“งั้นปูไปดูลุงเหลิมก่อนนะคะป้าแผ้ว” เทียนหอมพูดจบก็เดินไปที่จักรยานคันเก่งของเธอที่พ่อแม่ซื้อให้เป็นของขวัญในวันเกิดครบสิบขวบที่เธอก็ใช้มาจนถึงทุกวันนี้และเป็นที่ชินตาของทุกคนในละแวกนี้จะเห็นเด็กสาวปั่นจักรยานไปช่วยดูแลความเรียบร้อยที่อพาร์เมนท์ช่วยผู้จัดการแทนคุณย่ากุ้งของเธอ
วิกรมนั่งคุยโทรศัพท์เรื่องงานมาตลอดทางตั้งแต่กรุงเทพจนมาถึงสัตหีบเพื่อมาเยี่ยมแม่ตามปกติของเขาถึงจะยุ่งแค่ไหนก็จะหาเวลามาดูแลแม่เสมอ
“นั่นหนูปูลมนี่นายดม” วิกรมมองร่างเล็กปั่นจักรยานหน้าตั้งออกมาจากบ้านพอเห็นรถของเขาก็จอดรอ
“ใช่ครับคุณท่าน” นายดมพูดจบก็จอดรถตรงที่เด็กสาวจอดรอ
“หนูปูลมจะไปไหน” วิกรมถามเด็กสาวอย่างอ่อนโยน
“สวัสดีค่ะคุณลุงนาวิก ลุงดม ปูกำลังจะไปดูอพาร์ทเมนท์ค่ะคุณลุงนาวิก เมียพี่ทหารเขาแจ้งป้าแผ้วว่าน้ำไม่ไหลลุงเหลิมไปซ่อม พอดีพี่ตุ๊กกลับบ้านค่ะ” เทียนหอมตอบลูกชายคนโตของคุณย่ากุ้งที่เอ็นดูเธอต่างจากภรรยาที่ไม่ชอบเธอโดยไม่รู้สาเหตุอาจเป็นเพราะคุณย่ากุ้งรักและเอ็นดูเธอมากกว่าคนอื่นและยังได้อยู่ดูแลท่านอย่างใกล้ชิดคงจะกลัวเธอได้สมบัติของท่านซึ่งเธอไม่เคยคิดเลยแค่ท่านส่งเสียเลี้ยงดูเธอก็ไม่รู้จะชดใช้บุญคุณของท่านยังไงไหวแล้ว
“งั้นไปเถอะลูก ลุงจะเข้าบ้านไปหาคุณย่ากุ้งก่อน” วิกรมบอกเด็กสาวอย่างอ่อนโยนและเอ็นดูที่ขาดพ่อแม่ตั้งแต่เด็ก
“ค่ะคุณลุงนาวิก” เทียนหอมพูดจบก็ยกมือไหว้ทั้งสองแล้วปั่นจักรยานไปที่อพาร์ทเมนท์เพื่อดูว่าลุงเหลิมซ่อมท่อน้ำเสร็จหรือยัง
เมื่อนายดมจอดรถตรงหน้าบ้านวิกรมลงจากรถมองไปรอบบ้านที่เขามาพักผ่อนตอนปิดเทอมอยู่กับตายายและวันหยุดเขาก็ขอพ่อมาเที่ยวทำให้เขาผูกพันกับที่นี่ต่างจากน้องสาวน้องชายที่ไม่ค่อยได้มาเพราะชอบอยู่กรุงเทพมากกว่าจึงมีแต่เขามาบ่อยจนถึงทุกวันนี้บ้านก็ยังเหมือนเดิมทุกอย่างและมีบ้านพักตากอากาศของเขากับน้องสาวน้องชายที่แม่สร้างให้และยังมีบ้านรับรองแขกที่ท่านดูแลอย่างดี
“มาถึงแล้วทำไมไม่เข้าบ้านล่ะลูก” คุณย่ากุ้งถามลูกชายที่ยืนมองไปรอบๆบ้าน
“สวัสดีครับคุณแม่” วิกรมยกมือไหว้แม่แล้วเดินไปสวมกอดท่านหอมแก้มเบาๆ
“เข้าบ้านกันลูก” คุณปรียาบอกลูกชายแล้วเดินเข้าบ้านท่านไม่ได้น้อยใจลูกๆที่ไม่มาหาเพราะรู้ว่าแต่ละคนก็ทำงานและหลานๆก็เรียนจึงไม่ค่อยมีเวลาแล้วท่านเองก็เป็นคนมาอยู่ที่นี่เองทั้งที่ลูกๆหลานๆห้ามแต่ท่านอยากใช้ชีวิตบั้นปลายเงียบๆสงบได้ไปวัดทำบุญใส่บาตรเพราะวัดอยู่ใกล้มีพระสงฆ์มาบิณฑบาตทุกเช้าและอากาศก็บริสุทธิ์
“คุณแม่แข็งแรงดีนะครับ” วิกรมมองแม่ของเขาในวัยเจ็ดสิบหกที่ยังเดินเหินไปไหนมาไหนในบ้านได้หน้าตาผ่องใส
“ที่นี่อากาศดีได้ออกกำลังกายสูดอากาศบริสุทธิ์แค่นี้ก็ทำให้ร่างกายแข็งแรงแล้วล่ะลูก คนเราอยู่ดีกินดีมีชีวิตดีกว่าคนอื่นก็หมั่นทำบุญทำทานคิดดีทำดีสะสมไว้ชาติหน้าจะได้เกิดมาในภพภูมิที่ดี” คุณย่ากุ้งพูดกับลูกชายยิ้มๆสามีของท่านทำธุรกิจเครื่องดื่มแอลกอฮอล์แต่เขาก็ตั้งมูลนิธิแสงไทขึ้นเพื่อนจะได้ช่วยเหลือผู้ตกทุกข์ได้ยากและล้างบาปเพราะเครื่องดื่มแอลกอฮอล์เป็นของมึนเมาหากดื่มในปริมาณพอดีก็ไม่เป็นไรแต่ดื่มเยอะก็มีโทษมหันต์เช่นกัน
“อนาคตหากผมแก่ตัวไปก็อาจจะมาอยู่กับคุณแม่ก็ได้ครับ” วิกรมตอบแม่เขามาที่นี่เมื่อไหร่จิตใจสงบเพราะอยู่กรุงเทพในหัวมีแต่งานมาที่นี่เหมือนได้พักผ่อนสมองแม้จะแค่วันเดียวก็ทำให้เขาก็รู้สึกดี
“แล้วแม่แอ๋วเค้าจะมาอยู่ด้วยหรือล่ะ” คุณย่ากุ้งพูดกับลูกชายเธอรู้ว่าลูกสะใภ้ไม่มาอยู่แน่นอนเพราะชีวิตของนันทิดาอยู่ในแวดวงสังคมไฮโซจะให้มาอยู่แบบนี้คงอยู่ไม่ได้แน่แต่มาเที่ยวน่ะพอได้อยู่
“ถึงเวลานั้นมาผมว่าแอ๋วเขาน่าจะอยู่ได้ครับ” วิกรมรู้ดีว่าภรรยาเป็นสาวสังคมเจ้ายศเจ้าอย่างทุกอย่างต้องเป๊ะและเหมาะสมแม้แต่ลูกชายทั้งสองของเขาภรรยาก็ยังตั้งความหวังไว้สูงแต่ลูกชายก็ไม่ได้ทำตามทั้งหมดตอนนี้ลูกชายคนโตไปเรียนต่อปริญญาตรีและโทที่อเมริกาจบแล้วกำลังทำงานหาประสบการณ์อีกสองปีก็จะกลับมาช่วยงานของเขาตามที่ลูกชายได้พูดไว้
“แล้วนี่ตาแซนด์เรียนจบแล้วจะกลับมาเมื่อไหร่ล่ะ” คุณย่ากุ้งถามลูกชายนานๆท่านจะได้คุยกับหลานชายที่เคยพูดไว้ว่าเรียจบแล้วยังไม่กลับบ้านขอทำงานหาประสบการณ์ก่อนแล้วกลับบ้านทีเดียว
“ก็ขอทำงานหาประสบการณ์อีกสองปีครับ” วิกรมตอบแม่ซึ่งเขาได้คุยกับลูกชายแล้ว
“ดีแล้วล่ะตาแซนด์จะได้หาประสบการณ์แล้วมาช่วยบริหาร ลูกก็จะได้เบาแรงเดี๋ยวตาซีจบมาอีกคนก็สบายแล้ว” คุณปรียามลคุยกับลูกชายที่เป็นหัวเรือใหญ่ดูแลธุรกิจในเครือส่วนลูกสาวลูกชายก็ดูแลบริษัทในความรับผิดชอบและรอหลานๆเรียนจบแล้วมาช่วยงานเช่นกัน
“ผมก็คิดอย่างนั้นครับคุณแม่ ตาแซนด์มีไอเดียใหม่ๆมาเสนอตอนนี้กำลังจะเปิดตลาดคราฟต์เบียร์ได้ศึกษามาอย่างดีแต่ติดที่ผลิตในเมืองไทยไม่ได้ ผมจึงวางแผนไว้แล้วว่าจะไปสร้างโรงงานร่วมหุ้นกับเพื่อนนักธุรกิจชาวกัมพูชาเพื่อเปิดตลาดคราฟต์เบียร์พร้อมกันครับ” วิกรมคุยกับแม่ซึ่งยังเป็นที่ปรึกษาให้เขาเพราะท่านมีประสบการณ์มานานก่อนท่านกับพ่อจะปล่อยมือให้เขากับน้องสาวน้องชายสานต่อและนั่งตำแหน่งเป็นที่ปรึกษา
“ลูกไม้หล่นใต้ต้นจริงๆ ตาแซนด์เก่งมองการณ์ไกลทั้งทีอายุยังน้อยเดี๋ยวตาซีเรียนจบก็มาเสริมทัพอีกคนสองพี่น้องก็ช่วยกันบริหารบริษัทก็จะก้าวไปข้างหน้ายืนหนึ่งในตลาดน้ำเมาบ้านเราได้เหมือนอย่างที่ลูกกับน้องๆทำได้” คุณย่ากุ้งสุดแสนจะภูมิใจในตัวลูกๆหลานๆที่ไม่ทำให้ผิดหวังจะมีแต่หลานชายคนเล็กเท่านั้นที่ผ่าเหล่าผ่ากอเจ้าชู้ตั้งแต่แตกเนื้อหนุ่มจนท่านกลัวว่าจะพลาดมีเหลนสายฟ้าแลบจริงๆ
“ครับคุณแม่ อ้อ แล้วที่คุณแม่บอกว่าจะให้หนูปูลมเข้าไปสอบเอ็นทรานซ์ล่ะครับ จะไปเมื่อไหร่ผมให้แม่บ้านจัดห้องไว้ให้แล้วครับ” วิกรมถามแม่เพราะท่านเปรยๆกับเขาและภรรยาไว้เมื่อมาหาท่านเดือนก่อน
“เห็นแม่ปูลมบอกว่าวันที่สิบเดือนหน้าน่ะลูก”
“งั้นเดี๋ยวผมมารับหนูปูลมเองนะครับคุณแม่” วิกรมก็อดเป็นห่วงแม่ไม่ได้หากเทียนหอมเข้าไปเรียนที่กรุงเทพแล้วใครจะช่วยดูแลท่านเพราะเขาไว้ใจเด็กสาวแต่ก็เพื่ออนาคตของเทียนหอมเขาคงต้องหาคนที่ไว้ใจได้มาดูแลท่านอย่างใกล้ชิดซึ่งปกติท่านก็ไม่ชอบให้ใครมาดูอยู่แล้ว
“พ่อนาวิกให้คนทำความะอาดปรับปรุงเรือนขาวให้แม่หน่อยนะ ถ้าแม่ปูลมสอบติดแม่จะให้ไปอยู่บ้านหลังนั้น” คุณย่ากุ้งบอกลูกชายเพราะท่านรู้ว่าลูกสะใภ้คงไม่พอใจหากให้เทียนหอมไปอยู่บ้านเดียวกัน ท่านจึงตัดปัญหาให้หลานสาวไปอยู่เรือนขาวบ้านไม้หลังเล็กมีหนึ่งห้องนอนหนึ่งหนึ่งห้องน้ำหนึ่งห้องครัวหนึ่งห้องนั่งเล่นและคิดว่าเทียนหอมน่าจะชอบเพราะอยู่ท่ามกลางสวนดอกไม้มีต้นไม้น้อยใหญ่ปลูกรอบๆจึงร่มรื่นมีสระบัวขนาดสิบเมตรคูนสิบเมตรลึกประมาณหนึ่งเมตรอยู่หน้าบ้านเป็นชานเรือนยื่นออกไปในน้ำที่ท่านชอบนั่งเล่นนอนเล่นบางที่ก็ทำขนมจัดดอกไม้หรือทำกิจกรรมแก้เหงากับคนใช้ในบ้านซึ่งสามีของท่านสร้างให้ตามที่ท่านไปเห็นที่รีสอร์ทแห่งหนึ่งแล้วอยากได้แบบนั้นสามีก็สร้างให้ภรรยาสุดที่รักทันทีและทั้งสองก็ชอบไปนอนบ้านหลังนี้จนกระทั่งสามีจากไป
“ครับคุณแม่” วิกรมรู้ดีว่าแม่หวงเรือนขาวเพราะบ้านหลังนั้นท่านสร้างไว้พักผ่อนและย้ายไปอยู่หลังพ่อของเขาจากไปก็ปิดไว้แล้วมาอยู่สัตหีบเวลาไปกรุงเทพท่านก็จะพักที่เรือนขาวตลอดและอยู่ห่างจากบ้านใหญ่แค่ห้าสิบเมตรมีต้นไม้สูงแค่เอวเป็นรั้วกั้นมีทางเดินผ่านสวนดอกไปไปคฤหาสน์หลังใหญ่ที่ตั้งตระหง่านบนพื้นที่ห้าไร่กลางเมืองหลวง
“ยังไงแม่ฝากพ่อนาวิกดูแม่ปูลมด้วยนะลูก” คุณย่ากุ้งคุยกับลูกชายพักใหญ่ก็บอกให้ไปอาบน้ำพักผ่อนก่อนแล้วค่อยมารับประทานอาหารเย็นซึ่งวิกรมก็เลือกเดินไปนอนเล่นที่ศาลาริมชายหาดที่ตอนนี้แสงแดดอ่อนแรงลงมีลมทะเลพัดตลอดเวลา
เวลาผ่านเดือนกว่าไปก็ถึงเวลาที่เทียนหอมจะต้องไปสอบเอ็นทรานซ์ที่กรุงเทพก็ทำให้เด็กสาตื่นเต้นแม้จะเคยไปเป็นเพื่อนคุณย่างกุ้งบ่อยนั่นเพราะมีท่านไปด้วยจึงไม่ได้คิดอะไรแต่นี่เด็กสาวต้องไปคนเดียวจึงตื่นเต้นกังวลใจเพราะภรรยาเจ้าของบ้านไม่ชอบเธอส่วนลูกชายคนเล็กก็ดีกับเธอแต่ไม่ค่อยได้เจอส่วนมากเวลาไปกรุงเทพก็จะพักเรือนขาวกับคุณย่ากุ้งและครั้งนี้ท่านก็ให้เธอไปพักที่เรือนขาวเช่นเดิม
“จัดของเสร็จแล้วเหรอแม่ปูลม”
“ค่ะคุณย่ากุ้ง ปูเอาไปแค่สี่ชุดและชุดนักเรียนหนึ่งชุดค่ะ” เทียนหอมตอบคุณย่ากุ้งเพราะสอบแค่วันเดียวต้องใส่ชุดนักเรียนไปสอบจึงเตรียมชุดเดินทางไปกลับและใส่อยู่บ้านไปแค่อย่างละสองชุดเท่านั้น
“งั้นไปได้แล้วลูก” คุณย่ากุ้งบอกเด็กสาวอย่างอ่อนโยน
“คุณย่ากุ้งดูแลตัวเองดีๆนะคะ ปูสอบเสร็จแล้วจะรีบกลับบ้านค่ะ” เทียนหอมกราบที่ตักของหญิงชราผู้ใจดีและผู้คนแถวนี้รักและเคารพเพราะท่านใจดีมีเมตตากับทุกคนที่เดือดร้อนหากช่วยได้ท่านก็ช่วยตามกำลังและจะสอนให้รู้จักทำมาหากินแนะนำอาชีพให้ยิ่งพวกภรรยานายทหารทั้งหลายก็จะมีอาชีพของตัวเองทั้งค้าขาย เปิดร้านทำผมและจิปาถะตามความถนัด
“พูดเยอะจริงๆเลยเด็กคนนี้ ย่ามีแม่แผ้ว แม่ตุ๊ก แม่สาลี่อยู่ด้วยแล้วไม่ต้องห่วงหรอกตั้งใจสอบเพื่ออนาคตของตัวเองให้ได้ เดินทางปลอดภัยนะลูก” คุณย่ากุ้งบอกหลานสาวนอกไส้ยิ้มๆ
เทียนหอมกราบลาคุณย่ากุ้งอีกครั้งแล้ก็เดินไปที่รถตู้คันใหญ่ที่ท่านให้นายเฉลิมกับตุ๊กไปส่งหลานสาวที่กรุงเทพแล้วตีรถกลับมาสัตหีบเพราะลูกชายไปดูงานที่ประเทศกับพูชามารับเทียนหอมไม่ได้
“เป็นอะไรไปหึปูลม” ตุ๊กถามเด็กสาวที่เธอเห็นมาตั้งแต่เด็กอย่างเอ็นดูเพราะเช่าบ้านอยู่ใกล้บ้านของคุณปรียากุล พอเลิกกับสามีทหารเธอก็ทำขนมขายเลี้ยงตัวเองกับลูกสาวจนกระทั่งคุณปรียากุลสร้างบ้านและอพาร์ทเมนท์ให้เช่าแล้วหาคนดูแลเธอจึงมาของานทำตามที่พ่อแม่ของเทียนหอมแนะนำตอนที่กำลังสร้างแล้วจักรีกับนัดดาก็เสียชีวิตไปก่อน
“ปูไม่อยากไปสอบแล้วค่ะพี่ตุ๊ก”
“ทำไมล่ะ ไหนว่าอยากไปเรียนมหาวิทยาลัยเดียวกับคุณย่ากุ้งไงล่ะ” ตุ๊กถามยิ้มๆเธอรู้ว่าเทียนหอมเป็นห่วงคุณย่างกุ้งมากกว่า
“ปูก็อยากไปเรียนเหมือนกันค่ะ แต่ปูห่วงคุณย่าไม่มีใครอยู่ด้วย” เด็กสาวบอกความในใจด้วยความเป็นห่วงคุณย่ากุ้ง
“ไม่ต้องห่วงหรอกน่า เดี๋ยวพี่กับพี่แผ้วพี่สาลี่จะช่วยดูแลท่านเอง” ตุ๊กบอกเด็กสาวให้สบายใจเพราะยังมีคนงานในบ้านของคุณปรียากุลอีกหลายคน
“ไม่ต้องห่วงหรอกปูลมเดี๋ยวลุงให้นังอี้ดมันไปนอนเป็นเพื่อนคุณย่ากุ้งเอง” นายเหลิมบอกเด็กสาวตั้งแต่พ่อแม่จากไปก็มีคุณย่ากุ้งเป็นที่พึ่ง ตัวเขาเองก็อยากจะช่วยเหลือแต่มันไม่ไหวจริงๆเพราะมีภาระต้องส่งลูกชายคนโตรุ่นเดียวกับเทียนหอมที่เรียนโรงเรียนนายเรือและคนเล็กกำลังจะเข้าเรียนมัธยมไหนจะทางบ้านแม่ของภรรยาที่ต้องช่วยส่งเสียเลี้ยงดูพ่อตาแม่ยายอีก
“ถ้าปูเอ็นทรานซ์ติดจริงๆก็ฝากพี่ตุ๊ก ลุงเหลิมและทุกคนช่วยดูแลคุณย่ากุ้งด้วยนะคะ” เทียนหอมพูดกับตุ๊กและนายเหลิมขณะที่รถแล่นไปตามถนนสุขุมวิทเข้าทางด่วนเพื่อจะได้ถึงกรุงเทพเร็วๆซึ่งนายเหลิมก็คุ้นเคยเส้นทางดีเขาขับรถให้คุณปรียากุลเข้ากรุงเทพบ่อยในช่วงสองสามปีแรกที่ท่านมาอยู่สัตหีบ
จากนั้นทุกคนคุยกันไปตลอดทางจนกระทั่งถึงกรุงเทพเมืองที่วุ่นวายที่มีผู้คนจากทุกสารทิศเข้ามาเรียนมาทำงานและมาเที่ยวเพราะเป็นเมืองหลวงของประเทศไทย
ที่คฤหาสน์หลังใหญ่กลางกรุงเทพตั้งอยู่บนที่ดินห้าไร่ที่เพียบพร้อมทุกอย่างเหมือนบ้านเศรษฐีทั่วไปมีทั้งสระว่ายน้ำ โรงยิม และของเล่นเศรษฐีมีโรงรถยนต์อยู่ด้านหลังบ้านติดกับโรงยิมและสระน้ำก็อยู่หลังเรือนขาวห่างประมาณยี่สิบเมตรมีรั้วตั้นไม้สูงแค่เอวเป็นแนวกั้นล้อมรอบบ้านแบ่งอนาเขต
“จำรัสให้เด็กไปทำความสะอาดเรือนขาวเสร็จหรือยัง” นันทิดาถามแม่บ้านที่เธอบอกให้คนไปทำความสะอาดเรือนขาวและจัดหาน้ำดื่มน้ำผลไม้ไปจัดใส่ตู้เย็นตามที่สามีบอก
“ฉันให้นางหวิงกับสมพรไปทำแล้วค่ะ คุณแอ๋วจะไปดูมั้ยคะ” จำรัสถามเจ้านายเพราะเธอบอกให้เด็กไปทำความสะอาดเรือนขาวแล้วปกติก็ให้เข้าไปทำความสะอาดทุกอาทิตย์แต่ไม่มีคนอยู่และวันนี้เด็กเทียนหอมจะมาพักสองคืนจึงให้คนไปจัดที่นอนให้ตามที่เจ้านายสั่ง
“ไม่เป็นไร จำรัสบอกว่าเสร็จเรียบร้อยก็ตามนั้นแหละอีกเดี๋ยวยัยเด็กปูลมมาก็พาไปที่เรือนขาวเลยนะส่วนเรื่องอาหารการกินก็ให้สมพรเอาไปให้ที่โน่นเลย อ้อ แล้วอย่าลืมบอกด้วยล่ะว่าอย่าเดินเพ่นพ่าน” นันทิดาสั่งแม่บ้านเพราะเธอไม่ชอบเทียนหอมเด็กบ้านนอกไม่มีสกุลรุนชาติ แม่สามีของเธอก็บ้าไปรับมาเป็นหลานบุญธรรมยังดีที่ท่านแบ่งสมบัติให้ลูกๆหลานๆกันหมดแล้วแต่ยังเหลือที่บ้านสัตหีบตั้งสิบห้าไร่ทำเลดีมากด้วยไหนจะเงินสดในธนาคารและยังมีรายได้จากค่าเช่าอีกไม่รู้ว่าป่านนี้ยัยเด็กเทียนหอมนั่นได้ไปเท่าไหร่แล้วก็ไม่รู้ เธอเคยไปคุยกับน้องสาวน้องชายของสามีทั้งวริษากับวิทิตก็ไม่ได้สนใจเพราะเทียนหอมช่วยดูแลแม่หากท่านจะแบ่งให้เด็กสาวบ้างก็ไม่เป็นไรพ่อแม่ของเทียนหอมก็ดูแลบ้านมาให้ตลอดและรำพาก็บอกว่าแค่สมบัติที่ได้มากินทั้งชาติก็ไม่หมดแล้วมีแต่เธอคนเดียวที่มีปัญหา
“ค่ะคุณแอ๋ว” จำรัสก็เป็นไปตามเจ้านายเมื่อนันทิดาไม่ชอบเธอก็ไม่ชอบตามถ้าเทียนหอมมากับคุณปรียากุลก็ไม่มีใครกล้ามายุ่งวุ่นวายกับเด็กสาว
“ไปบอกนายหลอดหน่อยว่าฉันจะออกไปข้างนอก” นันทิดาบอกแม่บ้านก่อนจะเดินขึ้นไปเปลี่ยนชุดเพื่อไปช้อปปิ้งเพราะเทียนหอมไม่มีความสำคัญอะไรไม่จำเป็นต้องอยู่ต้อนรับสู้เธอไปเดินเล่นช้อปปิ้งจะดีกว่า
เทียนหอมใช้เวลาเดินทางสองชั่วโมงกว่าเพราะช่วงสายรถไม่ติดพอมาถึงบ้านก็ก็เที่ยงกว่ามีแต่คนรับใช้อยู่บ้านและแม่บ้านก็พาเทียนหอมไปส่งที่เรือนขาวมีนายเหลิมกับตุ๊กเดินไปส่ง
“ขอบคุณลุงเหลิมกับพี่ตุ๊กมากนะคะที่มาส่งปู” เทียนหอมยกมือไหว้นายเหลิมกับตุ๊กที่ม่าส่งเธอถึงเรือนขาว
“อยู่คนเดียวได้แน่นะปูลม” ตุ๊กถามเด็กสาวที่นั่งกอดกระเป๋าเสื้อผ้าแล้วอดเป็นห่วงไม่ได้เพราะเห็นท่าทางของแม่บ้านแล้วดูท่าจะไม่ชอบเทียนหอมซึ่งเธอเพิ่งมาเป็นครั้งแรก
“อยู่ได้สบายมากค่ะพี่ตุ๊ก ปูว่าลุงเหลิมกับพี่ตุ๊กรีบกลับบ้านดีกว่านะคะเดี๋ยวรถจะติดแล้วถึงบ้านค่ำค่ะ” เทียนหอมบอกทั้งสองทั้งที่ยังนั่งพักไม่ถึงสิบนาทีและเธอยังไม่ได้เข้าไปดูในบ้านด้วยแต่มีสมพรนั่งอยู่ด้วย
“งั้นพี่ไปนะ ปูลมไม่ต้องไปส่งหรอกเข้าบ้านแล้วพักผ่อนอ่านทบทวนหนังสือสอบเถอะ ขอให้ตั้งใจทำนะพี่ว่าปูลมทำได้สู้ๆจ้ะ” ตุ๊กพูดกับเทียนหอมเธอคิดว่าเด็กสาวทำได้อยู่แล้ว
“โชคดีนะปูลม ดูแลตัวเองด้วยล่ะ”
“สวัสดีค่ะพี่ตุ๊ก ลุงเหลิมขับรถดีๆนะคะ” เทียนหอมยกมือไหว้ขอบคุณนายเหลิมกับตุ๊กและมองตามหลังหน้าละห้อย
“คุณปูลมคะ”
“อุ้ย, เอ่อ พี่สมพรเรียกปูลมเฉยๆก็พอค่ะ ปูก็ไม่ได้เป็นลูกหลานคุณย่ากุ้งแท้ๆ ปูเป็นแค่เด็กในความอุปการะของคุณย่ากุ้งเท่านั้นค่ะ” เทียนหอมบอกสมพรคนรับใช้ที่ดีกับเธอและยังมีนางหวิงอีกคนส่วนแม่บ้านแม่ครัวและคนรับใช้คนอื่นอีกห้าหกคนไม่ชอบเธอตามเจ้านายประเภทนายว่าขี้ข้าพลอย
“เอาอย่างนั้นเหรอคะ เดี๋ยวคุณท่านได้ยินพี่จะโดนเอ็ดเอาน่ะสิคะ” สมพรยิ้มให้เด็กสาวที่เธอถูกชะตาตั้งแต่เจอกันครั้งแรกไม่ได้สนใจว่าเจ้านายจะชอบหรือไม่แต่เธอชอบอัธยาศัยของเด็กสาว
“คุณลุงนาวิกไม่ว่าหรอกค่ะ ปูกลัวคุณผู้หญิงเธอได้ยินแล้วพี่สมพรจะถูกดุน่ะสิคะ” เทียนหอมพูดยิ้มๆเธอไม่ได้โกรธนันทิดาเพราะทุกคนมีสิทธิ์จะชอบและไม่ชอบใครก็ได้เป็นเรื่องส่วนตัวแล้วจะให้ทุกคนชอบเธอมันก็เป็นไปไม่ได้เช่นกัน
“ก็ได้จ้ะน้องปูลม” สมพรก็คิดว่าคุณท่านไม่อยู่ก็เรียกแบบนี้ได้หากคุณนันทิดาได้ยินเธอเรียกคุณปูลมมีหวังถูกหักเงินเดือนแน่
“งั้นปูเอาของไปเก็บก่อนนะคะ”
“พี่ช่วยจ้ะ”
“ขอบคุณค่ะพี่สมพร แต่ไม่ต้องหรอกค่ะเสื้อผ้าของปูมีแค่กระเป๋าเดียวเองค่ะ” เทียนหอมพูดจบก็ลุกขึ้นเดินเข้าไปในบ้านมองสำรวจตรวจตราไปทั่ว
“น้องปูลมจะให้พี่มานอนเป็นเพื่อนมั้ย”
“ดีเลยค่ะพี่สมพร ปูกำลังคิดว่าคืนนี้จะนอนยังไง” เธอไม่ได้กลัวเพราะมานอนหลายครั้งแล้วแต่อยู่คนเดียวมันก็เหงาน่ะสิ
“งั้นน้องปูจัดของไปก่อนเถอะมีอะไรให้พี่ช่วยก็บอกเดี๋ยวพี่ไปช่วยน้าหวิงรีดผ้าก่อน มีขนมอยู่ในตู้เย็นนะคะส่วนอาหารเย็นเดี๋ยวพี่จัดมาให้ค่ะ” สมพรบอกเด็กสาวอย่างเอ็นดูเพราะเธอแอบเอาขนมมาใส่ตู้เย็นให้เด็กสาว
“ขอบคุณค่ะพี่สมพร” เทียนหอมยกมือไหว้ขอบคุณสมพรอย่างน้อยเธอก็ยังเจอคนมีน้ำใจอย่างสมพรกับหวิงส่วนคนอื่นเธอก็เข้าใจดีว่าต้องเชื่อฟังเจ้านายที่เปแ็นคนจ่ายเงินเดือนมากกว่าเธอ
เมื่อสมพรเดินออกไปจากเรื่อนขาวเทียนหอมก็เดินเข้าไปในบ้านอย่างคุ้นเคยเพราะมากับคุณย่ากุ้งบ่อยแต่สองปีที่ผ่านมาท่านจะมาเฉพาะงานที่จำเป็นเท่านั้น
“สวัสดีค่ะคุณปู่นิยม ปูขออนุญาตมาพักที่บ้านของคุณปู่นิยมสักสองคืนนะคะพอดีปูจะสอบเอ็นทรานซ์เข้ามหาลัยเดียวกับคุณย่ากุ้งค่ะ คุณปู่อวยพรให้ปูด้วยนะคะ” เทียนหอมยกมือไหว้รูปของคุณนิยมบนผนังห้องที่ติดคู่กับคุณปรียากุลแล้วยิ้มให้ท่าน เด็กสาวก็รู้จักคุณนิยมมาตั้งแต่จำความได้เพราะท่านมักจะพาคุณย่ากุ้งไปสัตหีบบ่อยๆจนกระทั่งท่านจากไป
เมื่อไหว้คุณปู่นิยมเสร็จเด็กสาวก็เดินไปที่ห้องนอนที่จัดเตรียมที่หลับที่นอนให้เธอเรียบร้อยซึ่งปกติที่มากับคุณย่ากุ้งเธอจะปูที่นอนข้างเตียงท่านเพราะเรือนขาวมีห้องนอนเดียวบางทีเธอก็นอนดูทีวีที่ห้องนั่งเล่นก็หลับที่นั่นบ้าง เมื่อจัดเตรียมที่นอนของตัวเองแล้วเทียนหอมก็เอาหนังสือมาอ่านทบทวนเพื่อสอบในวันพรุ่งนี้จนกระทั่งสิบหกนาฬิกาก็ไปอาบน้ำเพราะง่วงนอนแล้วเธอก็ตาสว่างขึ้นมาออกมานั่งอ่านหนังสือต่อที่ศาลากลางน้ำเพราะแสงแดดลับต้นไม้ไปแล้วจึงทำให้ร่มรื่นเย็นสบายก่อนจะเห็นรถสปอร์ตหรูสีเหลืองแล่นเข้ามาจอดในบ้านใหญ่แล้วเจ้าของรถก็เดินตรงมาหาเธอที่ศาลา
“ไฮปูลม คิดถึงจังเลย” เสียงห้าวดังมาก่อนที่เจ้าตัวจะเดินมาถึงที่เด็กสาวนั่ง
“สวัสดีค่ะคุณซีสุดหล่อ” เทียนหอมยกมือไหว้ลูกชายคนเล็กของวิกรมและยิ้มให้ตาหยี