“แม่ค้าคนสวยจ๋า… พี่ขอข้าวผัดกะเพรากับข้าวไข่เจียวอย่างละสองกล่องจ้ะ” หนุ่มโรงงานส่งสายตาหยาดเยิ้มมองดาริกาตั้งแต่หัวจรดเท้า แม้ไม่ค่อยพอใจแต่ในฐานะแม่ค้าหญิงสาวจำต้องแจกรอยยิ้มเพื่อเอาใจลูกค้า
“ได้จ้ะพี่” มือเรียวจัดการหยิบข้าวกล่องใส่ถุงพลาสติกแล้วยื่นส่งให้ชายร่างท้วม
“เท่าไรจ๊ะ”
“สี่สิบบาทจ้า” ดาริกาตอบเสียงหวานกลับไป ฟังแล้วมันช่างกระชุ่มกระชวยหัวใจเสียจริง
“พี่ให้ห้าสิบเลยจ้ะ ไม่ต้องทอน”
“ไม่เอาค่ะพี่ หนูทอนดีกว่า” ดาริกาหยิบเหรียญสิบยัดใส่มือลูกค้าจอมขี้หลี
“สวยแล้วยังมีคุณธรรมแบบนี้ พี่ขออุดหนุนเป็นลูกค้าตลอดไปเลยได้ไหมจ๊ะ” ไม่วายพูดจาหยอกเย้าตามเคย
“ยินดีค่ะ” ดาริกากัดฟันยิ้ม และถือว่าสวรรค์เมตตาที่รถประจำโรงงานมาจอดเทียบริมฟุตบาทพอดี ไอ้จอมเจ้าชู้จึงต้องรีบขึ้นรถ ทว่าไม่วายหันมาโบกไม้โบกมือส่งจูบให้แม่ค้าหน้าหวาน ทำเอาเหล่าร้านค้าละแวกใกล้เคียงต่างอิจฉาตาร้อนกันเป็นแถว
“เฮ้อ… สงสัยหมูปิ้งร้านฉันมันคงจะขายไม่ได้แล้วมั้ง” แม่ค้าขายหมูปิ้งที่อยู่มานานถึงสิบปีพูดขึ้นลอยๆ
“นั่นสิ ขนาดฉันขายน้ำหวาน น้ำแดง แต่ลูกค้ายังเมินเฉย สงสัยน้ำของฉันมันคงหวานสู้หน้าแม่ค้าบางคนแถวนี้ไม่ได้” ร้านน้ำปั่นที่อยู่ข้างๆ รีบเสริมทัพ เบ้ริมฝีปากริษยาในความสวยของดาริกา
คนถูกแขวะหน้าเสียเล็กน้อย เห็นข้าวกล่องเหลืออยู่สองกล่องก็เตรียมเก็บร้านรีบกลับบ้าน ขืนอยู่นานกว่านี้ก็ไม่รู้ว่าจะโดนกระแหนะกระแหนว่าอะไรอีก
“อย่าไปสนใจพวกปากหอยปากปูเลยแม่หนู ร้านใครร้านมัน ลูกค้าเขามีสิทธิ์เลือกว่าจะอุดหนุนใคร ไอ้อีที่ปากเน่าปากหนอนใครมันจะอยากซื้อแดกวะ!” ป้าแจ่มคนขายลูกชิ้นทอดพูดเสียงดัง
“อ้าวป้า! พูดแบบนี้หมายความว่าไง หาว่าหนูกับอีเจ้ปากเน่าปากหนอนเหรอ” แม่ค้าหมูปิ้งเท้าเอวถาม
“นั่นสิ ถ้าร้านของพวกหนูไม่มีใครซื้อแดก ร้านของป้าก็คงไม่ต่างกัน ลูกชิ้นเหี่ยวพอๆ กับหนังหน้าคนขาย แหวะ!” แม่ค้าน้ำปั่นก็ไม่รีรอที่จะช่วยเพื่อน คนกลางอย่างดาริกาค่อนข้างลำบากใจ เธอไม่อยากมีปัญหากับใคร อยากทำมาหากินแบบเรียบง่ายมากกว่า
“ถึงกูจะหนังเหี่ยวแต่กูก็ไม่ปากหมาขี้อิจฉาเหมือนพวกมึงหรอกโว๊ย! หนอยแหน่! พอเห็นนังหนูร้านข้าวมันหน้าตาสะสวยเข้าหน่อยก็ดิ้นเร่าเป็นหมาโดนน้ำร้อนลวก ทำไม? อิจฉาเขาว่างั้น”
ป้าแจ่มเองก็ใช่ย่อย ถึงอายุจะมากแต่ความเก๋าไม่เป็นสองรองใครแน่นอน
“ป้าจ๊ะ พี่สาวจ๋า อย่าทะเลาะกันเลยค่ะ” ดาริกาขอร้อง ดูเหมือนประเด็นของเธอจะกลายเป็นเรื่องราวใหญ่โตเสียแล้ว
“อีมนุษย์ป้าพูดแบบนี้มาตบกันเลยไหม!”
“เอาเซ่! กูต่อให้สองรุมหนึ่งเลยอีพวกขี้นินทาปากหมา!”
ดาริกาเลิ่กลั่กทำตัวไม่ถูก สงครามน้ำลายกำลังจะกลายเป็นเวทีมวยในอีกไม่ช้า
“หยุด!” ชายกลางคนหน้าตาโหดจัดสักลายเต็มตัวตะโกนขึ้น “ถ้าพวกมึงยังไม่เลิกกัดกัน กูจะเอามีดที่เฉือนเนื้อหมูมาปาดคอพวกมึงเรียงตัว จะเอาไหม!?”
ไม่พูดเปล่า แต่ยังชูมีดอีโต้ปลายแหลมคมเป็นการขู่กรายๆ ไม่มีใครกล้ามีปัญหากับเฮียใช้ ต่างรู้ดีว่าหนุ่มใหญ่ผู้นี้มีศักดิ์เป็นญาติของเจ้าของตลาด
“กลับบ้านเถอะนังหนู” ส่งสายตาอ่อนโยนมาทางหญิงสาวที่ยืนหน้าซีดเป็นไก่ต้ม
“ขอบคุณนะคะเฮีย” ดาริกายกมือไหว้ “หนูไปก่อนนะจ๊ะป้า นี่จ้ะ ข้าวกะเพรา หนูให้ป้าไว้ทานระหว่างขายของนะจ๊ะ”
“ขอบใจนะหนู เจริญๆ เถอะแม่คู๊ณ สวยแล้วยังมีน้ำใจแบ่งปันคนแก่” ป้าแจ่มอวยพรอย่างเอ็นดูในตัวหญิงสาว
ดาริกาขายข้าวกล่องหน้าตลาดเช้าและเย็น เป็นช่วงที่คนงานพลุกพล่านมากที่สุด วันแรกๆ ยังขายได้ไม่ดีนัก ก็ได้เฮียใช้กับป้าแจ่มช่วยซื้อเพราะสงสารและเห็นใจแม่ค้าหน้าหวานที่ดูรูปร่างหน้าตาแล้วน่าจะได้ทำงานที่ดีกว่านี้ ดาริกาไม่เคยลืมบุญคุณคนที่รักและเอ็นดู มีอะไรก็นำมาแบ่งปันผู้ใหญ่สองท่านนี้ตลอด
ร่างบางเข็นรถกลับบ้านท่ามกลางอากาศร้อนระอุ เม็ดเหงื่อไหลซึมทั่วกรอบหน้าหวาน สองมือเรียวรีมองแล้วไม่น่าเชื่อว่าจะตรากตรำทำงานหนักได้ หล่อนประคองรถเข็นที่ทั้งหนักและใหญ่กว่าช่วงตัวหลายเท่าลากล้อไปตามเส้นทางขรุขระ ระหว่างทางเห็นยายหลังค้อมคนหนึ่งกำลังเดินขายปลาตะเพียนอย่างทุกลักทุเลก็นึกสงสาร
“ยายจ๋า ขายอันเท่าไรจ๊ะ?”
“อันละสิบบาทจ้า ช่วยยายซื้อหน่อยนะแม่หนู วันนี้ทั้งวันยายยังไม่ได้กินข้าวเลย” คำพูดน่าสงสารสั่นคลอนหัวใจดวงน้อย ดาริกาไม่รีรอที่จะหยิบธนบัตรออกมาจากกระเป๋า
“หนูขอซื้อสิบอันนะจ๊ะยาย”
“ยายไม่มีถุงใส่ให้ เป็นไรไหมนังหนู”
“ไม่เป็นไรจ้ะยาย หนูวางบนรถเข็นได้จ้ะ จริงสิ” ร่างบางรีบก้มหยิบข้าวกล่องกล่องสุดท้ายยื่นส่งให้ยายผู้น่าสงสาร
“หนูเป็นแม่ค้าขายข้าวอยู่ที่หน้าตลาด วันนี้เหลือหนึ่งกล่องหนูให้ยายไว้กินนะจ๊ะ”
“แม่คุณเอ๊ย ขอบใจมากลูก” น้ำตาคนเฒ่าคนแก่แทบไหลเมื่อได้เจอคนดีมีน้ำใจเยี่ยงสาวหน้าหวาน
“ค่อยๆ เดินนะจ๊ะยาย หนู…”
“ขายอันละเท่าไรครับ”
น้ำเสียงแสนคุ้นหูดังขึ้นข้างๆ ตัว ดาริกาแทบหยุดหายใจ ไออุ่นจากร่างกายมนุษย์บ่งบอกให้รู้ว่าผู้มาเยือนรายใหม่ได้ยืนขนาบข้างเธอเป็นที่เรียบร้อยแล้ว
ขอเถอะสวรรค์… เสียงนั้น… อย่าได้เป็นเขาเลย
“อันละสิบบาทจ้า”
“ผมเหมาหมดเลยครับ”
ยิ่งฟังยิ่งมั่นใจ ดาริกาทำใจอยู่หลายวินาทีก่อนจะหันหน้าเงยมองคนด้านข้าง เสี้ยวหน้าคมคายไม่เคยเปลี่ยน องค์ประกอบที่หล่อหลอมเป็นเขายังเหมือนเดิมทุกประการ
‘พี่ไทม์!’