘หมายเลขที่ท่านเรียก ไม่สามารถติดต่อได้ขณะนี้’ นับครั้งไม่ถ้วนที่ให้เขาลูกน้องคนสนิทเพียรพยายามกดโทรหา หญิงสาวคนรักของเขา แต่ก็ยังได้รับคำตอบเดิม
“ปิดเครื่องครับนาย”
“โธ่เว้ย!! พวกมึงทำงานกันยังไงวะ คน ๆ เดียวยังหาไม่เจอ แล้วพวกมึงนี่แม่ง กูน่าจะยิงทิ้งให้หมด” ลูกชายนักการเมืองใหญ่หันมาคำราม ตวาดลั่นใส่อย่างหัวเสีย กับบรรดาลูกน้องที่ยืนก้มหน้าเรียงกัน
“นาย จะยังให้ตามต่อไหมครับ”
“ไม่ต้อง! เดี๋ยวหายบ้าก็กลับมาเองนั่นล่ะ ไม่ต้องโทร หรือทำไรทั้งนั้น พวกมึงไปให้พ้นหน้ากูเดี๋ยวนี้เลย!! ไป๊!”
บรรดาลูกน้องเมื่อได้ยินดังนั้นพากันแตกกระเจิง เพราะรู้อารมณ์ของคนเป็นนายดี ว่าเวลาเขาโกรธเคืองนั้นน่ากลัวแค่ไหน แล้วยังเรื่องวันก่อน ที่ลูกน้องของเขาปล่อยให้ ลิญาณาบุกเข้าไปถึงในห้องวันนั้น จนเกิดเรื่องเกิดราวขึ้นมา
ยิ่งคิด ยิ่งแค้นเคือง ว่าใครกันที่ช่วยลิญาณาในคืนวันนั้น จนเธอบอกเลิกแล้วหนีเขาไปเช่นนี้ แม้จะมั่นใจอยู่เต็มอก ว่าอย่างไร คนรักที่แอบรักเขามานาน อย่างไรก็คงไม่มีวันตัดใจจากเขาได้โดยง่าย แต่ในตอนนี้
สามวันแล้ว ที่ลิญาณาหายหน้าไปหลังจากวันนั้น นับว่านานที่สุดตั้งคบกันแล้วมีปัญหากัน อย่างมากก็เพียงแค่ชั่วข้ามคืน หากเขาโทรไปหา ตามเธอหน่อยก็รีบมาหาเขาแล้ว แต่ครั้งนี้เธอกลับ ไม่ยอมรับสาย ไม่ยอมอ่านข้อความ มิหนำซ้ำสุดท้าย ยังปิดโทรศัพท์หนีจนติดต่อไม่ได้
ให้คนตามหา ทั้งที่คอนโด บ้านเพื่อน บ้านผู้จัดการส่วนตัวของเธอ แต่ก็คว้าน้ำเหลว
ระพีทัศน์นั่งหน้าเครียดขรึม นัยน์ตาสับสน มองแหวนทองคำขาว ที่มีเพชรเม็ดเสี้ยวฝังอยู่บนนิ้วนางข้างซ้ายของเขา เป็นวงที่เธอเลือกหามาให้ หลังจากที่เขาได้คุกเข่าขอแต่งงาน มีความหมายว่าต้องการจับจองเขาเช่นกัน
ทว่า ที่ผ่านมานั้น เขาไม่เคยหยิบมันมาสวมใส่เลยสักครั้ง
ชายหนุ่มนั่งมองแหวนวงนั้น ด้วยสายตาเหม่อลอย พลันภาพรอยยิ้มหวานของหญิงสาว ยามที่เธอหันมาออดอ้อน แวบเข้ามาในความรู้สึก
ขณะที่กำลังคิดถึงใครคนนั้นอยู่
เสียงฝีเท้าย้ำดังเข้ามาใกล้ จนระหว่างคิ้วหนาขมวดหากันเล็กน้อย เพราะไม่อยากให้ใครเข้ามาวุ่นวาย หรือกวนใจเขาในเวลานี้
หางตาชำเลืองมองยังต้นเสียง ก่อนจะนิ่วหน้าหงุดหงิดทันทีเมื่อเห็นว่าเป็นใครที่บังอาจ ฝ่าฝืนคำสั่งของเขา เข้ามาโดยไม่ได้รับอนุญาต
“เข้ามาทำไม ไอมิ!”
“เป็นอะไรไปคะพี่ภีม หน้าเครียดเชียว” นางแบบสาวในชุดน้อยชิ้น เสื้อสายเดี่ยวตัวบางคล้ายชุดชั้นในหญิง เป็นลูกไม้ซีทรูสีขาว สวมกับกางเกงผ้าเนื้อบางสีเดียวกัน จงใจเข้ามายั่วยวนเขาโดยเฉพาะ
ทว่า กลับทำให้ลูกชายนักการเมืองใหญ่เห็นแล้วยิ่งหงุดหงิด รำคาญใจ ตวาดลั่น
“เธอแต่งตัวบ้าบออะไรไอมิ”
“ก็ชุดที่พี่ภีมชอบไง”
“ใส่เดินออกมาอย่างนี้เนี่ยนะ” ย้อนถามเสียงดังลั่น
“ไม่แก้ผ้าเดินมาเลยล่ะ!”
“พี่ภีม!!!! ทำไมต้องพูดกับไอมิขนาดนี้ด้วยคะ” หล่อนว่าเสียงสั่นเครือ มองเขาด้วยนัยน์ตาตัดพ้อ แต่ระพีทัศน์ยิ่งเห็นกลับยิ่งงุ่นง่าน รำคาญใจ ตะโกนใส่หน้า
“ออกไปให้พ้นหน้าเลย ออกไป๊!!!” ไล่ออกจากห้องเสียงดังลั่น จนนางแบบสาวถึงกับสะดุ้ง ตัวสั่นลนลานน้ำตาคลอ รีบวิ่งหนีออกจากห้องไปแทบไม่ทัน
ในขณะที่เขานั้นหันไประบายอารมณ์ขว้างปาข้าวของที่มีใกล้มือทิ้งให้พ้นทาง