ตอนที่ 1.1 แผ่นดินไหว
เหมือนทุกสิ่งรอบตัว คล้ายกับหยุดเคลื่อนไหว เวลาคล้ายกับหยุดเดินไปชั่วขณะ เมื่อเจ้าของสายตาคู่นั้นเหลือบสบประสานสายตาเธอเข้าพอดี
แวบแรกสายตาคู่นั้นดูเหมือนจะตกใจไม่น้อย ที่เห็นเธอยืนอยู่ตรงนี้...ห่างจากเขาเพียงไม่กี่ก้าว ท่ามกลางความอลหม่าน สับสนของผู้คน บ้างก็เดิน บ้างก็วิ่ง ไปมาผ่านสายตาของเธอและเขา
สายตาที่ต่างสบประสานกันนั้น...หล่อนรู้สึกราวกับเวลาผ่านไปนับชั่วโมง สายตาเธอหยุดนิ่งจ้องมองเขาด้วยความเจ็บปวด พลันคิดได้ว่าในช่วงเวลาที่เธอหวาดกลัว และต้องการเขามากที่สุด...แต่เขากลับเลือกใช้ช่วงเวลานั้นอยู่กับใครอีกคน...และคนคนนั้นไม่ใช่ใคร แต่เป็นเพื่อนสนิทของเธอ เจ็บร้าวลึก เสียดแน่นจนแทบหายใจไม่ออก กับความจริงที่ตีแสกหน้าเธอ หัวใจเรากับถูกจับฉีกแยก แตกออกเป็นเสี่ยง ๆ เมื่อนึกถึงเรื่องราวที่ผ่านมา ทุกอย่างที่เกิดขึ้นล้วนแล้วแต่มีสัญญาณบอกเหตุมาก่อนแล้วทั้งนั้น เพียงแต่เธอไม่เคยสนใจ หรือหวาดระแวงเลยสักนิด
น้ำหอมกลิ่นนั้นที่เธอเคยได้จากตัวคนรัก...ทุกครั้งที่ได้เจอกันมักจะมีกลิ่นน้ำหอมนั้นแฝงติดตัวมาด้วยตลอด
หล่อนหลับตาแน่น นิ่งคิด ถึงเหตุการณ์ไม่กี่วันก่อนหน้านี้ หากวันนั้นเธอ ฉุกคิดสักนิด ก็จะรู้ว่าอีกฝ่ายพยายามที่จะใบ้ บอกให้เธอรู้มาตลอด...เป็นเธอเองที่ปิดหู ปิดตาไม่เคยสนใจมอง
เพราะคิดว่าเขาคงจะรัก และซื่อสัตย์ และไม่คิดว่าเธอที่มีดีกรีเป็นถึงนางเอกชื่อดัง ของเมืองไทย...เพียบพร้อมในทุกอย่าง ทั้งหน้าตา รูปร่าง ฐานะทางสังคม...ชื่อเสียงและเงินทองที่กำลังหลั่งไหลเข้ามาไม่ขาดสาย จะถูกสวมเขาได้อย่างเลือดเย็นขนาดนี้
หล่อนสูดลมหายใจเข้าลึกๆ พยายามตั้งสติ ควบคุมหัวใจตัวเองและความรู้สึก แม้จะเจ็บปวด อัดแน่นจนแทบหายใจไม่ออก แต่หล่อนต้องย้ำกับตัวเองว่าจะไม่ร้องไห้และเสียน้ำตาให้ใคร ๆ ได้เห็นในเวลาเช่นนี้เป็นอันขาด
ในขณะที่เขานั้น...เหมือนแค่หยุดมอง สบตาเธอเพียงครู่เดียว คล้ายจะตกใจ คาดไม่ถึง ว่าจะเห็นและเจอเธอในช่วงเวลาเช่นนี้ ทว่า เพียงวูบเท่านั้น ก่อนที่เขาจะทำเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น
กลับเดินโอบกอดผู้หญิงคนนั้นที่กำลังเสียขวัญไว้แน่นไม่ยอมปล่อยห่าง ราวกับกลัวเธอจะหลุดหายไปกับฝูงชนที่วิ่งไปมาพลุพล่าน
ก่อนจะประคองพาเดินห่างจากสายตาของเธอไปเรื่อย ๆ
ลิญาณาหยุดยืนมองคนทั้งคู่ จุกแน่นจนแทบหายไม่ออก คนที่เธอรัก...ไม่สิ
ผู้ชายที่เธอเผลอไปมอบหัวใจให้ ทั้ง ๆ ที่รู้ว่าเขาไม่รัก...ไม่มีวันสมหวัง แต่เธอก็ยังไปรักเขา ยอมวิ่งไล่ตามเขา
จนกระทั่ง วันที่เธอได้สมหวัง ได้ใกล้ชิด ในวันที่เธอสวยพร้อมเป็นนางเอกชื่อดังค้างฟ้า เขาถึงได้เดินเข้ามาหา มาเป็นฝ่ายไล่ตามจีบเธอบ้าง เธอจึงได้หลงใหลเคลิบเคลิ้มตอบรับรักเขาไปอย่างรวดเร็ว โดยไม่ใช้สติให้ดี
เขาที่เพิ่งขอเธอคบได้ไม่นาน...และเขาคือคนที่เพิ่งขอเธอแต่งงาน!
“ดีขึ้นหรือยัง” เมื่อได้ขึ้นมาหลบนั่งพักในรถคันหรู ชายหนุ่มลูกชายนักการเมืองใหญ่ หันมาถามหญิงสาวข้างกายที่ยังคงมีสีหน้าอ่อนเพลีย ริมฝีปากแห้งผากเนื้อตัวยังสั่นเทาด้วยความหวาดกลัวขณะซุกตัวอยู่ในอ้อมกอดของเขาแน่นไม่ยอมปล่อย
“ดีขึ้นแล้วค่ะ
“อืม งั้นก็ดีละ”
“แล้วนี่พี่ภีม จะไปรับเซลีนไหมคะ” ระพีทัศน์นิ่งไปชั่วอึดใจ เมื่อคิดถึงคนรักของเขาที่ยังคงรออยู่ในบริเวณโรงแรมที่เกิดเหตุเมื่อครู่ แม้ในส่วนลึกจะรู้สึกเป็นห่วง และรู้สึกผิดอยู่ไม่น้อยที่เขาเลือกจะผิดนัด ไม่ได้ไปทานอาหารเที่ยงด้วยกันกับเธอ ทั้ง ๆ ที่นัดกันไว้แล้วก่อนหน้า แต่เขากลับเลือกที่จะไปหาไอมิ นางแบบสาวสวยที่เป็นเพื่อนสนิทของเธอซึ่งในเวลานั้น เปิดห้องพักอยู่ในโรงแรมที่เกิดเหตุ ด้วยเหตุผลบางอย่างที่เขาเองก็ไม่สามารถบอก หรืออธิบายให้คนรักของเขาเข้าใจและรับรู้ได้
ชายหนุ่มถอนหายใจยาว ก่อนจะหันไปหาลูกน้องคนสนิทที่นั่งอยู่เบาะด้านหน้าข้างคนขับ
“ภพ มึงโทรหาเซลีนสิ ว่าตอนนี้อยู่ที่ไหน”
“ครับนาย” ณภพ รับคำด้วยเสียงหนักแน่น ก่อนจะหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาโทรหาคนรักของเจ้านายด้วยสีหน้าเครียดขรึม
ทว่า
“นายครับ เหมือนสัญญาณโทรศัพท์จะมีปัญหา โทรไม่ติดเลยครับ”
“อืม งั้นก็ไป” ชายหนุ่มเพียงทำเสียงในลำคอรับรู้ ก่อนจะออกคำสั่งให้รถเคลื่อนตัว ขณะที่หญิงสาวข้างกายแอบลอบยิ้มด้วยความพึงพอใจ พลางคิดว่า ป่านนี้ แม่เพื่อนรักคงจะทุรนทุราย เจ็บปวดกับภาพบาดตาที่ได้เห็นเมื่อครู่เป็นแน่
จะทนปั่นหน้านิ่ง ทำทองไม่รู้ร้อนเหมือนที่ผ่านมาได้นานแค่ไหน
หล่อนยิ้มกระหยิ่ม นึกเยาะอยู่ในใจ
ก่อนจะจงใจเบียดตัวเข้าหาชายหนุ่มที่นั่งอยู่ข้างกาย เอ่ยออดอ้อนเสียงสั่นพร่า
“ไอมิหนาว ขอกอดหน่อยนะคะพี่ภีม” ลูกชายนักการเมืองใหญ่เพียงปรายตามองหญิงสาวที่พยายามเบียดตัวเข้าหานิ่ง โดยไม่พูด หรือผลักไส หล่อนจึงย่ามใจ กอดแขนชายหนุ่มแน่นไม่ยอมปล่อย
ใครจะคาดคิดว่านางเอกสาวชื่อดังระดับประเทศจะมานั่งหมดสภาพ ไร้เรี่ยวแรงอยู่บริเวณริมฟุตบาทที่มีผู้คนเดินผ่านไปมา รถราบนท้องถนนจอดนิ่งไม่ขยับทั้งสองเลน ท่ามกลางสายตาของผู้ประสบภัยหลายคนที่มีสภาพไม่ต่างกัน ทั้งเหนื่อยและตกใจกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น ต่างพากันเหลียวมองดูเธอด้วยความไม่แน่ใจว่าจะใช่ และไม่คาดคิด ว่าสาวดีกรีนางเอกดังจะมานั่งหมดสภาพร่างกายเหมือนคนหมดแรง นัยน์ตาคู่สวยแดงก่ำ อยู่บนริมฟุตบาทเช่นนี้
ในใจหล่อนมีแต่คำถาม และความสับสน ว่าทำไม เขาและเพื่อนสนิทของเธอถึงอยู่ด้วยกันในสภาพเช่นนั้น หล่อนอยากได้รับคำอธิบายดี ๆ ที่พอจะให้เธอรับฟังได้ แม้ว่าภาพที่เห็นนั้นจะบาดตา บาดใจ จนคิดให้ดีกว่านั้นไม่ได้เลยสักนิด
“คุณครับ” เสียงทุ้มห้าวแปร่งหูเอ่ยเรียก ขณะที่เธอกำลังนั่งเหม่อตกอยู่ภวังค์ความคิดบางอย่าง
“คะ” หล่อนสูดน้ำมูก เช็ดน้ำตาที่กำลังเอ่อคลอ หันกลับไปมองยังต้นเสียงนั่น จำได้ในทันทีว่าเขาคือใคร คนที่เธอเจอเมื่อครู่พร้อมกับคนที่ช่วยชีวิตเธอ
“ต้องการจะให้ผมไปส่งไหมครับ” ลิญาณายิ้มหยันกับตัวเอง เมื่อได้ยินถ้อยคำที่เต็มไปด้วยความห่วงใยนั่น ถึงกับแค่นหัวเราะออกมาเบา ๆ หล่อนฝืนยิ้มทั้งที่ในใจนั้นเจ็บปวด น้ำตากลบหน่วยตาคู่สวยจนมองภาพตรงหน้าพร่าเลือน
น่าขำที่คนแปลกหน้ากลับคิดยื่นมือมาช่วยเหลือและนึกห่วงใยเธอ แตกต่างจากใครอีกคน...คนที่เธอแทบถวายชีวิต ยกเขาไว้จนแทบเหนือหัว กลับไม่แม้แต่ใยดี สนใจ เธอเลยสักนิด
ไม่แม้แต่โทรหา เธอโทรไปกลับปิดเครื่องใส่!
หล่อนสูดลมหายใจเข้าลึกๆ ริมฝีปากบางเม้มแน่น ครุ่นคิดอย่างถี่ถ้วน ก่อนจะส่ายหน้าปฏิเสธความหวังดีนั่นไป
“ไม่เป็นไรค่ะ ขอบคุณนะคะ”
ไม่ใช่เพราะคาดหวัง ว่าใครบางคนจะมาสนใจ ไม่ใช่เพราะต้องการเรียกร้องความสนใจจากคนที่เขาไม่คิดจะใยดี หล่อนรู้ดีและเจียมตัวมาตลอด
เพียงแต่เธอนั้น...ยังไม่พร้อม และยังไม่อยู่ในอารมณ์ที่จะปั้นหน้ายิ้มแย้มมีความสุขให้ใครได้เห็นก็เท่านั้น
ถนนเส้นหลักทุกสายในย่านใจกลางเมืองมีแต่ความวุ่นวายและการจราจรติดขัดหนาแน่น หลังจากเกิดภัยพิบัติ เพราะเหตุไม่ฝัน...ผู้คนพากันวิ่งหนีตายอลหม่าน ทุกอย่างรอบตัวราวกับหยุดเป็นอัมพาต รถราจอดนิ่งสนิทอยู่บนถนนแทบทุกสายในกรุงเทพ รถไฟฟ้าหยุดวิ่ง รถโดยสารหายาก ผู้คนต่างพากันเดินลงบนถนนเพื่อหาทางที่จะกลับบ้านหรือที่พักของตนเอง
นางเอกสาวชื่อดังในวัยเพียงยี่สิบสามปี พยายามเรียกรถ และโทรหาคนรู้จัก แต่เพราะสัญญาณในเวลานั้นยังไม่เสถียร ติดต่อกันยากขึ้น หล่อนจึงตัดสินใจเดินเท้าด้วยใจเหม่อลอย ไม่มีจิตใจที่จะห่วงภาพลักษณ์ต่อสายตาใครทั้งนั้น มีบ้างที่ผู้คนต่างชี้ชวนกันมองดูนางเอกสาวชื่อดังของเมืองไทย ไม่บ่อยเลย ที่เธอจะออกมาเดินปรากฏตัวอยู่บนถนนที่มีผู้คนมากมายเช่นนี้
บ้างก็มีคนมาขอเธอถ่ายรูป บ้างก็แอบถ่าย แต่ถ้าหากเธอหันไปเห็นเข้าโดยบังเอิญ ก็จะส่งยิ้มทักทายให้อย่างเป็นกันเอง
ลิญาณาฉีกยิ้มหวานให้กับผู้คนที่เธอเดินผ่านไปมาอย่างเป็นกันเอง
“คุณเซลีน ทานน้ำไหมคะ เหนื่อยหรือเปล่า” ตลอดทางที่เธอเดินเพื่อจะกลับที่พัก มักจะมีคำทักทาย ถามไถ่อย่างห่วงใย จากผู้คนที่ทั้งเป็นแฟนคลับ และคนทั่วไป พลอยทำให้หัวใจที่แห้งแล้ง เจ็บปวดพอจะบรรเทาความรู้สึกที่เธอมีในตอนนี้ได้บ้างแล้ว
ความหวาดกลัวจากเหตุการณ์ที่ผ่านมานั้น เลือนหายไปจากความรู้สึกของเธอแทบจะในทันทีที่เห็นหน้าเขา
ไม่ใช่ว่าเธอเข้มแข็ง หรือไม่กลัวสิ่งใด
แต่ภาพที่เขาโอบประคองผู้หญิงคนนั้นเธอผ่านหน้าเธอไปราวกับคนแปลกหน้าที่ไม่รู้จักกัน ยังตามหลอกหลอนในความรู้สึกเธอ แม้จะพยายามย้ำเตือนกับตัวเอง...ให้หักห้ามความคิด หักห้ามใจ แต่มันก็ยังอดที่คาดหวัง...อดที่จะรู้สึกเจ็บไม่ได้
ไม่รู้ว่าเดินไกลแค่ไหน...ร่างกายกลับไม่รู้สึกเหนื่อยล้าเลยสักนิด
ตลอดทางที่เดินหล่อนต้องคอยปั้นหน้า ฉีกยิ้ม กลั้นน้ำตาไว้ จนกระทั่ง
“คุณเซลีนครับ” เสียงทุ้มห้าวแปร่งหูดังขึ้นขณะที่เธอกำลังเดินอย่างเหม่อลอยปะปนกับกลุ่มคน สองเท้าถึงกับหยุดชะงัก หัวใจหล่อนเต้นแรงเร็วด้วยความตื่นเต้น ...หรือว่าเขาไม่ลืมหล่อนจริง ๆ
ในที่สุดเขาก็ไม่ทิ้งเธอ
ทว่า เมื่อหล่อนหันกลับไปมองยังต้นเสียงนั่น หัวใจหล่อนที่กำลังเต้นแรงเพราะ คิดว่าจะเป็นคนที่เธอรัก...มาหา...กลับมารับเธอ
แต่ในความเป็นจริงนั้น