01 ดวงใจนิโคไล <3 section เชลยรัก
01
(แรกพบสบตา)
****
เมื่อไม่กี่วันมานี้ ข่าวออกทั่วทั้งประเทศแอรีส เลดี้หญิง คาริน่า บุตรธิดาติดราชีนีองค์สองของพระราชาอีรอน ได้ถูกแต่งตั้งให้เป็นเจ้าหญิงรัชทายาทอับดับ2ของแอรีส ทันทีที่มีพระราชโองการประกาศการตั้งแต่ง ทำให้ประชาชนส่วนใหญ่ไม่เห็นด้วย เพราะต้องการให้มีเจ้าหญิงรัชทายาทเพียงองค์เดียว คือเจ้าหญิงเรอา ผู้เป็นสายเลือดแท้ๆของพระราชาอีรอนกับราชีนีองค์ก่อน
ว่ากันว่าเจ้าหญิงคาริน่า มีใบหน้าสวยดุจเทพกรีก เธอมีดวงตาสีฟ้าอ่อน จมูกโด่งสันได้รูป ปากกระจับอมชมพู ต่างเป็นที่หมายป้องบรรดาชายทั้งประเทศ ลักษณะนิสัยของเธอชื่นชอบความท้าทายมาตั้งแต่วัยเยาว์ และโปรดปรานมากที่สุดคือการขี่ม้า
วันนี้ภายในพระราชวังหลวงคึกคักเป็นพิเศษ เพราะมีแขกชั้นผู้ใหญ่ระดับประเทศรับเชิญมาเป็นจำนวนมาก เพื่อเฉลิมฉลองให้เจ้าหญิงองค์ใหม่ของแอรีส
"น้องขอบพะทัยเพคะ แม้คาร่าจะไม่ใช้เลือดเนื้อเชื้อไขแท้ของท่าน แต่ก็ยังทรงเมตตา" เสียงอ่อนหวานของราชีนีคาเนสกล่าวขอบคุณพระสวามีด้วยหน้าซาบซึ้ง
"หึ..เราเลี้ยงคาร่ามาจนเติบใหญ่เหมือนลูก แค่นี้ไม่ใช่เรื่องใหญ่อะไร ความจริงแล้วคาริน่าสมควรได้ตั้งตำแหน่งตั้งนานแล้ว" พระราชาอีรอนกล่าวเสียงสุขุม
"จริงเพคะเสด็จแม่ คาร่าสมควรได้รับตำแหน่งนี้มาตั้งนานแล้ว" เจ้าหญิงเรอาที่ยืนคอยรับแขกอยู่ด้วยก็โพล่งขึ้นมา ถึงองค์ราชีนีคาเนสจะไม่ใช่มารดาแท้ๆแต่เธอก็รักและเคารพ เพราะองค์ราชีนีผู้นี้อบรมเลี้ยงดูเธอมาเป็นอย่างดี ทั้งยังคอยให้ความรักและความอบอุ่นแกเธอ
"แม่ขอบใจองค์หญิงนะลูก ที่รักและเอ็นดูคาริน่ามาโดยตลอด" ราชีนีคาเนสยกยิ้มกว้าง
"ความจริงแล้ว คาริน่าควรได้รับตำแหน่งนี้มานานแล้ว แต่เจ้าตัวดื้อ บ่ายเบี่ยงเก่งเหลือเกิน ฮะๆ" ราชาอีรอนว่าพร้อมหัวเราะเบาๆ เมื่อนึกไปถึงเด็กสาววัยยี่สิบสองเธอแสนไหวตัวตลอด ความฉลาดก็ไม่เคยเป็นรองใคร
"แล้วนี่เจ้าตัวดีไปไหน..ตั้งแต่เริ่มงานฉันยังไม่เห็นเลย" ราชีนีคาเนสหันไปถามพระพี่เลี้ยงของหญิงสาว
"ตอนนี้..จะ..เจ้าหญิง" ครีตาผู้เป็นพี่เลี้ยงคอยติดตามหญิงสาวทำใบหน้าอึกอัก
"อย่าบอกนะ ว่าคาร่าหนีออกไปขี้ม้า" เรอากล่าวด้วยใบหน้ารู้ทัน เพราะคาริน่าและเธอถูกเลี้ยงมาคู่กัน ทำไมจะเดาใจน้องสาวไม่ออก
"เฮ้อ..ทำไมลูกสาวเรา ถึงได้ดื้อเพียงนี้" องค์ราชีนีเอ่ยเสียงหน่าย
"เอาหน่าองค์ราชีนี คาร่าชอบหนีเที่ยวเล่นแบบนี้ มาแต่ไหนแต่ไรแล้ว" พระราชาอีรอนเอ่ยด้วยรอยยิ้ม
ขณะที่ทั้งสามอยู่คอยตอนรับแขกบ้านแขกเมือง ก็มีองครักษ์วิ่งเข้ามาหน้าวิตก
"มีอะไรหรือ?" เสียงสุขุมของพระราชาอีรอนเอ่ยถามองครักษที่ก้มหัวให้
"ตอนนี้พวกทหาร'แอสเทรีย'เข้ายึดพื้นที่เขตแดนใต้ของเราได้แล้วฝ่าบาท"
"...." พระราชาได้ฟังคำรายงานขององครักษ์ก็ตกใจ หันมองหน้าราชีคาเนสและเจ้าหญิงเรอา ทุกคนเริ่มทำหน้าเคร่งเครียด เพราะนั่นเป็นพื้นที่สำคัญของแอรีส
"และที่ตึงเครียดไปกว่านี้ เมื่อเช้าทางทหารล่าตะเวนเห็นเจ้าหญิงคาริน่าขี่ม้าไปทางดินแดนใต้" องครักษ์รายงานเพิ่มเติม
"ละ..ลูกแม่" ราชีนีคาเนสแทบล้มทั้งยืน ดีที่พระราชาอีรอนประคองไว้ทัน
"รีบส่งทหารของเราไปตามเอาตัวคาร่าออกมาให้ปลอดภัย ส่วนเรื่องเขตแดนค่อยจัดการ!" พระราชาอีรอนสั่งองครักษ์เสียงเข้ม หากทางแอสเทรียได้ตัวคาริน่าไปต้องเป็นเรื่องใหญ่ในอีกไม่ช้าแน่นอน
*:*
อีกฝากฝั่งนึงของเขตแดนใต้ ม้าขนสีขาวสง่า ประดับหัวด้วยเครื่องหนังสวยงาม กำลังวิ่งผ่านชายหาดมหาสมุทรพอสทัส
"เซนทอร์..ทำไมวันนี้วิ่งเร็วจัง" เสียงหวานของเจ้าของมือเรียวสวยประดับสร้อยข้อมือราคาแพง ตะโกนบอกม้าตัวโปรด เธอรู้สึกประหลาดใจว่าทำไมวันนี้เจ้าม้าตัวโปรดถึงดูตื่นตัวมากผิดปกติ
ปัง!!! เสียงคล้ายพุดังสนั่นไปทั่วท้องฟ้า เจ้าเซนทอร์กระโดดสองขาจนร่างของหญิงสาวเกือบตก
"เซนทอร์ใจเย็นๆ" คาริน่ากำเชือกแน่น ตะโกนม้าตัวโปรดที่วิ่งเตลิดด้วยความเร็ว มุ่งตรงไปข้างหน้าอย่างเดียว
"หรือฉันจะตายเพราะม้าเนี่ย!" คาริน่าโพล่งออกมา เธอไม่ได้มีความกลัวว่าชีวิตจะจบลง แต่กลัว ว่าหากตกลงจากหลังม้าไป ตัวเองจะต้องพิการและมีชีวิตอยู่อย่างทรมารมากกว่า
"เซนทอร์!" คาริน่าดึงเชือกแรงบนหลังเจ้าม้าสีขาวอีกครั้ง แต่ทว่า มือที่จับเชือกดันพลาดหลุดออก เจ้าเซนทอร์ยกสองขาอีกครั้ง ทำให้คาริน่านั้นหงายหลัง วินาทีนั้นหญิงสาวหลับตาปี๋ เตรียมรับแรงกระแทกจากพื้นทราย
ปรึบ!!
"ทำไมไม่รู้สึกเจ็บ" เสียงงงงวยของเจ้าของดวงตาสีฟ้าอ่อนเปิดมอง ก็พบว่าร่างตัวเองอยู่ในอ้อมแขนของใครบางคน เธอสบดวงตาสีดำเข้มดุชัดๆรวมทั้งใบหน้าอย่างพิจารณา เขาดูหล่อเทห์แต่มาดดูหน้าเกรงขามไปหน่อย
"...."
"อะ..เอ่อ..ขอบคุ.." ริมฝีปากอมชมพูกำลังอ้าปากกล่าวขอบคุณเขา เพราะรู้สึกอยู่ในอ้อมแขนแข็งแกร่งนี้นานไปแล้ว แต่สุดท้ายก็ต้องอุทานร้องอย่างใจหายคว่ำ
"ว้าย!" ปึก!! เขาโยนตัวเธอลงสู่พื้นทราย จนรู้สึกเจ็บก้นกกไปทั้งส่วน
"นี่! นาย" คาริน่าชี้หน้าเจ้าของร่างสูง พอเห็นเต็มตาว่าเขาอยู่ในการแต่งกายแบบไหน ก็ต้องชะงักตกใจไปอีก เขาไม่ใช่ชาวแอรีส
"เขตนี้เป็นของแอสเทรีย ขี่ม้าเข้ามาแบบนี้..ต้องการถูกฝังทั้งเป็นหรือ" น้ำเสียงเย็นเยียบเอ่ย
"ไม่จริง! เขตนี้เป็นของแอรีส!" คาริน่าเด้งตัวลุกยืนเงยหน้าประจันกับผู้ชายป่านเถื่อนตรงหน้า ถึงแม้ความสูงของเขาจะมากกว่าเธอก็ตาม
"หึ" เขาเหยียดยิ้มเยาะๆ เพียงไม่นานทหารของแอสเทรียก็โผล่ออกมาตามจุดต่างๆ ล้อมหน้าล้อมหลังเธอกับเขาไว้
"สหาย ท่าทางผู้หญิงคนนี้ จะเป็นหญิงสูงศักดิ์ของแอรีส..เราควรทำยังไงกับเธอดี" เสียงเข้มคุยกับเหล่าทหาร
"ฆ่าตัดหัว ส่งไปให้ชาวแอรีส!" นายทหารหน้าตาดุร้ายตะโกนบอก
"ไม่ใช่..ฉันเป็นเพียงชาวบ้านธรรมดา ฉันขี่ม้าอยู่ดีๆก็มีคนบ้าที่ไหนไม่รู้ยิงปืน ม้ามันเตลิดเข้ามา" คาริน่ารีบเอาตัวรอดตามสัญชาตญาณ เธอไม่กลัวความตายก็จริง แต่ถ้าต้องถูกตัดหัวมันทำให้ศพไม่สวย
"ฮึ..แค่ตราบนศรีษะท่าน การแต่งกายก็ไม่ใช่คนธรรมดาแล้ว ท่านโกหก" เขาเอ่ยพลางยกยิ้มเย็น แกล้งไล่สายตามองการแต่งตัวของเธอตั้งแต่หัวจรดเท้า
"...." คาริน่าสบตาชายผู้นี้ รังษีบางอย่างที่แผ่มาจากดวงตาของเขา เธอก็เดาได้ว่าเขาคงไม่ใช่นายทหารธรรมดาทั่วไป
"อ่ะ..ปล่อยนะ จะทำอะไร?" คาริน่าร้องเสียงหลง จู่ๆชายร่างกำยำคนนี้ก็อุ้มตัวเธอขึ้น เดินฝ่าวงพวกทหารออกมา
"ปล่อยฉันลงเดี๋ยวนี้ ถือดียังไง!" เธอต่อว่าร่างตัวสูงมาตลอดเส้นทาง
"...." ส่วนเขานั้นก็อุ้มเธอด้วยท่าทีเงียบสงบ เขาไม่เอ่ยบทสนทนาใดๆ แต่ทว่านัยน์ตาสีดำดุของเขากับคอยมองหน้าเรียวสวยของเธออยู่เป็นระยะ
ฟรึบ!! ร่างเธอถูกวางบนหลังม้าตัวสีดำขนมันเงา
"มารอนไปส่งเธอ ส่วนม้าของท่านเดี๋ยวมันหายเตลิดก็คงกลับไปเอง"
"..?? ทำเอาคาริน่านั้นงงงวย ตอนแรกเหมือนเขาจะไม่ยอมปล่อยตัวเธอง่ายๆ
"ครั้งนี้จะถือว่าปล่อยลูกนกลูกกา แต่ครั้งหน้า ท่านอาจไม่โชคดีอีก ฉะนั้นอย่าเจอผมเป็นครั้งที่สอง"
"...."
*:**:**:**:**:*