เมื่อเขากลับมา2
"ยัยตัวดีของคุณแม่กล้าตบผม"
ภูวริศหันไปตอบมารดา สีหน้าท่าทางบ่งบอกว่าตัวเขาหัวเสียสุดๆ ผู้เป็นแม่ไม่เคยตีเขาสักครั้ง แต่ยัยเด็กกาฝากนี้กล้าตบหน้าเขา มาอาสัยบ้านเขาอยู่แล้วยังอวดดี
"จริงเหรอเอม..." กมลาถามด้วยความคลางแคลงใจเพราะตั้งแต่เธอเลี้ยงดูเอมอรมาเด็กสาวไม่เคยมีพฤติกรรมก้าวร้าวแบบนี้มาก่อนออกจะเจียมเนื้อเจือมตัวด้วยซ้ำไป
เด็กสาวเอาแต่ก้มหน้าไม่ตอบคำถามใดๆเนื้อตัวสั่นเทาท่าทางตื่นกลัว
"แล้วเราไปทำอะไรเอมอรเขาล่ะ" กมลาหันมาย้อนถามลูกชาย
"ถามแบบนี้หมายความว่ายังไงครับคุณแม่ผมโดนยัยนี่ตบนะครับ เกิดมาคุณแม่ยังไม่เคยตีผมสักครั้งแต่..." ภูวริศหยุดคำพูดไว้แค่นั้นเขาหันไปจ้องเอมอรที่เอาแต่ก้มหน้าทำท่าทางเจียมตัว ทั้งๆที่เมื่อกี้ยังง้างมือตบหน้าเขาจนหน้าสะบัด
"แม่ถามเพราะแม่รู้จักภูดีพอๆกับที่แม่รู้จักเอมน่ะสิ"
"งั้นผมก็ไม่มีอะไรจะพูด" ภูวริศตัดพ้อในความยุติธรรม
"บางทีแม่อาจจะทำผิดเองที่ไม่เคยตีภูเลยสักครั้ง"
"คุณแม่!" ภูวริศตกใจกับสิ่งที่ได้ยิน "คุณแม่พูดแบบนี้หมายความว่าคุณแม่ปกป้องยัยนี่เหรอครับ"
"ภู...หยุดก้าวร้าวกับแม่เดี๋ยวนี้นะ"
"ทำไมครับผมทำผิดอีกแล้วงั้นเหรอ" ชายหนุ่มปรี่เข้ามากระชากแขนเอมอรไปตรงหน้รมารดา "ส่วนยัยนี่เป็นนางฟ้นนางสวรรค์ทำอะไรก็ไม่ผิดเลยว่างั้น"
"ภู!เลิกเอาแต่ใจตัวเองสักที อารมณ์ร้ายๆที่ภูมีแม่เห็นแล้วไม่เคยสบายใจสักครั้ง"
"ผมเป็นนี้แหล่ะครับไม่มีทางเปลี่ยน!"
"คุณท่านคะ....เอมผิดเองค่ะที่ตบหน้าคุณภู" เอมอรพูดแทรกขึ้นมาเพราะเห็นว่าภูวริศโมโหมากขึ้นเรื่อยๆจนเกินที่ใครจะควบคุม
"หุบปากไปเลยเธอน่ะ มาพูดตอนนี้ให้มันได้อะไรต้องการปกป้องฉันงั้นเหรอหรือว่าพึ่งสำนึกได้ว่าตัวเองเป็นต้นเหตุให้แม่ลูกเค้าทะเลาะกัน"
"ตาภู!!!" ผู้เป็นแม่ตำหนิลูกชายต่อหน้าเอมอรอีกครั้ง "หยุดพูดจาก้าวร้าวเอมอรต่อหน้าแม่เดี๋ยวนี้"
"คนอย่างเธอนี่มันมีอะไรดีนะเอมอร ทำอะไรใครๆก็รักก็เอ็นดูไปเสียหมดน่ะเหอะ!" ภูวริศตะคอกใส่เอมอรอีกครั้ง
"ภูแม่บอกให้หยุด!!!"
"ก็ได้ครับ...ถ้าคุณแม่ต้องการแบบนี้ แต่ผมคงจะอยู่ที่นี่ต่อไปไม่ได้เพราะผมคงทำตัวเป็นลูกชายที่ว่านอนสอนง่ายไม่เป็น"
"ตาภู...พูดแบบนี้หมายความว่ายังไง" คนเป็นแม่รู้สึกใจหาย
"ผมก็พูดออกไปชัดเจนแล้วนะครับ" ภูวริศหันไปตอบมารดาด้วยสายตาขึงขังก่อนจะเปลี่ยนมาหาเรื่องเอมอรต่อ
"ฟังให้ดีนะเอมอร ถ้ากตัญญูกับแม่ฉันมากนักล่ะก็ไสหัวกลับไปอยู่กับพ่อเธอซะ เพราะความกตัญญูของเธอกำลังทำให้ฉันกลายเป็นลูกชายเลวๆในสายตาคุณแม่"
สิ้นคำภูวริศก็เดินเข้าห้องปิดประตูใส่ทุกคนเสียงดังลั่นบ้าน
หลังจากวันนั้นภูวริศก็ไม่เคยกลับมาที่บ้านอีกเลย
เขาขาดการติดต่อกับมารดา งานที่โรงแรมก็มอบหมายให้เป็นหน้าที่ของพี่สาว ทำให้ภาริตาต้องวิ่งวุ่นทำงานแทนน้องชายที่หายหน้าหายตาไปนานนับปี
แม้เอมอรจะมั่นใจว่าคุณริตาต้องรู้ว่าคุณภูหายไปอยู่ไหน แต่ความเกลียดชังในตัวเธอของสองพี่น้องที่มีมากกว่าคงยากที่จะมีใครยอมเอ่ยปากบอกความจริงแม้ว่าสิ่งที่ทำอยู่มันกำลังทำให้ผู้มีพระคุณของเธอต้องทุกข์ใจมากแค่ไหนก็ตาม คุณท่านไม่เคยที่จะโทษเธอเลยสักครั้งว่าเป็นต้นเหตุให้ลูกชายหนีออกจากบ้านตรงกันข้ามท่านกลับอบรมสั่งสอนเธออย่างเมตตา
ภาพในอดีตทำให้หญิงสาวตระหนักได้ว่าตัวเธอเองก็สามารถทำอะไรบางอย่างเพื่อเป็นการช่วยเหลือผู้มีพระคุณ
"เอมจะกลับไปอยู่บ้านค่ะคุณท่าน คุณภูจะได้ยอมกลับมาบ้านสักที"
"ขอบใจนะเอมที่เธอเป็นห่วงความรู้สึกฉัน ดูตาภูสิโกรธฉันอยู่เป็นปีไม่มาดูดำดูดีฉันสักนิด แต่เธอไม่ต้องทำแบบนั้นหรอก ตาภูควรจะสำนึกได้ว่าเขาทำผิด"
"เอมทราบว่าคุณท่านเป็นทุกข์กับเรื่องนี้ เอมไม่อยากเห็นคุณท่านไม่สบายใจค่ะ"
"ฉันไม่เป็นอะไรเธอก็เห็นขอบใจที่เป็นห่วง หมดธุระแล้วเธอออกไปเถอะ" กมลาหันไปสนใจหนังสือในมือ
"ค่ะ" เอมอรรับคำในหัวยังเต็มไปด้วยเรื่องของเจ้านาย เธอเดินคิดอะไรไปเรื่อยจนมาถึงสวนสวยหน้าตึกใหญ่
เวลาเธอไม่สบายใจมีอะไรให้ต้องคิดก็มักจะมาเดินเล่นในสวน บรรยากาศที่ร่มรื่นทำให้จิตใจเธอปลอดโปร่ง ต้นไม้ใบหญ้าเสียงนกร้องกับลมเย็นๆทำให้ใจที่บางครั้งเคยร้อนรุ่มเย็นลงได้อย่างง่ายดาย หญิงสาวใช้เวลานานไปกับการทอดมองต้นไม้ใบหญ้า
"ตายล่ะมัวแต่นั่งเพลินได้เวลาคุณท่านทานยาแล้ว" เอมอรรีบลุกออกจากสวนก้าวยาวๆเดินตรงไปยังตึกใหญ่
พลั่ก!!!
"โอ๊ย!..."หญิงสาวร้องขณะที่ล้มลงไปกับพื้นรู้สึกเหมือนกับว่าตัวเองชนเข้ากับใครสักคน "ขอโทษนะคะเอมรีบเลยไม่ทัน........." หญิงสาวนิ่งอึ้งไปพักใหญ่
"คุณภู......" เอมอรครางชื่อภูวริศเสียงแผ่วเบา ความรู้สึกแรกคือตกใจที่เห็นชายหนุ่มยืนอยู่ตรงหน้าความรู้สึกต่อมาคือแปลกใจและดีใจทุกความรู้สึกตีกันไปหมดจนหญิงสาวรู้สึกสับสนว่านี่คือเรื่องจริงหรือความฝัน
ด้านภูวริศเองก็หงุดหงิดเอามากๆที่เดินเข้าบ้านมาก็ดันต้องมาเจอกับคนที่เขาเหม็นขี้หน้าสุดๆ
"เห็นผีรึไงทำหน้าซะ! หลบไปเลยไปมานั่งเกะกะอยู่นั่น" ภูวริศชักสีหน้า
"ขอโทษค่ะ" เอมอรตอบกลับเสียงแผ่ว ความรู้สึกหวาดกลัวและยำเกรงคนตรงหน้ากลับเข้ามาครอบงำความรู้สึกอีกครั้ง
"เธอนี่ยังน่ารำคาญไม่เปลี่ยนนะ หลบไปอย่ามานั่งขวางทางฉัน อ่อ!...แต่ถ้าจะหวังให้ฉันฉุดเธอขึ้นมาล่ะก็...เสียใจผู้หญิงอย่างเธอไม่คู่ควรกับความเป็นสุภาพบุรุษในตัวฉัน" ภูวริศก้าวยาวๆข้ามตัวเอมอรไปทันทีที่พูดจบ
หญิงสาวหันไปมองตามภูวริศที่เดินหายเข้าไปในตึกใหญ่ หัวใจเธอเต้นแรงด้วยความประหม่าระคนหวาดกลัว นี่คุณภูกลับมาแล้วใช่มั้ย... ชีวิตที่สงบสุขตลอด1ปีของเธอจะเปลี่ยนไปอีกครั้ง
สายตาเขายังมองเธออย่างดูแคลนไม่เปลี่ยนหญิงสาวรู้ตัวดีว่าเขายังคงเป็นคนเดิมและเธอจะต้องผ่านมันไปให้ได้..
.....