บทที่ 2.1 - โชคชะตานำพาให้มาพบ (ชีวิตที่ต้องดิ้นรน)

1189 Words
“ดาริกา ถ้าภายในสองสัปดาห์นี้ยอดขายของคุณไม่ดีขึ้น กรุณาพิจารณาตัวเองโดยด่วนว่าคุณเหมาะกับงานนี้หรือไม่!” ผู้จัดการชี้หน้าต่อว่าเสียงดัง ทำเอาพนักงานคนอื่นๆ ต่างหัวหดไปตามๆ กัน “ซินไหวไหม” “ไหวค่ะพี่ปลา” ดาริกาส่งยิ้มให้ปาริตา พี่สาวใจดีที่ช่วยสอนงานเธอตั้งแต่วันแรกที่เข้ามาทำงาน ณ ที่แห่งนี้ “ผู้จัดการก็พูดเกินไป ยอดตกนิดๆ หน่อยๆ ทำเป็นอารมณ์เสีย เชอะ!” “อย่าไปว่าผู้จัดการเลยโพนี่ ใครๆ ก็อยากให้ทีมตัวเองทำยอดได้ดีๆ ทั้งนั้นแหละ” ดาริกาไม่คิดโทษโกรธใครทั้งสิ้น ทุกอย่างผิดที่เธอเอง เธอไม่มีความสามารถมากพอที่จะดึงดูดลูกค้าให้มาทำประกันกับเธอได้ “โอ๊ย! เบื่อแม่พระจริงจริ๊ง! โดนชี้หน้าด่าขนาดนั้นยังไปเข้าข้างเขาอีก สวยแล้วยังใจดี น่าหมันไส้!” โพนี่ หรือ พิธาน หนุ่มน้อยหน้าใสหัวใจฟรุ้งฟริ้งเบ้ปากใส่รุ่นพี่สาว “ยัยโพนี่ปากดีนักนะ ก็ซินเขาคนดีไม่เหมือนหล่อนที่ปากเน่าปากหนอนไปเรื่อย” ปาริกาทำท่าง้างมือจะตบปากรุ่นน้องวัยใส “คุณแม่อย่าค่ะ หนูเพิ่งไปฉีดฟีลเลอร์ที่ปากมา ห้ามตีเดี๋ยวปากเสียทรง” โพนี่รีบหันหน้าหนีฝ่ามือพิฆาตแทบไม่ทัน “งั้นก็ช่วยสงบปากสงบคำด้วยนะยะหล่อน ขืนพูดมากฉันจะเอาแฟ้มหนาๆ ตีปากให้แตกเลย” ปาริตายกแฟ้มขนาดใหญ่ข่มขู่ คนปากไม่มีหูรูดรีบหลบหลังดาริกาพัลวัน “นางฟ้าทูลหัวเจ้าขา ช่วยซินเดอเรลล่าด้วยค่ะ แม่มดใจร้ายจะรังแกหนู” โพนี่แสร้งว่า ดาริกาหัวเราะ “หนอยแหน่!” ปาริตาหลุดขำในความทะเล้นของรุ่นน้องตัวป่วน ก่อนหันมองคนตกที่นั่งลำบากด้วยสายตาอ่อนใจ “ซินคงต้องหางานใหม่สำรองแล้วล่ะพี่” “ใจเย็นก่อนค่ะซิส ผู้จัดการให้เวลาตั้งสองสัปดาห์ ไม่แน่อาจมีลูกค้ารอต่อคิวทำประกันกับพี่เพิ่มก็ได้นะคะ เนอะๆ พี่ปลาเนอะ” โพนี่หันมาหาแนวร่วม “ใช่เลยซิน พี่เชื่อว่าซินต้องทำได้ อย่าเพิ่งคิดไปไกลเลยนะ” ปาริตาบีบมือให้กำลังใจ ไม่อยากให้ดาริกาคิดมากและไม่อยากให้ลาออกด้วยเช่นกัน “แต่ซินว่าความหวังมันริบหรี่มากค่ะพี่ปลา ซินตัดสินใจแล้วว่าจะหางานใหม่ เงินเก็บซินพอมีอยู่บ้าง คงพอสำหรับรายจ่ายระหว่างยังไม่ได้งาน” ดาริกาวางแผนสำรองเอาไว้หมดแล้ว เธอนอนคิดมาตลอดทั้งคืนก็ได้ข้อสรุปว่าหนทางนี้ดีที่สุด “แล้วจะไปทำงานอะไร สมัยนี้งานหายากยิ่งกว่าชายแท้ซะอีก คนตกงานเป็นพันเป็นหมื่นคน ไหวเหรอซิน” ปาริตาอดเป็นห่วงไม่ได้ “ซินกะว่าจะทำข้าวกล่องขายหน้าตลาดตอนเช้ากับตอนเย็นไปพลางๆ ก่อนค่ะ พอได้งานที่ใหม่ค่อยเลิกขาย พี่ปลาว่าดีไหมคะ?” สาวเจ้าขอความคิดเห็น ปาริตาทำหน้าไม่บอกบุญ “พี่เพิ่งพูดไปหยกๆ ว่าคนตกงานเกลื่อนกลาด ต่างก็หันเหมาขายของแข่งกันจนทุกวันนี้มองไปทางไหนก็เจอแต่คนขายหาคนซื้อแทบไม่มี” เหตุผลของปาริตาทำให้ดาริกาฉุกคิด นั่นสินะ… สภาวะเศรษฐกิจย่ำแย่ทำอะไรก็ติดขัดไปหมด “แต่มันก็ไม่แน่เสมอไปหรอกค่ะคุณแม่ สาวๆ สวยๆ อย่างพี่ซินลองได้ขายข้าวกล่องหน้าตลาดที่มีคนงานเพ่นพ่านเช้าเย็น บางทีอาจเป็นจุดขายเรียกลูกค้าหนุ่มๆ ให้พากันมาอุดหนุนเต็มร้านก็ได้นะพี่” คำพูดของโพนี่จุดประกายความหวังขึ้นมาอีกครั้ง ดาริกาไม่คิดหวังใช้รูปร่างหน้าตาในการหาเงิน แต่วิกฤตยากลำบากเช่นนี้มีหนทางใดก็ต้องไขว่คว้าเอาไว้ก่อน “ตายแล้วลูกสาว รู้จักกันมาตั้งนานหนูเพิ่งมีสมองก็วันนี้แหละค่ะ แสดงว่าเซลล์สมองของหนูเพิ่มขึ้นจากแปดหมื่นสี่พันเซลล์เป็นล้านเซลล์แล้วใช่ไหมลูก แม่ภูมิใจมาก!” ปาริตาจับแก้มโพนี่บีบไปมา “สาบานว่านี่คือคำชม” กลอกตาถามพลางเบ้ปาก “คำชมสิจ๊ะ” ปาริตาหัวเราะ หันมาจับมือดาริกาอีกครั้ง “ลองดูก็ไม่เสียหายนะซิน ฝีมือทำกับข้าวของซินก็อร่อยใช้ได้ แถมหน้าตาสะสวยมันก็เป็นอีกหนึ่งเสน่ห์ที่ช่วยเรียกลูกค้าได้จริงอย่างที่ยัยโพนี่นางบอกนะ” “งั้นซินขายกล่องละยี่สิบบาทพอเนอะ ถือว่าช่วยให้คนมีรายได้น้อยได้อิ่มท้องแถมยังประหยัดเงินอีกด้วย” ดาริกาเริ่มเห็นแสงสว่างรำไร “มอบมงให้เลยค่ะ” โพนี่ทำท่าหยิบมงล่องหนจากศีรษะของตัวเองวางลงบนเรือนผมของดาริกา ทำเอาสองสาวหัวเราะน้ำตาร่วง “อะไรของหล่อนยะ” ปาริตาถามไปยิ้มไป “คำพูดเมื่อกี้จักรวาลเรียกพี่มากค่ะแม่ เอามงไปเลยจ้ะ ยูวิน!” โพนี่ปรบมือปิดท้าย “แล้วจะเริ่มขายวันไหนล่ะ” ปาริตาเอ่ยถามด้วยความตื่นเต้น ตั้งใจว่าจะช่วยอุดหนุนรุ่นน้องจอมขยันคนนี้ทุกวัน “พรุ่งนี้ค่ะ ซินจะเริ่มพรุ่งนี้เลย” นั่นหมายความว่าหล่อนตั้งใจลาออกจากงานประจำแล้วปรับเปลี่ยนเส้นทางทำมาหากินสวมบทบาทเป็นแม่ค้าครั้งแรกในชีวิต “เดี๋ยวคุณช่วยส่งรายละเอียดของสินค้าตัวใหม่ที่เราประชุมกันเมื่อสองวันก่อนให้ผมด้วยนะ” “ค่ะท่าน ดิฉันจะรีบจัดการให้เร็วที่สุดค่ะ” เลขาฯ สาวน้อมรับคำบัญชาก่อนโค้งศีรษะทำความเคารพแล้วเดินออกจากห้องท่านประธานหนุ่มสุดฮอต ภานุเซ็นเอกสารสำคัญชุดสุดท้ายเสร็จสิ้นก็วางปากกาคู่ใจลงแล้วเอนกายพิงพนักเก้าอี้หลับตาคลายความเหนื่อยล้า ก่อนนึกขึ้นได้ว่าวันนี้มีธุระต้องไปจัดการ ร่างสูงคว้าเสื้อสูทมาสวมทับแล้วเดินออกจากห้อง “มึงอยู่ไหนวะต้น กูเหรอ กูขับรถเข้าตัวเมืองชลบุรีแล้ว ร้านเดิม ร้านไหนวะ อ้อ… ร้านหน้าตลาดที่เราเคยไปกินข้าวด้วยกันใช่ไหม โอเค กูไปเดี๋ยวนี้เลย” ภานุกดวางสายแล้วตั้งหน้าตั้งตาขับรถไปยังสถานที่นัดพบด้วยความเร่งรีบ ไม่นานก็ถึงที่หมายอย่างปลอดภัย ตลาดช่วงเย็นคึกคักเป็นพิเศษเพราะเป็นช่วงเวลาเลิกงานของเหล่าคนหาเช้ากินค่ำได้เดินจับจ่ายใช้สอย ภานุจอดรถตรงหน้าคาเฟ่ที่เขากับเพื่อนเคยมานั่งทานข้าวด้วยกันเมื่อปลายปีที่แล้ว ชายหนุ่มรูปหล่อเปิดประตูก้าวขาเข้าร้านไม่ทันไรเสียงเป่าปากโห่แซวดังขึ้นทันที “ไงวะพ่อนักธุรกิจหนุ่มไฟแรงแห่งปี ไม่เจอแค่สามเดือนหล่อขึ้นเป็นกองเลยนะมึง”
Free reading for new users
Scan code to download app
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    Writer
  • chap_listContents
  • likeADD