“ไงวะพ่อนักธุรกิจหนุ่มไฟแรงแห่งปี ไม่เจอแค่สามเดือนหล่อขึ้นเป็นกองเลยนะมึง”
ชยพล หรือ ต้น กระแทกไหล่เพื่อนรักพลางแซวสนุกปาก
“เสียงดังกูอายเขา” สายตาลูกค้าท่านอื่นเริ่มจับจ้องมายังโต๊ะของเขาพานให้ใบหน้าคมคายร้อนวูบวาบขึ้นมาชอบกล
“นั่งๆ โถ… พ่อคุณของเพื่อน เป็นเศรษฐีแล้วจะอายอะไรวะ”
“เศรษฐีห่าเหวอะไรล่ะ กูก็แค่นักธุรกิจธรรมดาๆ คนหนึ่ง”
ภานุไม่เคยทะนงตนว่าร่ำรวยแม้ว่าทุกวันนี้ชื่อเสียงเรียงนามของเขาจะติดหนึ่งในห้าของผู้มั่งคั่งที่สุดในประเทศก็ตาม
“ทำเป็นถ่อมตน ในบรรดารุ่นเรามีมึงนี่แหละที่ได้ดีที่สุด นอกนั้นก็ทรงๆ โดยเฉพาะไอ้ซัน “ ชยพลเอ่ยถึงเพื่อนรักอีกคนที่เคยเป็นสามเกลอร่วมกอดคอกันมา
“ว่าแต่… มึงได้ข่าวมันบ้างเปล่าวะ”
ถามต่ออย่างใคร่รู้ ภานุส่ายหน้าพลางยกกาแฟร้อนขึ้นจิบแล้วนั่งไขว่ห้างเอนแผ่นหลังแนบชิดโซฟาตัวยาว
“ตายห่าไปแล้วมั้ง!” น้ำเสียงเหี้ยมๆ โพล่งขึ้น ทำเอาชยพลแทบสำลักน้ำที่ดื่มเข้าไปหมาดๆ
“มึงก็… ไปแช่งมันแบบนั้นไม่สงสารหวานใจมึงหรือไง”
“ใคร? กูไม่มีหวานใจ” คนปากแข็งไม่ยอมรับ ชยพลหัวเราะ
“ก็น้องซินผู้หญิงที่มึงแอบรักและวาดฝันอยากแต่งงานด้วยไง”
ชยพลรู้ทุกความเคลื่อนไหวของภานุ เมื่อก่อนทั้งสองหนุ่มเคยแข่งกันจีบดาริกา น้องเป็นคนสวย น่ารัก พูดจาไพเราะ เรียกได้ว่าต่างจากพี่ชายราวฟ้ากับเหว
“อย่าพูดถึงครอบครัวนี้ให้กูได้ยินอีก กูไม่อยากฟัง” ภานุมีสีหน้าเคร่งเครียดขึ้น
“ทำไมวะ ทีเมื่อก่อนจะฆ่ากูให้ตายเวลาเข้าใกล้น้องซิน มาตอนนี้เกลียดเขาซะงั้น”
ชยพลนึกถึงสมัยก่อนที่ภานุบุกมาหาเขาถึงบ้านเพื่อเคลียร์ใจเรื่องดาริกา ตอนแรกเขาก็ไม่ยอม พร้อมตัดเพื่อนเพื่อผู้หญิงที่ถูกใจ แต่สุดท้ายก็ต้องยกธงขาวขอยอมแพ้ เพราะดาริกามีใจให้ภานุ และตระหนักได้ว่าเพื่อนกันไม่ควรแตกหักกันเรื่องผู้หญิง มันได้ไม่คุ้มเสีย
“มึงจะพูดเพื่อให้ได้อะไรขึ้นมาวะ!” ภานุชักเริ่มหงุดหงิด คนยิ่งอยากลืมไอ้เพื่อนบ้าก็ตอกย้ำอยู่ได้
“เออๆ ไม่พูดแล้วก็ได้ ป่านนี้น้องเขาคงแต่งงานมีลูกมีสามีไปแล้วมั้ง” แต่ก็ไม่วายทิ้งระเบิดลูกโตให้คนปากแข็งได้คิดตาม
ภานุเผลอกำหมัดแน่นโดยไม่รู้ตัว
“มีลูกมีสามีงั้นเหรอ”
เขาคำรามในลำคอ ชยพลเห็นอาการหึงหวงของเพื่อนตัวแสบพลางส่ายหัว ปากบอกไม่อยากยุ่งแต่หัวใจมันบังคับกันได้เสียที่ไหน
“มันก็นานแล้วไม่ใช่หรือวะ มึงเองก็ยึดทุกอย่างมาหมดแล้วก็เลิกแค้นเลิกเกลียดครอบครัวนั้นสักทีเถอะ”
ใช่… มันนานมาก นานจนเขานึกเกลียดตัวเองที่ยังไม่ลืมผู้หญิงคนนั้นสักที เขาควรลบเธอออกไปจากใจ ควรเกลียด! ควรชังน้ำหน้า! แต่ทำไมทุกอย่างกลับตรงกันข้ามโดยสิ้งเชิง เขายังรักและถวิลหาร่างบางตลอดเวลา
“ไอ้ไทม์ กูพูดตรงๆ เลยนะเว้ย ในฐานะเพื่อนที่รู้จักมึงดีคนหนึ่ง กูอยากให้มึงอโหสิกรรมให้ไอ้ซันมันซะ” ชยพลว่าอย่างจริงจัง
“ทำไมกูต้องทำแบบนั้น” ภานุตวัดถามเสียงขุ่น คนเลวทรามอย่างไอ้เพื่อนทรยศไม่สมควรได้รับการอภัยใดๆ ทั้งสิ้น
“ก็เพื่อมึงจะได้ทำตามหัวใจตัวเองสักทีไง”
“กูมาเพราะต้องการคุยเรื่องหุ้นโรงแรมกับมึง แต่ถ้ามึงยังรื้อฟื้นอดีตไร้สาระไม่เลิก กูกลับแล้วนะ” พูดแล้วทำท่าจะลุกจากเก้าอี้
“เห้ยๆ เดี๋ยวก่อนสิวะ โห ทำเป็นวัยรุ่นใจร้อนไปได้ เคๆ กูไม่พูดเรื่องเก่าแล้ว นั่งก่อนเว้ยเพื่อน” ชยพลดึงแขนคนขี้หงุดหงิดให้นั่งลงตามเดิม ภานุผ่อนปรนลมหายใจเตรียมพร้อมรับฟังหัวข้อสนทนาเรื่องสำคัญ
“อย่างที่มึงรู้ โรงแรมที่พัทยาของน้องชายกูกำลังเข้าขั้นวิกฤต ถ้าไม่มีทุนรอนมาช่วยพยุงกูเกรงว่า…”
“พอ กูเข้าใจแล้ว” ภานุพยักหน้า จรดปลายปากกาเซ็นชื่อลงบนเอกสารสำคัญโดยไม่รอให้อีกฝ่ายกล่าวจบ ชยพลถึงกับอ้าปากค้าง
“ไอ้ไทม์ มึงไม่อ่านสัญญาก่อนหรือวะ”
“กูเชื่อใจมึง”
แน่นอนว่าพฤติกรรมสุ่มเสี่ยงเช่นนี้ใช้ไม่ได้กับทุกคน สังคมนักธุรกิจเต็มไปด้วยเล่ห์เหลี่ยมแพรวพราว ไม่ว่าจะทำอะไรต้องรอบคอบเสมอ แต่สำหรับเพื่อนที่เขารู้จักมาครึ่งค่อนชีวิต เขาไม่ใช้สมองกลั่นกรองแต่เขาใช้หัวใจและสัญชาตญาณล้วนๆ
“แต่เงินมันไม่ใช่น้อยๆ เลยนะเว้ย มึงอ่านหน่อยเถอะ”
ชยพลไม่คิดโกงเพื่อนอยู่แล้วแต่แค่อยากให้ภานุสบายใจ เผื่อมีสัญญาข้อไหนไม่เข้าท่าจะได้ปรับแก้ได้ทันการ
“เมื่อก่อนตอนที่ธุรกิจของกูกำลังย่ำแย่ เงินห้าสิบล้านก็ไม่ใช่น้อยๆ เหมือนกัน แต่มึงก็ยังกล้าให้กูยืมโดยไม่ทำสัญญาเงินกู้อะไรเลยด้วยซ้ำ ที่กูอยู่รอดจนได้เป็นแถวหน้าอย่างทุกวันนี้ ส่วนหนึ่งก็เพราะความช่วยเหลือของมึงในตอนนั้น”
“มันไม่เหมือนกันเว้ย มึงแค่ยืมกูไปลงทุนพอมึงฟื้นตัวมึงก็คืนกูทันที แถมยังคืนมาตั้งหนึ่งร้อยล้านอีกต่างหาก กูว่า…”
ชยพลยอมรับในความใจกว้างดุจแม่น้ำทั้งห้าของภานุ มันเป็นคนกล้าได้กล้าเสียมาแต่ไหนแต่ไร รักเพื่อนพ้องและพร้อมช่วยเหลือทุกคนที่ทำดีกับมัน
“เอาเป็นว่ากูคือหนึ่งในหุ้นส่วนของโรงแรมน้องมึง เดี๋ยวกูจะส่งทีมบริหารมืออาชีพมาช่วยดูแล ส่วนเรื่องเงินถ้าต้องการได้เพิ่มบอกให้น้องมึงเบิกกับทางทีมงานกูได้เลย” ภานุตอบบ่าชยพล
“อย่าคิดมากไอ้ต้น มึงเป็นเพื่อนที่กูรักมากที่สุดคนหนึ่ง กูไม่ทิ้งมึงอยู่แล้ว” ชายหนุ่มยิ้มอย่างให้กำลังใจ
“ขอบใจมากนะเว้ย”
สองเพื่อนซี้ต่างตอบแทนซึ่งกันและกัน บรรยกาศเก่าๆ กลับมาอีกครั้งหลังได้พูดคุยเรื่องสมัยยังเป็นวัยหนุ่มคึกคะนอง ฉุดให้ภานุอดคิดถึงเพื่อนซี้ตัวป่วนอีกคนไม่ได้
ดนัย… เพื่อนทรยศที่ทำลายชีวิตอันสดใสของน้องสาวเขาอย่างเลือดเย็น!