ณ รีสอร์ตหรูบนยอดเขา วิรงคพิทักษ์ งานแต่งงานสุดยิ่งใหญ่ของตระกูลเก่าแก่แห่งเชียงใหม่กำลังจะเริ่มต้นขึ้นอย่างเป็นทางการ แขกผู้มีเกียรติมากมายจากทั่วภาคเหนือมารวมตัวกันที่นี่ ในฐานะสักขีพยานของงานวิวาห์แรกของรุ่นหลานแห่งตระกูลวิรงคพิทักษ์ ธาวิน ผู้เป็นหลานชายคนโต และอุ้ม เจ้าสาวแสนเพียบพร้อมจากตระกูลเก่าแก่ในเชียงราย
ไลลา ลลินญา อัศวเกียรติ ไม่รู้เรื่องอะไรเลย เธอบินมาจากกรุงเทพฯ พร้อมเพื่อนสนิทกลุ่มเก่าตั้งแต่วัยมัธยม ในฐานะแขกของเจ้าสาวที่รู้จักกันมานานแสนนาน ทั้งกลุ่มยังคงคิดว่างานแต่งจัดที่นี่เพียงเพราะรีสอร์ตสวย บรรยากาศดี และเจ้าสาวชอบภูเขา ไม่มีใครรู้ว่าเจ้าบ่าวเป็นใครจริง ๆ
ไลลายังหัวเราะกับเพื่อนในรถระหว่างขึ้นเขา ถึงเรื่องชุดเจ้าสาว ความฝันวัยเด็ก และคำมั่นสัญญาในกลุ่มเพื่อนที่ว่า ถ้าใครแต่งก่อน อีกคนต้องมาร่วมงานให้ได้ เธอไม่รู้เลยว่าการเดินทางครั้งนี้มีอะไรรอเธออยู่
เธอไม่ได้รู้ชื่อเจ้าบ่าวล่วงหน้า ไม่มีใครในกลุ่มพูดถึงเขา ทุกอย่างดูปกติเหมือนการมาเที่ยวมากกว่ามางานแต่ง กระทั่งเธอก้าวเข้าสู่ลานจัดงานกลางสวน และเห็นแผ่นป้ายยินดีต้อนรับขนาดใหญ่ติดตรงทางเข้า “ขอต้อนรับเข้าสู่งานมงคลสมรส ระหว่าง คุณธาวิน วิรงคพิทักษ์ และ คุณอุษามณี พิริยะวงศ์”
โลกของไลลาหยุดนิ่งไปในชั่ววินาที เธอยืนมองชื่อเจ้าบ่าวด้วยหัวใจเต้นรัว เสียงหัวเราะของเพื่อนรอบตัวกลายเป็นความเงียบในหู เธอมองภาพเจ้าบ่าวที่ตั้งโชว์ไว้คู่เจ้าสาว แล้วกลับไปจ้องที่ชื่ออีกครั้ง “ธาวิน วิรงคพิทักษ์”
ธาวิน...นี่มัน พี่วิน ของเธอไม่ใช่เหรอ? ผู้ชายที่เพิ่งมาทานข้าววันเกิดครบ 30 ปีของเธอเมื่ออาทิตย์ก่อน ผู้ชายที่เธอคบมาตั้งแต่ปีหนึ่งในมหาวิทยาลัยที่อเมริกา ผู้ชายที่เธอเดินทางข้ามโลกมาด้วยเครื่องบินลำเดียวกัน และกลายเป็นคนแรกที่เธอรู้จักในชีวิตนักศึกษาต่างแดน
ตอนนั้นเธออายุแค่ 19 ปี กล้า ๆ กลัว ๆ กับการใช้ชีวิตคนเดียวต่างประเทศ แต่เขา รุ่นพี่ที่มานั่งข้างกันบนเครื่องบิน กลับกลายเป็นคนที่ทำให้การเดินทางครั้งแรกไม่น่ากลัวอีกต่อไป เขาช่วยเธอทุกอย่าง ตั้งแต่จัดกระเป๋า หาหอพัก ไปจนถึงปรับตัวเข้ากับสังคมใหม่ เธอเช่าบ้านอยู่กับเขา เรียนอยู่ด้วยกัน เจอหน้ากันทุกวัน จนกลายเป็นความผูกพัน
เขาเรียนต่อโท ส่วนเธอเรียนปริญญาตรี เธอช่วยดูแลเรื่องในบ้าน พอเขาจบ เขาเลือกอยู่ต่อเพื่อรอเธอกลับพร้อมกัน พวกเขากลับไทยพร้อมกันตอนโควิด เขากลับบ้านที่เชียงใหม่ ส่วนเธออยู่กรุงเทพฯ คุณพ่อให้เข้าทำงานเป็นอาจารย์มหาวิทยาลัย
ตั้งแต่กลับมา เขาบอกว่าไปช่วยดูไร่ที่บ้าน ชีวิตดูเรียบง่ายอย่างที่เคยเป็น เขาไม่เคยเล่าว่าอยู่ตระกูลไหน ไม่เคยพาเธอไปบ้าน ไม่เคยบอกนามสกุลจริง บอกเพียงว่าชื่อ “วิน” และเป็นคนเชียงใหม่ เท่านั้น เธอไม่เคยสงสัยเลยตลอดเกือบสิบปี เพราะเขาดูเหนื่อยและจริงจังกับชีวิตมากพอจะไม่มีพลังเหลือไปหลอกใคร เธอเชื่อเขา เชื่อหมดหัวใจ
แต่วันนี้ เขาคือเจ้าบ่าวของเพื่อนสนิทเธอเอง ในงานแต่งที่ยิ่งใหญ่ระดับจังหวัด กับชื่อจริงและนามสกุลที่ไม่เคยได้ยินจากปากเขาเลยสักครั้ง
ไลลารู้สึกเหมือนถูกแทงกลางอก ไม่ใช่ด้วยมีด แต่ด้วยเรื่องจริงที่เธอไม่เคยได้รับรู้เลยจากคนที่รักกัน เขาเป็นใครกันแน่ ผู้ชายที่เธอรักมาตลอดสิบปี คือใครกันแน่?
บรรยากาศในงานดำเนินไปด้วยความรื่นรมย์ แสงไฟสีทองละมุนประดับระยิบระยับไปทั่วสนามหญ้า วงออร์เคสตร้าค่อย ๆ ขับกล่อมเสียงเพลงคลาสสิกที่ทำให้ค่ำคืนดูสมบูรณ์แบบ อาหารเรียงรายเป็นคอร์ส ตกแต่งอย่างประณีต และผู้คนแต่งกายกันราวกับอยู่ในฉากละคร
โต๊ะของกลุ่มเพื่อนเจ้าสาวคึกคักเป็นพิเศษ ไลลานั่งอยู่ท่ามกลางกลุ่มเพื่อนสนิทที่ตื่นตาตื่นใจกับงานอย่างแท้จริง พวกเธอชี้นู่นชี้นี่ พูดถึงชุดของอุ้ม ดอกไม้ เค้ก และไฟที่สวยเกินคาด ไม่มีใครสังเกตว่าไลลานั่งเงียบกว่าทุกครั้ง มือของเธอจับแก้วไวน์แน่น จนเล็บจิกลงบนขอบแก้ว
จากมุมไกล อุ้มเจ้าสาวในชุดสีขาวเรียบหรูประดับผ้าลูกไม้ฝรั่งเศส พาเจ้าบ่าวเดินเข้ามาทักทายเพื่อนกลุ่มเก่าสมัยมัธยมด้วยรอยยิ้มสดใส ราวกับเจ้าหญิงที่อยู่ท่ามกลางความฝันและเขา คนข้างกายเธอในวันนี้คือผู้ชายที่ไลลายังนึกถึงอยู่ทุกเช้า ทุกคืน
ธาวินเห็นไลลาในวินาทีแรกก็ชะงัก เขาไม่คิดว่าจะได้เจอเธอในคืนนี้ ดวงตาเขาหลบเลี่ยง สายตาไม่กล้าสบกับผู้หญิงที่เขาเคยนอนกอด และบอกว่ารักมาตลอดหลายปี
“นี่กลุ่มเพื่อนอุ้มสมัยมัธยมค่ะ” เสียงของอุ้มดังขึ้นด้วยรอยยิ้ม
“ส่วนทุกคนนี่...พี่ธาวิน”
“สวัสดีครับ ยินดีที่ได้รู้จัก” เขาว่าพลางยกมือไหว้ แม้จะค้อมศีรษะ แต่สีหน้าก็เจื่อนจนผิดสังเกต
ไลลานั่งเฉย ๆ ไม่พูด ไม่ยิ้ม ไม่แม้แต่จะผงกหัว เธอแค่จ้องเขาอยู่อย่างนั้นด้วยแววตาแน่นิ่ง ไม่มีคำถาม ไม่มีคำด่า มีแค่คำตอบที่กำลังระเบิดอยู่ในใจ
ธาวินยิ่งกระอักกระอ่วน เขาแนะนำตัวกับเพื่อนคนอื่นไปเรื่อย ๆ โดยพยายามไม่หันมาทางเธออีกเลย
เสียงหัวเราะยังดังจากโต๊ะเพื่อนสาว แต่ในหัวใจของไลลามีแต่ความเงียบ เธอเติมไวน์เข้าปากราวกับมันคืออากาศหายใจอีกชนิดหนึ่ง ดื่มแก้วแล้วแก้วเล่า พยายามให้ความขมกลบความเจ็บ
พิธีดำเนินต่อไป แขกทยอยเข้าไปชมวิดีโอความรักของเจ้าบ่าวเจ้าสาว แล้วเสียงปรบมือดังลั่นขณะทั้งสองเดินขึ้นเวที
ขณะที่ไลลาหยิบแก้วไวน์แก้วที่สี่ขึ้นดื่ม เธอลุกขึ้นเงียบ ๆ เดินออกจากวงโต๊ะเพื่อนโดยไม่มีใครสังเกต ริมสระน้ำเล็ก ๆ ข้างลานสวน ชิงช้าไม้สานตั้งอยู่ใต้ต้นสน ไลลาทิ้งตัวลงนั่ง พร้อมหยิบไวน์ขึ้นจิบอีกครั้ง เธอไม่ได้ร้องไห้เสียงดัง แต่คราบน้ำตาค่อย ๆ ไหลลงแก้มในความเงียบงัน เธอไม่รู้เลยว่า ทุกการเคลื่อนไหวของเธอในค่ำคืนนี้ กำลังสะดุดตาใครบางคนที่ยืนมองอยู่ไม่ไกล ชายหนุ่มในชุดสูทสีเข้ม ผิวขาวจัด ผมดำขลับเสยเรียบ ดวงตาคมกริบใต้คิ้วเข้มยืนพิงต้นไม้เงียบ ๆ ข้างบาร์มุมสวน