bc

แผนเปิ่นป่วนใจ พี่ชายสายคูล(The plan to annoy the cool guy)

book_age18+
369
FOLLOW
2.6K
READ
forbidden
family
HE
fated
friends to lovers
kickass heroine
sporty
heir/heiress
drama
sweet
bxg
no-couple
lighthearted
kicking
bold
witty
campus
city
highschool
office/work place
childhood crush
secrets
love at the first sight
like
intro-logo
Blurb

ทุกมหา’ลัยมีดาวเด่น และทุกดาวเด่นย่อมมีวงโคจรที่ยากจะเข้าถึงสำหรับ “ธันวา” ปี 4 วิศวะเครื่องกลหัวหน้าชมรมกีฬา ผู้ชายที่ยืนเฉย ๆ ก็ชนะใจคนทั้งคณะอยู่แล้วความคูลของเขาไม่ใช่แค่ความหล่อแต่คือความนิ่งเนียบและจริงจังชนิดที่แม้แต่ลมหายใจก็ดูมีจังหวะน่าฟัง ส่วนเธอ “พิมพ์พิสาข์” ปี 1 คณะสถาปัตย์เด็กใหม่ที่ซุ่มซ่ามระดับตำนานเดินชนประตูยังไงให้ดังทั้งตึกได้เธอก็ทำมาแล้ว วันเปิดเทอมแรก พิมวิ่งชนธันวาจนแฟ้มของเขาร่วงกระจายเสียง “ระวัง” ที่เรียบมากจนแทบไร้อารมณ์กลับกลายเป็นเสียงที่ดังก้องในหัวเธอตลอดทั้งคืนตั้งแต่วินาทีนั้นพิมตั้งเป้าหมายในชีวิตมหา’ลัยไว้ ข้อหนึ่ง “ฉันจะทำให้พี่คูลคุยกับฉันเกินสามประโยคให้ได้!” และเพราะเธอเป็นคนที่เวลาอยากทำอะไรสักอย่างก็ทุ่มสุดตัวแผนจีบพี่คูลจึงถือกำเนิดขึ้นพร้อมความพังทลายเป็นระยะๆ แบบที่เธอคุ้นเคยดี แผนแรกง่ายๆ ขอไลน์ส่วนตัวแต่พี่คูลให้ไลน์ “กลุ่มชมรมกีฬา” มาแทนจบข่าว! แผนถัดมาทำแก้วน้ำหกใส่เขาเพื่อเปิดบทสนทนาผลคือหกใส่ตัวเองจนเปียกทั้งชุดดีนะที่เขายื่นทิชชู่มาให้พร้อมคำว่า “ซุ่มซ่าม” ใช่ค่ะพี่ หนูรู้ตัว! แต่ต่อให้พลาดสักกี่ครั้งพิมก็ไม่ถอยเพราะเธอเริ่มรู้แล้วว่าความคูลของเขาไม่ใช่กำแพงแต่เป็นภาษาอีกแบบหนึ่งที่ต้องค่อยๆ เรียนรู้เมื่อได้รู้ว่าธันวาเป็นหัวหน้าชมรมกีฬาพิมก็สมัครเป็นทีมงานทันที ทั้งที่เธอแทบจะแยกไม่ออกว่าลูกบอลกีฬาชนิดไหนควรเตะหรือควรโยนแต่ความมุ่งมั่นของเธอทำให้คนรอบข้างเริ่มมองเห็นและที่สำคัญทำให้ธันวาเริ่ม “สังเกต” เธอโดยไม่รู้ตัวจากคำว่า “น้องปีหนึ่ง” กลายเป็น “พิม” จากสายตานิ่งๆ ที่ดูอ่านยากกลายเป็นสายตาที่อุ่นขึ้นทีละนิดในเวลาที่เธอไม่ทันระวังตัว ระหว่างเส้นทางของความวุ่นวายอันหอมหวานพิมไม่ได้เดินคนเดียว “แยม” เพื่อนสาวสายปั่นผู้เป็นทั้งโค้ชทั้งแม่ทูนหัวและทั้งไมค์โครโฟนประกาศความเขิน ช่วยวางแผนทุกเช้าเย็นส่วน “กันต์” เพื่อนสนิทของธันวาคือตัวป่วนที่เหมือนเข้าใจภาษาหัวใจของทั้งสองฝ่ายมากกว่าคนเป็นเจ้าของหัวใจเองเขาคอยจัดฉากแบบพอดีๆ เช่น จงใจดึงเก้าอี้ให้พิมไปนั่งข้างธันวาโยนงานคู่ให้ทำด้วยกัน หรือยื่นชานมรสโปรดของพิมให้ธันวาโดยบอกว่า “ของเธอ” เพื่อดูปฏิกิริยาเล่นๆ แต่ผลลัพธ์คือโลกทั้งใบของพิมหมุนเร็วขึ้นทุกครั้ง ถ้าจะมีการเดินหน้าก็ต้องมีแรงต้าน “มิว” รุ่นพี่สาวสวยที่เคยยืนอยู่ในอดีตของธันวาความสนิทชิดเชื้อของเธอคือเงาที่ลามทับใจพิมแบบเงียบๆ เงาที่ทำให้เด็กปีหนึ่งตัวเล็กๆ ต้องเรียนรู้ว่าการชอบใครสักคนไม่ใช่การแข่งขันเพื่อชนะใครอีกคน แต่คือการชนะใจตัวเองให้มั่นคงพอที่จะยืนอยู่ใกล้คนคนนั้นโดยไม่สั่นคลอนเรื่องราวของพิมและธันวาค่อยๆ เติบโตจากความเปิ่นที่ทำให้เขาหลุดยิ้ม ไปสู่ความผูกพันที่เกิดจากการลงแรงทำงานด้วยกันจริงๆ พิมค้นพบว่าธันวาไม่ใช่คนเย็นชาเพียงแต่พูดสั้นและซ่อนความอ่อนโยนไว้ในการกระทำเล็กๆ เช่น ดึงเธอหลบฝน ยื่นร่มให้เดินไปส่งถึงตึกหยิบไฟฉายให้ยามไฟดับจัดมือให้จับค้อนอย่างถูกวิธีหรือแค่พูด “ระวัง” ด้วยน้ำเสียงเรียบที่กลับทำให้หัวใจเธอเต้นแรงแบบควบคุมไม่ได้ และในวันที่เธอเกือบโดนคนแปลกหน้าตามราวีในลานจอดรถธันวาก็เดินเข้ามาจับข้อมือเธอแน่นแล้วพูดคำสั้นๆ ว่า “ไป” คำสั้นๆ ที่มีความหมายยาวกว่าเรียงความทั้งเล่มพิมเริ่มเข้าใจว่าสำหรับธันวา การปกป้องไม่จำเป็นต้องประกาศเสียงดังการนั่งลงเงียบๆ ตรงข้ามเธอในโรงอาหารตอนมีคนพูดลับหลังหรือการบอกว่า “เธออยู่ทีมผม” ต่อหน้าคนทั้งชมรมนั่นแหละคือภาษาของเขาแต่ความรักที่กำลังก่อตัวไม่ใช่เรื่องหวานล้วนวันหนึ่งธันวาตัดสินใจเล่า “อดีตที่เจ็บ” อดีตที่ทำให้เขาเข้าสู่โหมดเงียบลึกและไม่เปิดใจให้ใครง่ายๆ พิมไม่ถามซอกแซกไม่เร่งรัดเธอเพียงนั่งฟังอย่างตั้งใจจับมือเขาเบาๆ และบอกว่า “พิมไม่ใช่คนที่จะทิ้งง่ายๆ” ความเงียบที่ตามมาไม่ใช่ความอึดอัดแต่มันคือเสียงของหัวใจที่กำลังคลายปมตัวเองอย่างช้าๆ จากการเรียกชื่อ “พิม” กลายเป็น “พิมมี่” จากการชวนคุยเรื่องงาน กลายเป็นการชวนออกไปกินข้าวจากการตอบแชทสั้นๆ กลายเป็นข้อความก่อนนอนว่า “พักผ่อนด้วย” และในที่สุดคำพูดที่พิมเฝ้ารอ “พี่ชอบพิม” ก็หลุดออกมาจากปากของคนที่เธอตกหลุมรักมาตั้งแต่วันแรกที่ชนแฟ้ม การคบกันของคนสองคนในโลกจริงไม่ใช่ภาพการ์ดสีชมพูมันมีเวลาไม่ตรงกันมีงาน มีเรียนมีความเหนื่อยล้ามีความเข้าใจผิดเรื่องเล็กๆ ที่หากปล่อยทิ้งไว้ก็อาจกลายเป็นรอยแยกใหญ่แต่พิมกับธันวาเรียนรู้วิธี “พูดตรงๆ” และ “ง้ออย่างจริงใจ” ธันวาอาจยังคงเงียบแต่เขาเงียบที่มีการกระทำพิมอาจยังคงเปิ่นแต่เธอเปิ่นที่ตั้งใจและซื่อสัตย์กับความรู้สึกของตัวเองเสมอ พวกเขาไปเที่ยวต่างจังหวัดในทริปชมรมดูดาวภายใต้ท้องฟ้าที่ใสกว่าคืนไหนๆ ธันวาชี้ให้ดูหมู่ดาวโปรดโดยไม่ได้สาธยายฟังก์ชันหรือชื่อวิทยาศาสตร์ยาวเหยียด มีเพียงประโยคสั้นๆ ที่ทำให้หัวใจพิมลอยขึ้นเหนือทุ่งหญ้า “เวลาเงยหน้ามองสิ่งเดิมๆ ทุกคืนมันช่วยย้ำว่าบางอย่างในชีวิตก็มั่นคงได้เหมือนกัน” เมื่อวันเวลาผ่านไปพวกเขาเริ่มคุยเรื่องอนาคตอย่างจริงจังพิมอยากเปิดคาเฟ่เล็กๆ ที่อบอุ่นเหมือนบ้านธันวาชายหนุ่มสายวิศวะที่เหมือนจะอยู่กับเหล็กและตัวเลขกลับค่อยๆ วาดภาพชั้นวางหนังสือมุมอ่านเงียบโต๊ะไม้ที่แสงตกกระทบพอดีบอกว่า “ถ้าเธอทำจริงให้พี่ช่วยออกแบบ” นั่นไม่ใช่คำขอแต่งงานแต่เป็นคำขอ “อยู่ด้วยกันในทุกวันธรรมดา” ต่างหาก ผู้ชายคูลๆ ก็หึงเป็นนี่คือความจริงตลกที่พิมค้นพบเมื่อเพื่อนต่างคณะมาขอถ่ายรูปพอเธอยิ้มให้กล้องธันวาเพียงมองนิ่งๆ แล้วพูดเรียบๆ ว่า “ลบได้ไหม” เธอหัวเราะเพราะในความนิ่งนั้นเต็มไปด้วย “ของฉัน” ที่เขาไม่พูดออกมาให้ใครฟัง และเมื่อถึงวันครบรอบหนึ่งปีธันวาจัดเซอร์ไพรส์เล็กๆ ในสนามกีฬาไฟสายเล็กสะท้อนคำว่า “ขอบคุณที่เข้ามาในชีวิตพี่” พิมน้ำตาซึมแต่หัวเราะทันทีเมื่อเห็นตุ๊กตาเป็ดที่เขายื่นให้ “ให้เธอชนมันได้”ของขวัญที่ยืนยันว่าเขาฟังทุกเรื่องเล็กๆ ของเธอจริงๆ แม้กระทั่งเรื่องตลกในวัยเด็กที่เธอเคยวิ่งหนีฝูงเป็ดจนล้ม

chap-preview
Free preview
📗 วันแรกที่วิ่งชน ⟡ 𖦹꙳
📗 “ 1 “ ⟡ 𖦹꙳📍 ณ มหาวิทยาลัยชื่อดังแห่งหนึ่งในกรุงเทพ ☀️ เช้าวันเปิดเทอมวันแรก ลมอุ่นต้นกันยาพัดผ่านสนามหญ้า นักศึกษาทยอยเดินเข้าหอประชุมกลาง “ตายแล้ว ๆ ๆ!” “พิม” เด็กปีหนึ่งคณะสถาปัตย์ วิ่งกึ่งเดินกึ่งถลา มือกอดแฟ้มสีพีชแน่น กล่องดินสอและกระดาษวาดแบบอัดอยู่เต็มแขน เธอตื่นสายเพราะมัวหากระดุมเสื้อเชิ้ตที่หายไปหนึ่งเม็ด แถมรองเท้านักศึกษาข้างขวายังหลุดตรงหน้าตึกคณะอีก! เธอก้มเก็บอย่างรีบเร่ง ใส่กลับแทบไม่ทัน หัวใจก็เต้นแรงเมื่อเสียงประกาศดังจากลำโพง “นักศึกษาชั้นปีที่ 1 ทุกคนโปรดเข้าประจำที่…” “โอ๊ย ไม่ทันแน่!” พิมสูดหายใจแรง ๆ ก่อนออกวิ่งผ่านโถงอาคารต้อนรับนักศึกษาใหม่ เสียงรองเท้าหนังใครบางคนดังใกล้เข้ามา แต่เธอไม่ทันได้มอง จนกระทั่ง— โครม! 💥 แฟ้มในมือหลุด กระดาษปลิวเกลื่อนพื้น เธอเงยหน้าขึ้น เห็นชายร่างสูงในเสื้อช็อปวิศวะสีกรมเข้ม ปักตราคณะ ดวงตาคมกริบ เส้นผมดำสนิทยืนอยู่ตรงหน้า เหมือนเวลาหยุดลงทันที เขาก้มเก็บแฟ้มของตัวเองที่ตกพื้น วางเรียงเป็นระเบียบ แล้วหยิบแฟ้มของเธอขึ้นมาด้วย ก่อนเอ่ยเสียงเรียบสั้น “ระวัง” น้ำเสียงทุ้มเย็นทำให้บรรยากาศรอบตัวเหมือนเงียบไปชั่วขณะ พิมเงยหน้ามอง เห็นดวงตานิ่งไร้อารมณ์ แต่กลับทำให้เธอลืมกระพริบตาไปชั่ววินาที มือที่รับแฟ้มคืนสั่นเล็กน้อย “ขะ…ขอบคุณค่ะ” เขาไม่พูดอะไรต่อ แค่เดินผ่านไป ทิ้งไว้เพียงกลิ่นสบู่สะอาด และเสียงหัวใจของเธอที่เต้นแรงไม่หยุด พิมยืนค้างอยู่ครู่หนึ่ง ก่อนยิ้มบาง ๆ ให้ตัวเอง จะต้องได้คุยกับพี่คนนั้นอีกให้ได้… เธอตั้งใจในใจ แล้วรีบวิ่งต่อเข้าหอประชุม พร้อมรอยยิ้มเล็ก ๆ ที่ไม่เคยมีในเช้าวันเปิดเทอมมาก่อน ࿐ ࿔*:・ 📚 “2” ไลน์กลุ่ม ไม่ใช่ไลน์เขา เช้าวันต่อมา หลังเหตุการณ์ชนแฟ้มในห้องโถง พิมยังใจเต้นทุกครั้งที่นึกถึงคำสั้น ๆ จากปากพี่เขา — “ระวัง” มันไม่ใช่คำหวานอะไรเลย แต่สำหรับเธอ มันเหมือนจุดเริ่มต้นของภารกิจ จีบพี่คูล “แก๊…วันนี้เจออีกมั้ย” เสียงแยม เพื่อนสนิทที่เพิ่งรู้จักกันวันปฐมนิเทศ แกล้งแซวขึ้น ตอนนั่งกินข้าวเช้าในโรงอาหารคณะ พิมจิ้มลูกชิ้นเข้าปาก พลางพยักหน้าเบา ๆ แก้มแดงทันที “เห็นเดินผ่านตึกข้าง ๆ เมื่อตอนเช้า ใส่เสื้อช็อปสีกรม สูง หล่อ ออร่า ๆ เหมือนเดิม” แยมเท้าคางมองเพื่อนอย่างรู้ทัน “แกก็เดินไปขอไลน์สิ จะได้ไม่ต้องมานั่งลุ้นทุกวัน” พิมแทบสำลัก “บ้าเหรอ! เขาเป็นพี่ปี 4 นะ ไม่ใช่เพื่อนร่วมห้องจะเดินไปขอได้ง่าย ๆ” แยมยักไหล่ “แล้วแกจะรออีกกี่ปีกว่าจะได้คุยจริงจัง ฟังนะ ผู้ชายคูล ๆ แบบนี้ ถ้าเราไม่รุก เขาก็ไม่รู้หรอกว่าเราชอบ และเขาไม่เดินเข้ามาหาแกหรอก” คำพูดของแยมมันทั้งจริงและตรงใจ พิมจ้องแก้วน้ำเย็นตรงหน้า พลางนึกถึงใบหน้าของเขาที่เงยขึ้นมามอง เมื่อวาน… ดวงตาคมเรียบนิ่งเหมือนคนไม่สนใจใคร แต่กลับติดอยู่ในหัวเธอไม่หาย “โอเค” เธอวางแก้วน้ำลงแน่น “วันนี้…ฉันจะลองขอไลน์พี่เขา” “นั่นแหละ! น้องพิมสู้ ๆ” แยมยิ้มกว้าง ช่วงบ่าย หลังเลิกกิจกรรมปฐมนิเทศ พิมกับแยมแวะไปหน้าตึกวิศวะ อ้างว่ามาดูบอร์ดชมรม แต่จริง ๆ คือรอเจอพี่คนนั้น แยมทำทีอ่านบอร์ด แต่หางตามองหาเป้าหมายตลอด แล้วเขาก็เดินออกมา…! “ธันวา” ในเสื้อช็อปสีกรมเหมือนเดิม ถือเอกสารในมือ เดินมาพร้อมท่าทางสงบแต่เด่นชัดกว่าใครรอบตัว หัวใจพิมเต้นแรงทันที “แก…ไปเลย” แยมกระซิบพร้อมดันหลัง พิมสูดลมหายใจลึก แล้วเรียกเสียงสั่นแต่พยายามทำให้มั่นใจ “พี่คะ…” เขาหยุด หันมามองเล็กน้อย แค่ดวงตาคมนั้นก็ทำให้พิมแทบก้าวต่อไม่ออก “เมื่อวาน… ขอบคุณที่ช่วยเก็บแฟ้มนะคะ” เธอเริ่มพูด “อืม” เขาตอบสั้น ๆ น้ำเสียงนิ่ง แต่ไม่ทำให้เธอถอย “พี่อยู่ชมรมอะไรเหรอคะ” “บาส” เขาตอบตรง ๆ สายตายังมองมาแต่ไม่ชวนคุยต่อ พิมกลืนน้ำลาย “งั้น…พี่พอจะให้ไลน์ได้มั้ยคะ เผื่อถามเรื่องชมรม” เขานิ่งไปครู่หนึ่ง ก่อนหยิบโทรศัพท์ออกมา กดเปิดหน้าจอแล้วเดินเข้ามาใกล้ ยื่นคิวอาร์โค้ดให้… หัวใจพิมเต้นแรงทันที โอ้โห เร็วกว่าที่คิด! แต่พอเธอเงยดูชัด ๆ ขึ้นข้อความว่า “LINE Group บาสเกตบอล คลับ 🏀” เขาพูดสั้น ๆ “สแกนได้เลย” น้ำเสียงสุภาพ แต่ชัดเจนว่าไม่ใช่ไลน์ส่วนตัว พิมกดสแกน เธอพยายามไม่ให้ความผิดหวังออกมา “ขอบคุณค่ะพี่” “อืม” เขาพยักหน้าน้อย ๆ ก่อนหันหลังเดินกลับเข้าตึกชมรม เหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น พิมเดินกลับมาหาแยม สีหน้าเหมือนเพิ่งสอบตก “ได้ไลน์มั้ย!” แยมถามทันที “ได้…แต่เป็นไลน์กลุ่มชมรมบาส” พิมตอบเสียงเบา “ฮะ!? จะจีบทั้งที ได้ไลน์กลุ่มเนี่ยนะ!” เธอถอนหายใจยาว “เขาสุภาพนะ แต่…เหมือนมีกำแพงกั้นอยู่” แยมยิ้มเจ้าเล่ห์ “งั้นก็ปีนกำแพงสิจ๊ะน้องพิม” “ปีนยังไง เขาอยู่ชมรมบาส แต่เราไม่ได้อยู่” แยมทำตาเป็นประกาย “นั่นไง คำตอบแล้ว สมัครเข้าชมรมบาสไปเลย จะได้มีเรื่องไปคุยบ่อย ๆ แบบเนียน ๆ” พิมนิ่งไปสามวินาที ก่อนยิ้มบาง ๆ “โอเค… ภารกิจต่อไป สมัครเข้าชมรมบาส!” ทั้งที่รู้ตัวเองไม่ใช่สายกีฬา วิ่งยังหอบง่าย แต่เพื่อธันวา เธอยอมเสี่ยงเต็มที่ และนี่แหละ…คือจุดเริ่มต้นของแผน “เข้าถึงตัวแบบเนียน ๆ” ที่อาจเปลี่ยนชีวิตปีหนึ่งของพิมไปทั้งปี 🫗 “3” แก้วหก…แต่หกใส่ตัวเอง เที่ยงวัน อากาศร้อนจนไอแดดสะท้อนพื้นซีเมนต์หน้าโรงอาหารเป็นคลื่น ๆ กลิ่นกะเพรา ไก่ทอด และน้ำซุปจากร้านก๋วยเตี๋ยวคลุ้งไปทั่ว คนยืนต่อคิวท้องร้องกันเป็นแถว พิมถือถาดกับแฟ้มแนบอก สายตากวาดหาคน ๆ เดียว “หาคนเหรอคะคุณน้อง” ป้าหน้าร้านยิ้มแซว “อ๋อ…หาโต๊ะว่างค่ะป้า” พิมตอบ แต่จริง ๆ คือกำลังมองหา “พี่คูล” เมื่อคืนแยมเพิ่งส่งแผนมาในไลน์ — “เริ่มบทสนทนาด้วยเหตุสุดวิสัย” แยม : “ทำแก้วน้ำหกใส่เสื้อเขานิดเดียว แล้วรีบขอโทษ + ยื่นทิชชู่ = ได้คุยแน่นอน” พิม : “เอาจริงเหรอ…!” แยม : “เออสิ อย่างน้อยเขาต้องหยุด = ช่องให้เราได้พูด” พิม : “แล้วถ้าเขายิ้มแล้วบอกว่าไม่เป็นไรล่ะ” แยม : “ก็ถามต่อเลย ‘พี่อยู่ชมรมบาสใช่ไหมคะ’ แล้วโยงไปสนามซ้อม” พิม : “โอเค… ขอให้ฟ้าเป็นใจ” พิมจ่ายเงิน รับข้าวกะเพราไข่ดาวกับน้ำแข็งใส อุ้มถาดอย่างทุลักทุเล เธอเหลือบไปเห็นธันวานั่งโต๊ะริมหน้าต่างกับเพื่อนอีกสองคน เสื้อช็อปสีกรมพาดเก้าอี้ ใส่เสื้อยืดสีเทาเรียบ ๆ ท่าทางนิ่งแต่สะดุดตาจนโต๊ะรอบข้างดูพลุกพล่านกว่าเดิม “ลุยไหม” แยมกระซิบ มือถือชามก๋วยเตี๋ยวต้มยำ “ลุย” พิมบอกตัวเอง มือที่ถือช้อนสั่นเล็กน้อย ทั้งสองเดินเลียบโต๊ะไปใกล้หน้าต่าง แยมวางชามลงก่อนแล้วก้มมาหาพิม “โอเค แผนคือ เดินถือแก้วน้ำเย็นผ่านหลังเขา แกล้งสะดุดให้น้ำกระเซ็นนิดเดียว เขาหันมาเมื่อไร เธอพูด ‘ขอโทษค่ะพี่’ แล้วยื่นทิชชู่ จบที่ได้คุย ตกลง?” “ตกลง” พิมสูดหายใจ ยกแก้วน้ำเย็นจัดขึ้นมือซ้าย มือขวาถือถาดข้าว เธอบอกตัวเอง ยิ้มให้เป็นธรรมชาติ ไม่โป๊ะ ไม่เหมือนกำลังวางแผน หนึ่งก้าว… สองก้าว… สามก้าว… เธอเดินเฉียดหลังธันวา กลิ่นสบู่สะอาดของเขาลอยมาแตะจมูก หัวใจเต้นแรงจนเหมือนได้ยินแต่เสียงตัวเอง ตอนนี้แหละพิม ตอนนี้…! เอาเลย! 💥 พิมหยุดข้างโต๊ะเขา ทำท่าจะวางถาดลงบนโต๊ะตรงข้าม แล้วแกล้ง “สะดุด” ตั้งใจให้น้ำกระเซ็นนิดเดียวพอเปิดบทคุย แต่มือเธอแรงเกินไป ! น้ำแข็งกับน้ำเย็นในแก้วพุ่งกลับมาหาตัวเอง… ซ่าาาา! เย็นเฉียบตั้งแต่คอลงไป เสื้อเชิ้ตขาวเปียกเป็นดวงใหญ่จนเห็นรอยเสื้อด้านใน พิมอ้าปากค้าง ถาดข้าวเกือบตก โชคดีแยมคว้าไว้ทัน “พิม!” แยมร้องเบา ๆ โต๊ะรอบข้างหันมามองกันหมด พิมยืนตัวแข็ง ใบหน้าร้อนผ่าวแม้ร่างกายจะเย็นเฉียบ รีบดึงกระดุมคอให้แน่นเพื่อกลบความโป๊ะ ธันวาหยุดตะเกียบ หันมามอง เห็นเหตุการณ์เต็มตา แววตาเขาไม่ตกใจ ไม่ขำ แค่นิ่ง…แล้วเข้าใจสถานการณ์ทันที เขาวางตะเกียบ หยิบทิชชู่ห่อใหญ่ส่งให้ตรง ๆ “เอาไป” เสียงทุ้มเรียบทำเอาหัวใจพิมเต้นผิดจังหวะ ตึก ๆ ๆ เธอรับทิชชู่มือสั่น “ขอบคุณค่ะ” แล้วรีบซับเสื้ออย่างเก้ ๆ กัง ๆ เพื่อนธันวาคนนึงหัวเราะคิก ธันวาหันไปมองทันที เพื่อนรีบยกมือ “โทษที ไม่ได้ตั้งใจจะขำนะน้อง” “ไม่เป็นไรค่ะ” พิมตอบเบา ๆ ก้มหน้าซับต่ออย่างอายสุด ๆ แยมดึงพัดลมตั้งโต๊ะจากร้านน้ำผลไม้หันมาทางพิม “เอานี่ เป่า ๆ” พร้อมขยับตัวบังสายตาคนอื่นเท่าที่ทำได้ พิมพยายามยิ้ม “คือ…ฉัน…แค่จะ—” เธอพูดไม่ออก ไม่รู้จะแก้ตัวยังไงให้ไม่น่าสงสารกว่านี้ ธันวาเหลือบมองเพียงครู่ ก่อนเอ่ยสั้น ๆ “ซุ่มซ่าม” แค่สองพยางค์ตรงไปตรงมา ไม่ใช่คำดุ ไม่ใช่คำปลอบ แค่อธิบายตามจริง แต่กลับทำให้หน้าเธอร้อนวูบกว่าเดิม พิมหัวเราะเบา ๆ ทั้งขำทั้งเจ็บ “ค่ะ…จริงด้วย” เธอเงยหน้าได้ครึ่งเดียว ก่อนรีบก้มลงอีกครั้งเพราะรู้สึกเสื้อบางจนโป๊ะเกินไป ธันวาพยักหน้าน้อย ๆ แล้วหันกลับไปกินต่อ เหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น ความนิ่งเฉยนั้นไม่ไล่ แต่ก็ไม่ดึง พิมไม่รู้ว่าควรเดินหน้าหรือถอยหลังดี “ไปห้องน้ำก่อน” แยมกระซิบ พลางคว้ากระเป๋าเพื่อน “เดี๋ยวฉันบังให้” “ขอบใจ” พิมพยักหน้าแรง ๆ ยกทิชชู่แนบอกไว้เหมือนโล่บัง แล้วรีบกึ่งเดินกึ่งวิ่งเลียบกำแพงไปทางห้องน้ำหญิงท้ายโรงอาหาร ระหว่างทาง เธอได้ยินเสียงกระซิบและหัวเราะเบา ๆ แวบ ๆ ไม่แน่ใจว่าเป็นจริงหรือคิดไปเอง เธอกัดริมฝีปากแน่น ใจเย็น พิม… ชีวิตก็คือการซ้อมล้มลุก แล้วลุกขึ้นใหม่ให้ดูดี หน้ากระจกในห้องน้ำหญิงเย็นเพราะแอร์ พิมมองเงาตัวเอง ผมยาวรวบหลวม ๆ แก้มแดง เสื้อเปียกเป็นด่าง เธอปลดกระดุมลงอีกเม็ด ใช้ทิชชู่ซับจนพอแห้ง แยมยืนข้าง ๆ คอยดู “โอเค ดีขึ้นแล้ว เดี๋ยวออกไปนั่งโต๊ะหลังเสา จะได้ไม่โดนแสงส่อง” พิมหัวเราะแห้ง “แผนแก้วหกใส่เขา กลายเป็นแก้วหกใส่ตัวเองซะงั้น…” แยมยักไหล่ “เอาน่า ความรักก็สนามทดลอง ทางวิทย์เรียก error” เธอกะพริบตา “แต่วันนี้ก็ได้ข้อมูลใหม่นะ” พิมขมวดคิ้ว “ข้อมูลอะไร” “หนึ่ง เขาพกทิชชู่ แปลว่ามีระบบรับมือเหตุการณ์ สอง เขาไม่ทำให้อายไปกว่าเดิม แค่พูดตรง ๆ สาม เขายังไม่รู้จักชื่อแก เพราะเขาเรียกว่าอะไรนะ…” พิมชะงัก นึกถึงตอนสุดท้ายก่อนวิ่งเข้าห้องน้ำ เธอจำได้เลือน ๆ ว่าเขาพูดว่า “น้องปีหนึ่ง เอาไป” ตอนยื่นทิชชู่ หัวใจเธอเต้นแรง แล้วนิ่งลงอย่างแปลก “ใช่… เขาเรียกเรา ‘น้องปีหนึ่ง’ ” แยมยิ้มกว้าง “เพราะงั้น Mission ต่อไปคือ ทำให้เขารู้ชื่อแก” พิมมองเงาตัวเองในกระจกอีกครั้ง ยืดหลัง สูดหายใจลึก แล้วพยักหน้า “โอเค ต่อจากนี้ เราจะทำให้ ‘น้องปีหนึ่ง’ มีชื่อ…ชื่อว่า พิม” ᨳ ﹅♥︎ ‧₊˚✧ ‧₊˚ ୨ ୧ ˚₊

editor-pick
Dreame-Editor's pick

bc

พันธะร้าย..ดวงใจรัก

read
2.1K
bc

คุณหนูสิบเจ็ดตระกูลเจียง

read
10.6K
bc

เชลยรักท่านอ๋องอำมหิต

read
16.9K
bc

วิญญาณตามรัก

read
1K
bc

แม่หมอแห่งซูโจว

read
7.4K
bc

รักต้นฉบับ(ไม่ลับ)แม่มดมนตรา

read
1K
bc

หยุดหัวใจไม่รักดี

read
4.3K

Scan code to download app

download_iosApp Store
google icon
Google Play
Facebook