พอรู้ว่าผู้ชายที่ยืนอยู่ใกล้รัศมีเป็นใครดาริกาก็รีบก้มหน้าก้มตาเข็นรถจ้ำเท้าเดินหนีอย่างไว ร่างบางสั่นสะท้านไปทั้งตัว ลมหายใจขาดห้วงคล้ายกับก้อนเนื้อข้างซ้ายจะหยุดเต้นลงไปทุกที
แขนเรียวถูกดึงไว้ สองเท้าเล็กหยุดชะงัก
“จะรีบไปไหน”
เขาตามมางั้นหรือ?
“ไม่เจอกันนานเลยนะ… ซิน”
ภานุเรียกชื่อเล่นของเธออย่างคล่องปาก เขาเอะใจตั้งแต่เห็นแผ่นหลังบอบบางกำลังยืนคุยกับยายแปลกหน้าสักระยะหนึ่งแล้ว คราแรกก็คิดว่าตนคิดมากเกินไป แต่วินาทีที่คนตัวเล็กหันหน้ามาหยิบอะไรสักอย่างบนรถเข็นเขาเห็นใบหน้าหวานเต็มสองตา หัวใจแกร่งเต้นกระหน่ำดุจพายุ เหมือนร่างกายถูกสั่งให้เดินมาหาโดยที่สมองของเขายังสับสนไม่หาย
ไม่คิดว่าจะเจอเธอ… ที่นี่
“คุณคงจำคนผิด ฉันไม่ได้ชื่อนี้ กรุณาปล่อยแขนฉันด้วยค่ะ”
หล่อนจะรู้ตัวหรือไม่ว่าน้ำเสียงที่เปล่งออกมานั้นสั่นพร่าจนแทบฟังไม่ได้ศัพท์
“พี่จำได้” ภานุตวัดทีเดียวร่างทั้งร่างก็หันมาประจันหน้ากับเขา ดวงตาสองคู่สบมองซึ่งกันและกัน
แววตาที่เต็มไปด้วยความรู้สึกหลากหลาย
“ปล่อย!” ดาริกาอาศัยช่วงที่เขาเผลอจ้องหน้าเธอสะบัดแขนออกจากการเกาะกุมได้ในที่สุด
“จะไปไหน” ภานุรีบวิ่งมาดักรถเข็นของหญิงสาวเอาไว้ เขาสำรวจเครื่องมือทำมาหากินของน้องแล้วเลื่อนสายตามองเจ้าของใบหน้ารูปไข่ที่เขาคิดถึงสุดหัวใจ
“ทำไม”
ภานุไม่คิดว่าดาริกาจะลำบากแสนเข็ญถึงเพียงนี้ หญิงสาวเป็นคนเก่งและการศึกษาดี ควรมีหน้าที่การงานที่มันดีกว่านี้ไม่ใช่หรือ
“หลีกทางด้วยค่ะ ฉันจะกลับบ้าน” ดาริกาพยายามเข้มแข็งทั้งๆ ที่หัวใจอ่อนแอ น้ำตาเจ้ากรรมพานจะไหลอยู่ร่ำไป เธอต้องใช้ความอดทนอดกลั้นฝืนความเจ็บปวดกลืนความชอกช้ำลงไป
“อีกไกลไหมกว่าจะถึงบ้าน” เขาเอ่ยถาม
“หลีกทางค่ะ” สาวเจ้าดันรถเข็นชนร่างสูงใหญ่ที่ยืนจังก้าขวางทางเดิน “ถ้าคุณไม่หลีกฉันจะร้องตะโกนให้คนแถวนี้ช่วย”
“ช่วยเรื่องอะไร พี่ยังไม่ได้ทำอะไรซินเลยนะ”
ดาริกายิ้มหยันกับสรรพนามที่เขาใช้เรียกแทนตัว ระหว่างเธอกับเขามันยังใช้คำพูดเหล่านี้ได้อยู่อีกหรือ
“พี่อยากเดินไปส่ง” ภานุหวังฉวยโอกาสอยู่ใกล้ชิดสองต่อสอง จะได้รู้ว่าน้องพักอาศัยอยู่ที่ไหน
“ไม่ต้องค่ะ แล้วกรุณาอย่าพูดจาเหมือนสนิทสนมกับฉัน เพราะเราสองคนไม่รู้จักกัน” ให้รู้ไปเลยว่าเธอไม่ชอบ ดาริกาเบี่ยงรถเข็นไปทางซ้ายแล้วเดินไปตามทางลาดยาว ภานุยังคงเดินตามอย่างหน้าด้านๆ หญิงสาวพยายามไม่สนใจเพราะคิดว่าอีกไกลกว่าจะถึงบ้านเขาคงทนเหนื่อยไม่ไหวแล้วกลับไปเอง แต่เปล่าเลย เขาเดินตามเธอมาเรื่อยๆ จนใกล้ถึงตัวบ้านเต็มที
ไม่ได้! จะให้เขารู้ไม่ได้เด็ดขาดว่าเธออยู่บ้านหลังไหน
“คุณจะเดินตามฉันให้ได้อะไรขึ้นมา กลับไป!” น้ำเสียงแทบกลายเป็นตะคอก มือเรียวชื้นเหงื่อเย็นยะเยือกชี้ไล่ไม่ไว้หน้า
“เช่าบ้านอยู่แถวนี้เหรอ” ภานุสำรวจรอบๆ บริเวณก็พบว่ามันเป็นบ้านไม้เก่าๆ ที่สร้างเรียงรายกันสองฝั่ง สภาพความเป็นอยู่อาจไม่ถือว่าเลวร้ายนักในระดับชนชั้นกลาง แต่ถ้าเทียบกับคุณหนูที่เคยอยู่บ้านหลังใหญ่โตอย่างดาริกาก็ถือว่าหนักหนาพอสมควรกับความเปลี่ยนแปลงครั้งนี้
“ซิน…” ภานุขยับก้าวเข้าไปใกล้ร่างบางอีกระดับ “ลำบากมากไหม” เสียงเข้มๆ ที่มักเต็มไปด้วยความดุดันแหบแห้งจนแทบจมหายในลำคอ
“ฉันชินแล้ว” คนตอบสีหน้าราบเรียบ เขาจะถามให้ได้อะไรขึ้นมา ความลำบากที่เธอได้รับต้นเหตุก็มาจากเขาทั้งสิ้น ยึดบ้านยึดทุกอย่าง ทำให้ชีวิตของเธอและพี่ชายตกต่ำไม่เหลืออะไร
“พี่…” ภานุคล้ายกำลังจะเอ่ยสิ่งใดต่อแต่มือถือเจ้ากรรมดันส่งเสียงขัดจังหวะ
“ว่าไง?” ชายหนุ่มรับฟังเลขาฯ รายงานเรื่องด่วนด้วยสีหน้าเคร่งเครียด ออกคำสั่งเสร็จตั้งใจจะหันมาสนทนากับคนตัวเล็กต่อก็พบเพียงความว่างเปล่า
ดาริกาจากไปแล้ว… แต่เหมือนน้องควักหัวใจของเขาติดมือกลับไปด้วย!
“กลับมาแล้วเหรอ” ดนัยส่งเสียงทักทายหลังเห็นน้องสาว ดาริกาพยักหน้าเล็กน้อย วางกระเป๋าสะพายใบกะทัดรัดลงบนโต๊ะแล้วเข้าครัวดื่มน้ำแก้กระหาย อากาศข้างนอกร้อนจัดจนคอแห้งไปหมด
“เหนื่อยไหมวันนี้” คำถามที่พี่ชายมักเอ่ยถามเป็นประจำ และสิ่งที่ได้รับกลับมาก็คือ
“ไม่เหนื่อยเลย ขายของหมด ลูกค้าก็น่ารัก”
ดาริกาไม่เคยเล่าปัญหาให้พี่ชายฟังด้วยไม่อยากให้พี่เครียด เธอแบกรับแรงกดดันทุกอย่างไว้เพียงลำพังเสมอมา กระนั้นดนัยก็รู้ว่าน้องมีปัญหา ปากคนเราจะพูดสิ่งใดก็ย่อมได้ แต่แววตาไม่สามารถโกหกกันได้
แววตาของน้องกลัดกลุ้มและดูเหมือนกังวลอะไรสักอย่าง
“มีอะไรหรือเปล่าซิน ถ้ามีอะไรไม่สบายใจต้องบอกพี่นะ อย่าปิดบังพี่เด็ดขาด”
“ไม่มีจ้า ขายของหมดได้เงินเยอะจะมีอะไรไม่สบายใจ พี่น่ะคิดมาก” ดาริกาหยิบกับข้าวที่แช่แข็งเอาไว้ออกมาอุ่นเตรียมทานมื้อค่ำ
“เดี๋ยวซินไปอาบน้ำก่อนนะ ถ้าพี่หิวก็กินก่อนได้เลย”
น้องสาวคนสวยยกสำรับตั้งวางบนโต๊ะ ดนัยรู้สึกสมเพชตัวเองเหลือเกิน เขาไม่สามารถช่วยเหลืออะไรน้องได้เลย แทนที่คนเป็นพี่ต้องดูแลน้อง กลับกลายเป็นน้องคอยจุนเจือทุกอย่าง
บทบาทของเขาถูกริดรอนเพียงเพราะกลายเป็นบุคคลทุพพลภาพจากอุบัติเหตุรถชนครั้งนั้น!
หลังจากที่ได้เจอกับดาริกาโดยบังเอิญ ภานุก็ตั้งมั่นว่าจะต้องหาทางเจอเธออีกให้จนได้ ชายหนุ่มให้นักสืบคอยแอบตามร่างบางอยู่ห่างๆ นับเป็นโชคดีที่เขารู้ตำแหน่งแล้วว่าเธออยู่ตรงส่วนไหนของจังหวัดชลบุรี ดังนั้นการสืบหาบ้านที่อยู่อาศัยจึงไม่ใช่เรื่องยากเกินไปนัก ใช้เวลาเพียงสองวันก็รู้ว่าเธอผันตัวจากสาวขายประกันมาเป็นแม่ค้าขายข้าวกล่องอยู่ที่หน้าตลาดสดทั้งเช้าและเย็น
และตอนนี้เขากำลังทอดมองแม่ค้าคนสวยจากฝั่งตรงข้าม ใบหน้าหวานยิ้มแย้มต้อนรับลูกค้าด้วยแววตาสดใส แต่ทำไมยิ่งมองกลับยิ่งรู้สึกหงุดหงิด เพราะอะไรน่ะหรือ ก็บรรดาลูกค้าที่แวะเวียนมาอุดหนุนล้วนแล้วแต่เป็นผู้ชายทั้งสิ้น!
แม่ค้าสวยปานนางฟ้าแถมยังโสดไร้พันธะ ไอ้พวกผู้ชายหน้าหม้อคงหวังมาขายขนมจีบล่ะสิ ฝันไปเถอะ!
เขาเจอเธอแล้ว ไม่มีวันปล่อยให้หลุดมือซ้ำสองแน่!