ตอนที่ 3

3964 Words
“พูดถูกใจมากเดี๋ยวให้กินหนมพันหนึ่งคนสวย หึๆๆ” ธนาทิปยกมือขยี้ผมเด็กสาวอย่างเอ็นดูเพราะเทียนหอมกำพร้าพ่อแม่แล้วตัวเขาเองก็รู้จักพ่อแม่ของเทียนหอมดีเวลาไปพักผ่อนทีสัตหีบทีไรเขากับพี่ชายก็ออกไปตกหมึกกับพ่อของเด็กสาวเป็นประจำจึงทำให้เขารักเด็กสาวเหมือนน้องแม้แม่ของเขาจะไม่ชอบเทียนหอมแต่เขาคนละคนกับท่าน “งั้นเอามาเลยค่ะ หอมจะได้เอาไว้เป็นค่าแท็กซี่ไปสอบพรุ่งนี้” เทียนหอมแบมือรอแกล้งลูกชายคนเล็กของคุณลุงนาวิก “แป้ะๆ..” “แปะโป้งไว้ก่อน พรุ่งนี้ไปมหาลัยกับพี่อย่าให้เสียชื่อคุณย่าอดีตดาวมหาลัยและเดือนอย่างพี่ล่ะขายหน้าเขาตาเลย" ธนาทิปพูดกับน้องสาวนอกไส้ยิ้มๆสมัยกอนย่ากุ้งเป็ถึงดาวคณะนิเทศฯและตอนนี้เขาก็เป็นเดือนคณะพานิชยศาสตร์และการบัญชี “ปูไม่รบกวนพี่ซีดีกว่าค่ะ ปูไปเองได้ค่ะ” เทียนหอมตอบเธอไม่อยากมีปัญหากับแม่ของเขา “ไม่ต้องกลัวแม่พี่จะว่าหรอกเดี๋ยวพี่จะพูดต่อหน้าคุณพ่อรับรองว่า ส.บ.ม.ย.ห ครับ” ..เขารู้อยู่แล้วว่าเทียนหอมไม่อยากมีปัญหากับแม่แต่เรื่องแค่นี้เองเขาไม่เห็นว่าจะเสียหายอะไรยังไงก็ไปมหาลัยและเขาไม่สามารถใจดำกับยัยเด็กหน้าตาบ๊องแบ้วน่ารักตรงหน้าได้ “ขอบคุณค่ะพี่ซี” เทียนหอมยกมือไหว้ขอบคุณธนาทิปที่เอ็นดูเธอไม่เปลี่ยน “งั้นอ่านหนังสือไปเถอะไม่เข้าใจอะไรก็ถามพี่นะครับคนสวย” “พี่ซีเรียนการตลาดแล้วปูเรียนนิเทศฯจะไปกันได้เหรอคะ” เทียนหอมถามยิ้มๆเธอกลัวจะสับสนมากกว่าน่ะสิ “เอ่อจริงด้วยงั้นสู้ๆครับ พี่ไปนะ” ธนาทิปพูดจบก็ลุกขึ้นเดินกลับบ้าน เทียนหอมมองตามหลังธนาทิปแล้วยิ้มก็มีลูกชายของคุณลุงนาวิกนี่แหละที่คุยกับเธอส่วนลูกหลานคนอื่นถ้าเจอกันก็ถามสองสามคำก็จบแต่ไม่ได้รังเกียจหรือเกลียดชังเธอและลูกสาวลูกชายของคุณย่ากุ้งก็ฝากให้เธอดูแลท่านแล้วเวลาไปสัตหีบก็ให้เงินเธอไว้ใช้เป็นประจำแล้วเห็นรถแม่ของธนาทิปมาพอดีใจจริงอยากไปสวัสดีเจ้าของบ้านแต่กลัวคุณนันทิดาไม่พอใจยังไงเย็นนี้เธอก็ต้องไปสวัสดีก่อนก้มอ่านหนังสือที่เธอจะสอบวันพรุ่งนี้ นันทิดานั่งรถเข้ามาก็เห็นลูกชายเดินมาจากเรือนขาวน่าจะไปหาเด็กปูลมมาแน่ๆทั้งที่เธอบอกแล้วว่าอย่าไปสุงสิงกับเด็กนั่นเดี๋ยวมันก็ลามปามยกตัวมาเสมอลูกๆของเธอเพราะถือว่าเป็นหลานบุญธรรมของแม่สามี “ตาซีจะไปไหน” นันทิดาลงรถได้ก็เรียกลูกชายที่กำลังเดินเข้าบ้าน “ไปอาบน้ำครับ คุณแม่มีอะไรครับแล้วนี่ไปซื้ออะไรมาอีกครับเนี่ย” ธนาทิปเห็นถุงเครื่องประดับโลโก้แบรนด์ดังระดับโลกในมือของแม่แล้วทำหน้าเบื่อนี่แม่ของเขาไม่เบื่อบ้างหรือไงกันซื้อได้ทุกวี่ทุกวัน “เรื่องของแม่ ว่าแต่ลูกไปทำอะไรที่เรือนขาว” นันทิดาถามลูกชายแล้วเดินเข้าบ้านไปด้วยกัน “ไปทักทายยัยปูลมมาครับ คุณแม่เรียกซีเพื่อถามแค่นี้เหรอครับ” “ใช่สิลูก แม่บอกซีแล้วใช่มั้ยว่าอย่าไปยุ่งเกี่ยวสุงสิงกับเด็กนั่นทำไมไม่ฟังแม่บ้างนะตาซี” นันทิดาว่าลูกชายอย่างหงุดหงิดที่ไม่ฟังเธอ “คุณแม่ครับ ผมไม่ใช่เด็กๆแล้วนะครับ อีกอย่างผมก็เห็นปูลมเป็นน้องและผมสงสารที่กำพร้าพ่อแม่ตั้งแต่เด็กทำไมคุณแม่ถึงไม่ชอบปูลมทั้งที่เธอก็ช่วยดูแลคุณย่าให้พวกเราผมไม่เข้าใจจริงๆ” ธนาทิปถามแม่เขาไม่ได้ว่าท่านแต่แปลกใจเพราะเทียนหอมไม่มีอะไรให้รังเกียจเลยนอกจากสงสารเท่านั้น “ลูกไม่รู้อะไรน่ะสิตาซี ยัยเด็กนั่นมันแผนสูงเอาใจคุณย่าหวังสมบัติของคุณย่าน่ะสิ แม่ไม่ยอมหรอกนะหากคุณย่าเป็นอะไรไปสมบัติทั้งหมดก็ต้องตกเป็นของลูกหลานแท้ๆทุกคนไม่ใช่หลานกาฝากอย่างแม่ปูลมนั่น” นันทิดาพูดกับลูกชายคนเล็กที่ทำหน้าเบื่อหน่ายกับความคิดของแม่เท่าที่มีอยู่ก็กินทั้งชาติไม่หมดแล้วแม่ของเขาจะงกไปถึงไหนแต่ไม่พูดออกมา “ก็แล้วแต่คุณแม่จะคิดครับ แต่อย่ามาบอกให้ผมคิดเหมือนคุณแม่นะครับ จุ๊บๆ” ธนาทิปหอมแก้มแม่แล้วเดินผิวปากขึ้นบันได้วนไปขั้นสองโซนขวามือที่มือที่มีห้องของเขากับพี่ชายส่วนฝั่งซ้ายเป็นห้องของพ่อแม่และตรงไปเป็นห้องพักแขกซึ่งมีทั้งชั้นบนชั้นล่างแยกเป็นโซนเพื่อความเป็นส่วนตัว “ตาซีนะตาซีทำไมถึงได้ไปสนใจยัยเด็กนั่นด้วยนะ จำรัสอยู่ไหน” เสียงแหลมเรียกหาแม่บ้านคนสนิททั้งที่เธอมาถึงแล้วยังไม่ออกมารับ “ขาคุณแอ๋ว พอดีฉันอยู่ในห้องน้ำค่ะ” จำรัสบอกเจ้านายที่มาถึงจังหวะเธอเข้าห้องน้ำพอดี “ยัยเด็กปูลมนั่นเป็นยังไงบ้าง” “ก็ปกติค่ะคุณแอ๋ว ฉันให้สมพรไปดูเด็กปูลมแล้วกำชับว่าให้อยู่แต่ในบ้านห้ามออกมาเดินเพ่นพ่านส่วนอาหารเย็นจะให้สมพรมันยกไปให้ค่ะ” จำรัสรายงานเจ้านายตามที่เธอได้รับคำสั่งมา “ขอบใจ เอาของนี่ไปเก็บให้ฉันด้วย” นันทิดายื่นถุงกระดาษแบรนด์ดังให้คนสนิทเอาไปเก็บบนห้องแล้วตัวเธอก็เดินไปนั่งที่ห้องนั่งเล่นดูทีวีฆ่าเวลารอสามีที่บอกว่าจะมาถึงประมาณห้าโมงเย็น เวลา 19.00น. ซึ่งเป็นเวลาอาหารค่ำของบ้านหลังใหญ่ที่ตอนนี้ลูกชายคนโตเป็นผู้ครอบครองเพราะผู้เป็นพ่อได้วายชนม์ไปแล้วส่วนผู้เป็นแม่ก็กลับไปอยู่บ้านเกิดทำโน่นทำนี่ตามที่ท่านชอบซึ่งลูกๆก็ไม่มีใครห้ามเมื่อเป็นความสุขของท่านแล้ววิกรมก็กลับมาจากต่างประเทศในเวลาสิบเจ็ดนาฬิกา “อ้าว,หนูปูลมล่ะ” วิกรมถามถึงเทียนหอมเมื่อไม่เห็นที่โต้ะอาหารเพราะเขากลับมาถึงบ้านก็ไปอาบน้ำคิดว่าจะมาคุยกับเทียนหอมหลังกินอาหารเย็นแล้ว “คือคุณปูลมเธอขอกินข้าวเย็นที่เรือนขาวค่ะ อิฉันก็เลยให้สมพรมันจัดอาหารไปให้แล้วค่ะ” จำรัสตอบคุณผู้ชายที่ถามหาเทียนหอม “จริงหรือคุณแอ๋ว” “คงอย่างนั้นมั้งคะ” นันทิดาพูดเหมือนไม่รู้เรื่องทั้งที่ตัวเองเป็นคนสั่งแม่บ้านคนสนิทจัดการไม่ให้เทียนหอมขึ้นมากร่วมโต้ะอาหารค่ำด้วย “งั้นก็ตักข้าวเถอะฉันหิวแล้ว เดี๋ยวกินข้าวอิ่มแล้วผมจะลงไปคุยกับหนูปูลมสักหน่อย” วิกรมคิดว่าน่าจะเป็นภรรยาของเขามากกว่าที่ไม่อยากรับประทานอาหารร่วมกับเทียนหอม “คุณนาวิกจะลงไปทำไมค่ำๆมืดๆมันน่าเกลียดค่ะ เดี๋ยวเด็กในบ้านมันก็เอาไปพูดหรอกพรุ่งนี้ค่อยคุยกับเด็กนั่นก็ได้ค่ะ” นันทิดารีบห้ามสามีเมื่อเขาจะลงไปคุยกับเทียนหอมไม่ใช่ว่าหวงสามีเพราะรู้ว่าเขาไม่ทำอะไรแบบนั้นแน่แต่เธอไม่อยากให้สามีไปยุ่งกับยัยเด็กนั่นมากไปกว่านี้แค่แม่สามีรักและเอ็นดูเทียนหอมก็ทำให้เธอก็เครียดแล้ว “นี่คุณแอ๋ว คนในบ้านเยอะแยะใครมันจะเอาไปพูดได้ล่ะไม่มีใครคิดอกุศลอย่างนั้นหรอกนอกจากพวกจิตไม่ปกติเท่านั้นที่จะเอาไปคิดเป็นตุเป็นตะได้” วิกรมว่าภรรยาทำไมเขาจะไม่รู้ว่าว่านนันทิดาหมายความว่ายังไง “เดี๋ยวผมไปกับคุณพ่อเองครับไม่มีใครว่าแน่แล้วอีกอย่างปูลมไม่ได้อยู่คนเดียวมีพี่สมพรกับพี่หวิงอยู่ด้วยจริงมั้ยคุณแม่บ้าน” ธนาทิปพูดขึ้นแล้วหันไปถามแม่บ้านคนสนิทของแม่ “เอ่อ,ค่ะคุณซี” จำรัสหลบตาเจ้านายน้อยที่มองเธออย่างจับผิดแต่ไม่ได้กลัวเพราะเธอทำตามคำสั่งของคุณผู้หญิง “พอๆ กินข้าวไปตาซี” นันทิดาบอกลูกชายกินข้าว ทั้งสามก็กินอาหารค่ำกันอย่างเงียบๆจนกระทั่งอิ่มแล้วสองพ่อลูกก็พากันลงไปที่เรือนขาวเพื่อดูความเป็นอยู่ของเทียนหอม “ทำอะไรอยู่หนูปูลม” วิกรมส่งเสียงไปก่อนตัวทำให้เทียนหอม สมพร หวิงที่นอนเล่นชานหน้าบ้านลุกขึ้นอย่ารวดเร็ว “สวัสดีค่ะคุณลุงนาวิก” ร่างเล็กบอบบางแทบจะปลิวลมยกมือไหว้ลูกชายคุณย่ากุ้งอย่างนอบน้อม “สวัสดีลูก แล้วมานอนทำอะไรกันตรงนี้ล่ะทำไมไม่ไปนอนในบ้าน” วิกรมถามหลานสาวแล้วนั่งลงบนเก้าอี้ไม้มีเบาะนุ่มรองนั่งและพิงที่พ่อแม่ของเขาชอบมานั่งดื่มชากาแฟด้วยกันจนเป็นที่ชินตาของทุกคนในบ้าน “พอดีพวกเรากินข้าวอิ่มแล้วก็เลยมานั่งคุยกันแต่เผลอนอนไปตอนไหนก็ไม่รู้ค่ะ แฮ่ะๆๆ..” เทียนหอมยิ้มแหยๆ “แล้วขาดเหลืออะไรอีกมั้ย พรุ่งนี้ไปสอบจะได้ไม่มีปัญหาเดี๋ยวลุงจะให้คนรถไปส่ง” วิกรมพูดกับเทียนหอมอย่างอ่อนโยน “พรุ่งนี้ผมว่างจะไปส่งปูลมถึงห้องสอบเลยครับคุณพ่อ” ธนาทิปบอกพ่อเหมือนที่เขาได้บอกเทียนหอมไปเมื่อตอนเย็นว่าจะไปส่งที่มหาวิทยาลัย “ดีลูก หนูปูลมยังไม่รู้จักถนนหนทางดี ซีก็ไปส่งน้องหน่อย” วิกรมพูดกับลูกชายคนเล็กซึ่งรู้จักสนิทกับเทียนหอมดีส่วนลูกชายคนโตไม่ค่อยจะพูดเท่าไหร่และไม่มีท่าทีรังเกียจเพียงแต่เป็นคนนิ่งๆเท่านั้น “ครับพ่อ” จากนั้นวิกรมกับธนาทิปพูดคุยกับเทียนหอมถึงเรื่องสอบพักหนึ่งก็กลับบ้านไปนอนพักเพราะพรุ่งนี้มีประชุมแต่เช้า “คุณไปคุยอะไรกับยัยเด็กปูลมมาเป็นนานสองนาน” นันทิดาถามสามีหลังจากเข้ามาในห้องเขาไปห้องน้ำแล้วมาล้มตัวลงนอนโดยไม่พูดไม่จากับเธอ “ก็เรื่องไปสอบวันพรุ่งนี้น่ะ ไม่มีอะไรหรอกคุณนอนเถอะ อ้อ พรุ่งนี้ตาซีจะไปส่งหนูปูลมที่มหาวิทยาลัยผมหวังว่าคุณจะไม่ห้ามลูกนะ ยังไงคุณแม่ก็ฝากมาอย่าให้ท่านผิดหวังล่ะ” วิกรมพูดดักคอภรรยาเขารู้ว่านันทิดาเจ้ายศเจ้าอย่างแล้วเทียนหอมเป็นเด็กกำพร้าน่าสงสารทำไมภรรยาของเขาถึงได้ไม่ชอบทั้งที่ทำงานการกุศลสงเคราะห์เด็กด้อยโอกาสเยอะแยะยังทำได้ “เพราะอย่างนี้ไงยัยเด็กปูลมถึงได้ใจทั้งคุณแม่ น้องๆของคุณไหนจะคุณกับลูกชายอีกเอาใจ อยากทำอะไรก็ตามใจค่ะฉันจะไม่ยุ่งด้วย” นินทิดาว่าเทียนหอมที่ใครๆก็เอาใจรวมทั้งสามีกับลูกชายคนเล็กของเธอ “เลอะเทอะไปกันใหญ่แล้วคุณแอ๋ว” วิกรมลุกขึ้นนั่งพิงหัวเตียงมองภรรยาที่ยังนั่งบนเตียงมองเขาอย่างไม่พอใจ “ผมไม่เข้าใจว่าคุณดูแลมูลนิธิทำงานการกุศลเพื่อเด็กด้อยโอกาสและช่วยเหลือให้ทุนการศึกษาเด็กในสถานสงเคราะห์เด็กกำพร้าได้ยังไงหรือว่าทำเพื่อเอาหน้ากันล่ะ” วิกรมถามภรรยาตรงๆ “คุณนาวิกพูดแบบนี้ได้ยังไง ฉันทำงานนี้มาตั้งนานไม่เห็นคุณว่าอะไรพอยัยเด็กปูลมมาคุณว่าฉันเลยมันหมายความว่ายังไงฮ้า” นันทิดาถามสามีเสียงดังด้วยความโกรธเพราะเด็กปูลมนั่นคนเดียวทำให้สามีต่อว่าเธอ “ก็คุณจะให้ผมคิดยังไงกันล่ะ ปูลมเป็นเด็กกำพร้าคุณก็เห็นแกมาตั้งแต่เด็กแล้วพ่อแม่จากไปเหลือตัวคนเดียวญาติๆก็ไม่มีใครรับไปเลี้ยงคุณไม่สงสารเด็กบ้างเหรอ แล้วอย่ามาคิดว่าผมคิดอกุศลกับเด็กถ้าผมไม่เกรงใจคุณผมรับปูลมเป็นลูกบุญธรรมแล้ว เรื่องนี้ผมขอนะคุณแอ๋วเมตตาเด็กมันสักนิดเถอะ” วิกรมไม่อยากว่าภรรยาไปมากกว่านี้ที่ผ่านมานันทิดาก็ไม่ได้มีอะไรบกพร่องเธอทำหน้าที่ภรรยาและแม่ของลูกได้เป็นอย่างดีแม้จะรู้ว่าเธอหวงสมบัติของแม่ไว้ให้ลูกและหลานที่แท้จริงแต่มันก็แล้วแต่แม่ของเขาว่าท่านอยากให้อะไรใครเพราะมันเป็นสมบัติของท่าน “คุณเห็นฉันเป็นคนใจดำขนาดนั้นเลยเหรอคะ” นันทิดาถามสามีเสียงสั่นเครือพาลโกรธเทียนหอม “ผมไม่ได้ว่าคุณใจดำ แต่ผมอยากให้คุณเอ็นดูปูลมหน่อยอย่าให้ใครมาว่าภรรยาของผมได้ว่าปล่อยปละละเลยคนในบ้านยังไงปูลมก็ใช้นามสกุลของคุณแม่ที่ผมพูดเพราะผมรักคุณถึงได้ตักเตือน” วิกรมรู้ว่าเขาพูดแรงไปแต่ภรรยาของเขาต้องใช้ยาแรงเบอร์นี้แหละถึงจะเอาอยู่แล้วดึงร่างอวบอิ่มมากอดปลอบ “ก็ได้ฉันจะทำตามที่คุณขอ” นันทิดายอมอ่อนให้สามีซึ่งเขาก็พูดแทงใจดำเธอที่บอกว่าทำงานการกุศลเพื่อเอาหน้าทั้งที่จริงเธอไม่อยากไปสุงสิงกับเด็กพวกนั้นแต่เพื่อสายสะพายตราตั้งตำแหน่งคุณหญิงที่เธอได้รับการเสนอชื่อให้รับตำแหน่งคุณหญิงก็มาจากงานพวกนี้ “ขอบใจมากคุณแอ๋ว นอนเถอะครับฝันดีครับที่รัก จุ๊บ..” วิกรมบอกฝันดีภรรยาหอมแก้มเบาๆก่อนจะล้มตัวลงนอน “ฝันดีค่ะที่รัก” นันทิดาหอมแก้มสามีแล้วล้มตัวลงนอนปิดไฟหัวเตียงแล้วหลับตาลงคิดเรื่องที่สามีพูดแล้วหลับไป เช้าวันถัดมาเทียนหอมตื่นนอนแต่เช้ามืดด้วยความเคยชินต้องมาช่วยแผ้วจัดเตรียมอาหารคาวหวานให้คุณย่ากุ้งใส่บาตรทุกวันทั้งที่นางแผ้ว แจงกับวิภาภรรยาของนายเหลิมช่วยในครัวปกติจะมีหน้าที่ทำความสะอาดบ้านซักผ้าและรดน้ำต้นไม้ดอกไม้ในบ้านส่วนนายเสริมที่ทำหน้าที่ขับรถทำสวนและงานช่างหากเป็นงานใหญ่ก็จะจ้างมืออาชีพซึ่งทุกคนก็ช่วยงานคนละมือละไม้อยู่ด้วยกันถ้อยทีถ้อยอาศัยเหมือนญาติพี่น้องกัน แต่อยู่ที่นี่เธอก็ตื่นมาอ่านหนังสือสอบทบทวนจนกระทั่งหกนาฬิกาก็อาบน้ำเปลี่ยนชุดนักเรียนมัธยมปลายเพื่อเตรียมตัวไปสอบเอ็นทรานซ์ด้วยความตื่นเต้น “น้องปูลมคะคุณผู้ชายเชิญไปรับประทานอาหารเช้าที่บ้านใหญ่ค่ะ” สมพรเดินมาบอกหลานสาวคุณท่านที่แต่งตัวเสร็จแล้ว “แล้วคุณนันทิดาล่ะคะพี่สมพร ปูขอกินที่นี่ไม่ได้เหรอคะ” “ไม่ได้จ้ะ คุณผู้ชายบอกว่าแต่งตัวเสร็จแล้วก็ไปรับประทานอาหารเช้าจะได้ไปมาหาวิทยาลัยเลยอีกอย่างคุณผู้หญิงมีเสียงเดียวสู้คุณผู้ชายกับคุณซีไม่ได้หรอกจ้ะ คิกกๆๆ..” ตอนท้ายสมพรกระซิบเบาๆแล้วหัวเราะขำเมื่อเห็นหน้าคุณผู้หญิงเมื่อคุณผู้ชายบอกให้เธอมาตามเทียนหอมรับประทานอาหารเช้าและธนาทิปก็เห็นด้วย “ปูไปนั่งกินข้าวโต้ะเดียวกับคุณนันทิดาคงกินข้าวไม่ลงแน่ค่ะ” เทียนหอมไม่อยากทำให้เจ้าของบ้านไม่สบายใจจึงเลี่ยงที่จะเจอหน้าและตอนนี้เธอต้องไปนั่งกินข้าวกับทุกคน “ไปเถอะจ้ะ เดี๋ยวทุกคนจะรอนานส่วนคุณผู้หญิงกินข้าวไม่ลงมื้อเดียวไม่เป็นไรหรอกมั้ง” สมพรพูดยิ้มๆแล้วปิดบ้านเดินไปบ้านใหญ่พร้อมกับเทียนหอมตรงไปห้องอาหาร “สวัสดีค่ะคุณลุงนาวิก คุณซี คุณนันทิดา” เทียนหอมเดินตัวลีบเข้าไปในห้องอาหารยกมือไหว้ทุกคนอย่างนอบน้อบ “สวัสดีหนูปูลมมานั่งข้างตาซีเลยลูกกินข้าวเช้าอิ่มแล้วจะได้ไปมหาลัยเลยเดี๋ยวสายรถจะติด” วิกรมบอกเด็กสาวอย่างเมตตา “ค่ะ” “กินอะไรดีปูลม มีข้าวต้มกับอาหารเช้าแบบฝรั่ง” ธนาทิปถามน้องสาวนอกไส้อย่างเอ็นดู “ข้าวต้มค่ะคุณซี” “คุณแม่บ้านตักข้าวต้มให้ปูลมหน่อยครับ” ธนาทิปบอกแม่บ้านคนสนิทของแม่ที่คอยดูแลบนโต้ะอาหาร “ค่ะคุณซี” จำรัสก็ตักข้าวต้มใส่ถ้วยแล้วเอาไปวางตรงหน้าเทียนหอมและไม่กล้าทำอะไรต่อหน้าคุณผู้ชาย “ขอบคุณค่ะ” เทียนหอมยกมือไหว้ขอบคุณแม่บ้านทำให้จำรัสรีบรับไหว้ “กินข้าวเถอะคุณ ปูลมลงมือเลยลูก” วิกรมพูดกับภรรยาและเด็กสาวที่นั่งตัวลีบด้วยความเกรงใจ ทุกคนก็รับประทานอาหารเช้ากันเงียบๆโดยเฉพาะเทียนหอมที่กินข้าวต้มจนหมดชามส่วนเรื่องมารยาทบนโต้ะอาหารไม่ต้องห่วงเพราะคุณปรียากุลอบรมหลานสาวของท่านมาอย่างดีไม่มีขายหน้าแน่นอน ปกติถ้าเทียนหอมมากับคุณย่ากุ้งเธอก็จะได้ร่วมโต้ะกับทุกคนไม่มีใครว่าอะไรแม้แต่นันทิดาแต่เวลาคุณย่ากุ้งไม่อยู่เด็กสาวก็จะเจออีกเวอร์ชั่นหนึ่งทันที “ตั้งใจสอบนะปูลม” “ค่ะคุณลุงนาวิก ปูจะตั้งใจสอบให้ได้ค่ะ” เทียนหอมยกมือไหว้วิกรมกับภรรยาก่อนจะเดินออกไปจากห้องอาหารพร้อมกับธนาทิป “งั้นผมไปทำงานนะคุณแอ๋ว” วิกรมบอกภรรยาแล้วลุกขึ้นเดินตามหลังลูกชายกับหลานสาวไปที่รถ นันทิดามองตามหลังทุกคนเดินออกจากห้องอาหารไปกันหมดแล้วเหลือเธอกับแม่บ้านคนสนิทที่มองเจ้านายอย่างแปลกใจที่ไม่พูดอะไรเลยทั้งที่เทียนหอมขึ้นมารับประทานอาหารด้วย “คุณแอ๋วคะ” “มีอะไรจำรัส เรียกเด็กมาเก็บโต้ะเลย” นันทิดาถามคนสนิทและบอกให้เก็บโต้ะอาหาร “ก็ยัยเด็กนั่น” “ไม่ต้องพูด มีอะไรก็ไปทำเดี๋ยวฉันจะไปแช่ตัวหน่อยถ้าช่างมาก็พาไปหาฉันที่ห้องซาวด์น่าเลยนะ” นันทิดาบอกแม่บ้านคนสนิทที่หุบปากทันทีมองตามหลังเจ้านายเดินออกไปจากห้องอาหารแล้วยกมือขึ้นเกาศีรษะ “ป้าจำรัสคันหัวเป็นรังแคเหรอ” สมพรถามแม่บ้านใหญ่ที่ยืนเกาศีรษะ “เปล่า,แต่ไม่ใช่เรื่องของแกไปเก็บโต้ะอาหารเร็วเข้า” จำรัสบอกสมพรกับวาว เก็บโต้ะอาหารส่วนตัวเองยืนมองไม่คิดจะช่วยดีที่มีเด็กรับใช้อีกคนมาช่วยเก็บไปในครัวเพื่อล้างทำความสะอาด “คนอะไรเอาแต่สั่งๆไม่เห็นทำอะไรพอคุณผู้หญิงมาก็รีบมาเสนอหน้า เห้อะ..” สมพรเก็บกวาดเช็ดถูโต้ะอาหารและในห้องอาหารทำไปด้วยบ่นไปด้วยจนสะอาดก็กลับไปกินข้าวเช้าก่อนจะทำหน้าที่ของตัวเอง ธนาทิปก็ใช้รถแมคลาเรนสีเหลืองซุปเปอร์คาร์สุดหรูที่ได้ของขวัญวันเกิดจากคุณย่ากุ้งเมื่อปีก่อนซึ่งราคาของมันก็ยี่สิบกว่าล้านพาว่าทีนักศึกษาคนใหม่ไปสอบเอ็นทรานซ์และทั้งมหาวิทยาลัยไม่มีใครไม่รู้จักทายาทน้ำเมารายใหญ่อันดับหนึ่งของประเทศอย่างธนาทิปและเขาก็เนื้อหอมสุดๆ “เป็นบุญของปูจริงๆได้นั่งรถคันละยี่สิบกว่าล้าน” เทียนหอมมองรถหรูสมรรถนะยอดเยี่ยมที่พวกเศรษฐีทั้งหลายชื่นชอบสำหรับเธอก็งั้นๆถ้ามีเงินไม่ซื้อแน่นอนรถคันละยี่สิบกว่าล้านนั่งได้สองคนหากเป็นเธอจะซื้อกะบะหรือไม่ก็รถเก๋งอย่างน้อยก็นั่งได้สี่ห้าคน “ยกให้เอามั้ย” “ไม่เอาค่ะ รถราคาแพงแต่นั่งได้สองคนเวลาจะไปไหนกับเพื่อนๆก็ลำบากแย่สิคะ แล้วปูก็ไม่มีปัญญาเติมน้ำมันและบำรุงรักษามันหรอกค่ะ” เทียนหอมปฏิเสธอย่างรวดเร็ว “เดี๋ยวพี่จ่ายให้เอง ปูลมแค่ช่วยเอาไปขับให้พี่ระหว่างที่พี่ไปเรียนต่อน่ะ” ถามว่าเขาหวงรถมั้ยก็หวงแต่กับเทียนหอมเขาไม่หวงมันบอกไม่ถูกเหมือนกันแต่ที่เขารู้สึกได้คือรักและเอ็นดูเหมือนน้องสาวจริงๆอยากมอบสิ่งดีๆให้ “อย่าเลยค่ะพี่ซี แค่นี้ปูก็เกรงใจคุณลุงนาวิกกับคุณนันทิดาจะแย่แล้วขืนเอารถพี่ซีไปใช้มีหวังคุณแม่ของพี่ซีมาแหกอกปูปะไรล่ะคะ” เทียนหอมพูดยิ้มๆเธอไม่ได้โกรธเคืองนันทิดา “ช่างเถอะแต่ปูลมก็จำทางที่เรามาได้มั้ย เวลามาเรียนจะได้ไม่หลง” “ไม่ได้ค่ะ” เด็กสาวส่ายหน้าหวือบอกว่าจำไม่ได้ก็เขาชวนคุยจนเธอลืมมองทาง “ไม่เป็นไร เอาไว้พี่จะพามาจนกว่าจะจำได้ก็แล้วกัน” ธนาทิปบอกน้องสาวนอกไส้พอรถแล่นเข้าไปในมหาวิทยาลัยอันดับหนึ่งของประเทศชายหนุ่มก็บอกตลอดทางว่าตรงไหนเป็นอะไรแล้วจะไปยังไงที่ไหนก่อนกนกระทั่งถึงตึกอำนวยการที่เทียนหอมจะต้องไปลงทะเบียนสอบก่อนและรับหมายเลขสอบก่อนจะไปห้องสอบที่อยู่อีกตึกหนึ่งซึ่งคนพาไปก็คนเดียวกับที่มาส่งและมีสาวๆยิ้มให้ทักทายตลอดทาง “พี่ซีนี่เนื้อหอมเนอะ อย่างนี้ปูจะถูกสาวๆของพี่เขม่นเอาป่ะเนี่ย” เทียนหอมเห็นสายตาของสาวๆมองเธอแล้วเสียวสันหลังวาบเลยทีเดียว “ไม่มีหรอกน่าก็เพื่อนกันทั้งนั้นแหละ” หนุ่มเนื้อหอมตอบน้องสาวนอกไส้เพราะมีหนุ่มหล่ออีกมากมายในมหาลัยหากเทียนหอมได้เรียนที่นี่ก็จะรู้เอง “เฮ้,ไอ้ซีมาทำไรวะ” ทนงศักดิ์ถามเพื่อนที่มาโผล่มหาลัยในวันที่มันไม่มีเรียนและยังมากับเด็กมัธยมด้วย “มาส่งน้องกูเอ็นฯน่ะ แล้วมึงมาทำไม” “อ่อ,พอดีกูมาหาข้อมูลที่ทำวิจัยน่ะสิมันยังไม่ผ่านกูเลยมาค้นที่ห้องสมุด ถ้ามึงไม่ได้ไปไหนต่อไปช่วยกูหน่อยสิวะ” ทนงศักดิ์บอกเพื่อนเพราะเขายังทำวิจัยไม่ผ่าน “เดี๋ยวกูไปส่งน้องสาวก่อนแล้วจะตามไป” ธราทิปตบเพื่อนแล้วทำท่าจะเดินไปส่งเทียนหอม “ไอ้ซีมึงเสียมารยาท ทำไมไม่แนะนำน้องสาวมึงให้กูรู้จักวะ” ทนงศักดิ์ท้วงเพื่อนที่แกล้งไม่แนะนำน้องสาวให้เขารู้จักและที่แน่ๆธนาทิปมีพี่ชายหนึ่งคนแต่เด็กสาวคนนี้ไม่เคยเห็น
Free reading for new users
Scan code to download app
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    Writer
  • chap_listContents
  • likeADD