หลังจากผ่านไปสองสัปดาห์ในรั้วมหา’ ลัย—ช่วงหัวค่ำวันหนึ่ง บรรยากาศในบ้านก็เงียบสงบ แสงไฟสีวอร์มไลท์ส่องออกมาจากโคมไฟหัวเตียงในห้องแต่ละห้องอย่างอบอุ่น
เมษาในชุดนอนเสื้อยืดลายแมวน้อยกับกางเกงขาสั้นสีชมพูพาสเทล ผมยาวถูกรวบขึ้นเป็นมวยเล็ก ๆ หนึ่งข้าง เธอยืนลังเลอยู่หน้าห้องพี่คีตะ มือหนึ่งถือหนังสือฟิสิกส์ อีกมือเคาะประตูเบา ๆ
ก็อก ๆ ๆ
ไม่นานก็มีเสียงฝีเท้าเดินมาเปิดประตู แล้วใบหน้าหล่อเข้มของคีตะในชุดเสื้อยืดคอกลมกับกางเกงผ้าลำลองก็มาปรากฏตรงหน้า
“หืม? มีอะไรรึ?”
“หนู...ขอโทษที่รบกวนค่ะ แต่คือว่า...”
เมษายกหนังสือขึ้นบังหน้า ทำตาใสแป๋วมองเขา
“วิชาฟิสิกส์มันยากจังเลย หนูไม่เข้าใจเลยค่ะ โดยเฉพาะเรื่องเวกเตอร์กับแรงลัพธ์ พี่คีตะช่วยสอนหนูหน่อยได้มั้ยคะ?”
คีตะนิ่งไปครู่หนึ่ง ก่อนจะเปิดประตูออกกว้างขึ้นแล้วพูดเรียบ ๆ
“เข้ามาสิ”
เมษายิ้มหวาน รีบเดินตัวปลิวเข้าไปนั่งขัดสมาธิบนพรมข้างเตียง เปิดหนังสือออกพาดบนโต๊ะญี่ปุ่นเตี้ย ๆ ที่วางโน้ตบุ๊กไว้
คีตะนั่งลงฝั่งตรงข้าม หยิบดินสอขึ้นมาแล้วเขียนสมการลงบนสมุดอย่างคล่องแคล่ว
“เนื้อหานี้ไม่ได้ยาก ถ้าเข้าใจภาพรวม ฉันจะอธิบายให้ฟังง่าย ๆ ...”
เมษาทำหน้าเหรอหรา ประกอบเสียง
“อือ...หืม...เหรอคะ?” ไปเรื่อย แต่ในใจนั้นยิ้มเจ้าเล่ห์นิด ๆ
‘เนื้อหาก็เข้าใจอยู่แหล่ะ...แต่ถ้าไม่แกล้งโง่ ก็อดใกล้ชิดสิ~’
คีตะยื่นกระดาษพร้อมโจทย์ให้เธอหนึ่งแผ่น
“ลองทำข้อนี้ดูสิ”
“เอ๋...ทำคนเดียวเลยเหรอคะ?” เมษาเบะปากนิด ๆ แล้วเอียงตัวเข้าหาเขา
“พี่คีตะไกด์ให้หนูหน่อยนะคะ~?” น้ำเสียงอ้อน ๆ มาเต็ม
คีตะนิ่งมองหน้าเธอ ก่อนจะถอนหายใจเบา ๆ แล้วโน้มตัวลงมาเขียนอธิบายช้า ๆ มือเขาเกือบจะสัมผัสหลังมือเธอในจังหวะที่เขาเลื่อนกระดาษเข้ามาใกล้กว่าเดิม...
เมษาแกล้งยื่นหน้าเข้าไปใกล้จนปลายจมูกแทบจะเฉียดแก้มของคีตะ กลิ่นหอมอ่อน ๆ ของแชมพูดอกไม้และสบู่กลิ่นน้ำนมจากตัวเธอลอยแตะจมูกเขาอย่างแผ่วเบา กลิ่นนั้นหอมสะอาด สดชื่น และอบอุ่นราวกับกลิ่นของฤดูใบไม้ผลิที่เพิ่งเริ่มต้น
คีตะชะงักไปครู่หนึ่ง ใบหน้าหล่อเหลานิ่งเฉยเช่นเคย...แต่แววตากลับไหววูบเล็กน้อย
เมษาเงยหน้าสบตาเขา ตาใสแป๋วอย่างตั้งใจ
“สอนต่อสิคะ~” เสียงหวานปนซุกซนดังขึ้นเบา ๆ พร้อมกับรอยยิ้มขี้เล่น
คีตะกระแอมเบา ๆ แล้วหลบสายตาเธอนิดหนึ่ง ก่อนตอบเสียงเรียบ
“อะ...อืม...”
จากนั้นจึงก้มหน้าก้มตาอธิบายบทเรียนต่อ แต่หูของเขากลับขึ้นสีแดงจาง ๆ อย่างห้ามไม่อยู่ แม้ใบหน้าจะนิ่งขรึมเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น แต่หัวใจของเขากลับเต้นเร็วขึ้นเล็กน้อยโดยไม่รู้ตัว
บรรยากาศในห้องอบอวลไปด้วยแสงไฟนวลอุ่น กลิ่นสะอาดหอมหวาน และเสียงหัวใจที่ไม่ยอมสงบ...
คีตะยังคงอธิบายอย่างเงียบ ๆ มือข้างหนึ่งจดสูตรลงบนกระดาษ ขณะที่เมษานั่งเท้าคางมองเขายิ้ม ๆ ไม่พูดอะไร
ในใจของเธอกลับร้องดังลั่น…
‘สิ่งที่ยากกว่าวิชาฟิสิกส์...ก็คือการเอาชนะใจพี่คีตะนี่แหละค่ะ’
หลังจากอธิบายจบไปสองบท คีตะก็ยื่นแบบฝึกหัดให้เมษาลองทำดู
“ลองทำข้อนี้ดู”
เขาพูดพลางชี้ที่โจทย์ข้อหนึ่ง
เมษารับสมุดมาอย่างว่าง่าย...แต่ภายในใจกลับตื่นเต้นยิ่งกว่าตอนสอบไฟนอล
‘ข้อนี้...ฉันรู้วิธีทำอยู่แล้วล่ะ! แต่ต้องทำเหมือนไม่รู้สิ ไม่งั้นโป๊ะแน่เลย’
สาวน้อยทำหน้าเหมือนกำลังคิดหนักก่อนจะค่อย ๆ จดตัวเลขและสูตรลงไป...อย่างช่ำชอง
คีตะนั่งมองอยู่เงียบ ๆ จนเมษาทำเสร็จแล้วเงยหน้าขึ้นมายิ้มหวาน
“เรียบร้อยค่า~”
แต่แทนที่เขาจะชม เขากลับพูดเสียงเรียบ ดวงตาคมหรี่ลงน้อย ๆ อย่างจับผิด
“ข้อนั้น...ฉันยังไม่ได้สอนนี่”
เมษาสะดุ้งเฮือก
“เอ๊ะ!? เอ่อ...ตะ...ตะกี้หนูเดาเอาค่ะ! ฮะ ๆ ๆ ๆ”
เธอหัวเราะแห้ง ๆ พลางหลบตาอย่างลุกลี้ลุกลน
“แหะ ๆๆๆ หนู...หนูว่า คืนนี้สมองเริ่มเบลอแล้วล่ะค่ะ เดี๋ยวไว้วันหลัง...ค่อยมาให้พี่สอนใหม่เนอะ!”
พูดจบ สาวน้อยก็รีบเก็บสมุดอย่างลนลาน พร้อมยิ้มแห้งให้เขา
“ฝันดีนะคะ พี่คีตะ~”
แล้วก็พรวดพราดลุกหนีออกจากห้องไปแบบไม่รอคำตอบ
คีตะนั่งมองตามแผ่นหลังเล็ก ๆ ที่หายออกจากประตูไป ก่อนจะถอนหายใจเบา ๆ ...แล้วส่ายหน้าน้อย ๆ
“เด็กบ๊องเอ๊ย...”
ริมฝีปากของเขาเผลอยกยิ้มขึ้นอย่างเอ็นดูโดยไม่รู้ตัว
สองสัปดาห์ต่อมา – ณ ลานหน้าคณะวิศวกรรมศาสตร์
เสียงรองเท้าผ้าใบกระทบพื้นดังกึก ๆ พร้อมกับแผ่นกระดาษในมือของภูผาที่วิ่งตรงไปหาเพื่อนรัก ขณะยืนคุยกับรุ่นพี่หน้าคณะ
“คีตะ! ตารางแข่งมาแล้วเว้ย!”
คีตะหันไปมองเพื่อนที่ยื่นแผ่นตารางมาให้ พร้อมหอบเบา ๆ จากการวิ่ง
“เร็วดีนี่ รอบนี้จัดเร็วกว่าปีที่แล้วอีก”
“ใช่ ปีนี้แข่งรวม 4 มหา’ ลัยใหญ่เลย R.C.U เจอของแข็งทั้งนั้น” ภูผาพูดอย่างตื่นเต้น ขณะยื่นตารางแข่งขันกีฬาบาสระดับอุดมศึกษาให้ดู
ตารางแน่นขนัดไปด้วยชื่อคู่แข่งมหาลัยดัง ๆ ทั้ง SUT, MU-Tech, และ MEC
“รอบแรกแข่งกับ SUT ที่สนามใหญ่ของเราด้วยนะ”
คีตะพยักหน้า สีหน้าเรียบเฉย แต่แววตาเข้มขึ้น แม้เขาและภูผาจะอยู่ปี 4 แล้ว แต่ทั้งคู่ยังมีสถานะเป็นนักกีฬาตัวจริงของมหาวิทยาลัย R.C.U และเป็นตัวหลักที่โค้ชยังไว้ใจ
“รอบนี้ถ้าเข้ารอบได้...เจอ MEC ในรอบรองฯ แน่นอน” ภูผาวางมือลงบนไหล่คีตะ
“ถ้ามึงยังเล่นเก่งหมือนเดิม ก็ไม่ต้องห่วงเลยเพื่อน”
คีตะไม่ได้ตอบอะไรมากนัก นอกจากรับกระดาษมาเก็บใส่กระเป๋า
“เย็นนี้ไปซ้อมมั้ย? เห็นโค้ชเรียกรวมพล”
“แน่นอนดิ! แล้วมึงอย่าลืม...” ภูผายิ้มกรุ้มกริ่ม
“...บอกให้น้องเมษามาเชียร์ด้วยนะ”
คิ้วเข้มกระตุกเล็กน้อย
“เธอคงไม่อยากวุ่นวายหรอก”
“หื้ม~แน่ใจเหรอ?” ภูผาหัวเราะหึ ๆ
“แต่มึงก็ต้องบอกน้องเขาปะ? ไป-กลับด้วยกันทุกวันนี่”
ภูผายักคิ้วกวน ๆ คีตะนิ่งไปครู่หนึ่ง
“ไว้กูค่อยบอกที่บ้านก็ได้”
🌸🌸🌸
สนามฝึกซ้อมเชียร์ลีดเดอร์ — ตอนบ่าย
ดูเหมือนคีตะไม่จำเป็นต้องบอกเมษา เพราะเธอรู้ข่าวจากพริ้มตั้งแต่หลายวันก่อนแล้ว และตอนนี้เธอกำลังอยู่ระหว่างการคัดตัวเชียร์ลีดเดอร์ให้กับทีมบาสเก็ตบอลของมหา’ลัย
แดดอ่อน ๆ ยามบ่ายกระทบผิวเนียนใสของเมษา ที่ยืนยืดเส้นยืดสายอยู่ริมสนามหญ้า
เธอสวมเสื้อยืดสีขาวเข้ารูปเล็กน้อย กางเกงขาสั้นพับขา รองเท้าผ้าใบสีขาวสะอาด ผมยาวสลวยถูกรวบเป็นหางม้าสูง เพิ่มความสดใสและทะมัดทะแมงแบบเด็กกิจกรรม
ผิวขาวอมชมพูของเธอตัดกับแดดบาง ๆ ดูสุขภาพดี รอยยิ้มสดใสราวแสงอาทิตย์ในฤดูใบไม้ผลิ
“แก เอาจริงเหรอวะ?”
เสียงของพริ้มดังขึ้นจากด้านหลัง ขณะขมวดคิ้วมองเพื่อนสาวที่กำลังยืดแขนยืดขาอย่างคล่องแคล่ว
“เอาจริงดิ! เพื่อพี่คีตะ!!”
เมษาตอบอย่างมั่นใจ ใบหน้าสวยฉายแววมุ่งมั่นเกินเบอร์เด็กปีหนึ่งทั่วไป
ขณะเดียวกันนั้นเอง รุ่นพี่เชียร์ลีดเดอร์สองคนที่ยืนดูอยู่ไม่ไกลก็กระซิบกันเบา ๆ
“ใช่คนนั้นปะ ที่มีข่าวว่าเป็นเด็กคีตะอะ?”
อีกคนหรี่ตามอง ก่อนจะเดินตรงเข้ามา พร้อมถามเสียงนิ่งแต่แฝงความสงสัย
“เธอ...เป็นแฟนคีตะเหรอ?”
เมษาชะงักไปชั่วครู่ ใบหน้าร้อนวูบขึ้นทันที ก่อนจะ “กรี๊ด~!!!” เบา ๆ กับตัวเอง แล้วรีบปฏิเสธแบบหน้าแดงจัด
“มะ ไม่ใช่ค่ะ! ไม่ใช่เลยค่ะ!”
เสียงหัวเราะเบา ๆ ดังขึ้นจากรุ่นพี่ทั้งสองเมื่อเห็นท่าทางปฏิเสธแบบลนลานของเมษา ใบหน้าขาวอมชมพูของเธอแดงระเรื่อ แต่กลับยิ่งทำให้ดูน่าเอ็นดูจนละสายตาไม่ได้
แม้จะมีข่าวลือว่าเธอซ้อนท้ายมอเตอร์ไซค์ของคีตะไป-กลับทุกวัน แต่พอได้เห็นรอยยิ้มสดใสกับดวงตาวิบวับคู่นั้นตรงหน้า—ก็ไม่มีใครใส่ใจข่าวลืออีกต่อไป
“ยิ้มแบบนี้ คนดูทั้งสนามต้องหลงแน่ ๆ เลยว่ะ”
รุ่นพี่คนหนึ่งกระซิบกับอีกคน ซึ่งเธอก็พยักหน้าเห็นด้วยทันที
“เอาล่ะ น้อง ๆ ที่พร้อมคัดตัว เชิญทางนี้เลยค่ะ!”
เสียงเรียกของพี่เชอรี่—หัวหน้าทีมเชียร์ลีดเดอร์แห่งมหา’ ลัย R.C.U. ดังขึ้น พร้อมรอยยิ้มมั่นใจในชุดเทรนนิ่งสุดเฟียส
เมื่อพี่เชอรี่เห็นน้อง ๆ มาเยอะเลยหันไปกระซิบกับพิม เพื่อนสนิทที่ยืนอยู่เคียงข้าง
“แก… สังเกตมั้ย ปีนี้เด็กมาคัดตัวเยอะผิดปกตินะ”
พิมหัวเราะเบา ๆ ก่อนตอบ
“แก...ลืมไปแล้วเหรอว่านี่มันปีสุดท้ายของคีตะน่ะ? สาว ๆ ทั้งมหา’ ลัยเขาพร้อมใจมาลงสมัครเพื่อจะได้อยู่ใกล้นายวิศวะมาดขรึมขวัญใจสาว ๆ ทั้งคณะไง~”
“โห...แรงบันดาลใจเพื่อชาติจริง ๆ”
พี่รี่ส่ายหน้าเบา ๆ แต่ก็อดอมยิ้มไม่ได้
“เอาล่ะ เริ่มกันเถอะ”
พี่เชอรี่ก้าวไปยืนตรงกลางสนาม เธอวางคลิปบอร์ดลง พลางส่งยิ้มให้กับน้อง ๆ ที่มาคัดตัว
“สวัสดีน้อง ๆ ที่ตั้งใจมาคัดเชียร์ลีดเดอร์วันนี้นะจ๊ะ ก่อนอื่นเลย พี่ขอแจ้งกติกาให้ทุกคนเข้าใจตรงกันก่อนเลย—เพราะลีดของ R.C.U. ไม่ใช่แค่ยืนถือปอมปอม เขย่า ๆ แล้วจบนะคะ”
เธอเดินช้า ๆ ไปหน้ากลุ่มผู้สมัคร ดวงตาเปล่งประกายแบบรุ่นพี่ตัวแม่
“ที่นี่เราคัดด้วยระบบเต้นโคฟเวอร์สไตล์เกาหลี”
“ใช่ค่ะ! ไม่ต้องแปลกใจ เพราะทีมลีดของมหา’ ลัยเราต้องขึ้นแสดงในงานอีเวนต์ระดับใหญ่ บางแมตช์มีทั้งถ่ายทอดสดและลงเพจมหา’ ลัย เพราะฉะนั้น...ลีดของ R.C.U. ต้องพร้อมทั้งความสดใส และความแม่นยำ!”
เด็กสาวหลายคนเริ่มฮือฮา—บางคนที่เป็นแฟนคลับวง K-pop ตาเป็นประกายทันที
พี่เชอรี่กระชับหูฟัง พร้อมยิ้มเจ้าเสน่ห์แล้วอธิบายต่อ
“กติกาการคัดคือแบบนี้ค่ะ พี่จะเปิดเพลงเกาหลีหนึ่งเพลงที่เรากำหนดไว้ แล้วพี่จะเป็นคนเต้นนำแบบเรียลไทม์ให้ทุกคนดู ใครสามารถ ‘เต้นตามได้จนจบเพลง’ และหลุดจังหวะไม่เกิน 3 ครั้ง จะถือว่า ‘ผ่านรอบแรก’ นะคะ”
เสียงตบมือเบา ๆ ดังขึ้นจากรุ่นพี่คนอื่นที่ยืนข้างสนาม
“หลังจากนั้นจะมีรอบสัมภาษณ์และคัดตัวจริงอีกที ถ้าพร้อมแล้ว… เตรียมใจ เตรียมขาให้พร้อมค่ะ! อีกห้านาทีเราจะเริ่มรันเพลงจริง!”
พี่เชอรี่ปิดท้ายด้วยการดีดนิ้ว พร้อมรอยยิ้มของ “เจ๊เชอร์” ตัวแม่แห่งแดนซ์สายบาส R.C.U.
ด้านเมษาที่ได้ยินกติกาก็ยิ้มมั่นใจ
‘หนูเต้นโคฟเวอร์อยู่หน้ากระจกห้องนอนทุกวัน เพื่อพี่คีตะ หนูพร้อมลุย!’