📚“16” ᨳ﹅♥︎₊˚
เย็นวันศุกร์ หลังซ้อมเสร็จ กันต์ยกเสียงดังกลางสนาม
“วันนี้ไม่มีประชุม! ไม่มีงาน! ไม่มีไฟดับ! ทุกคน คาเฟ่หลังมอ ใครไม่ไปถือว่าขัดคำสั่งฝ่ายสื่อ!”
เสียงเฮดังทันที แยมตะโกนแซว “นี่ชมรมกีฬาหรือทัวร์บริษัทคะพี่!” แต่ก็หัวเราะ เพราะรู้ว่ากันต์ตั้งใจชวนให้ทุกคนผ่อนคลาย
พิมที่กำลังเก็บสายไฟหยุดมือเมื่อได้ยินคำว่า “คาเฟ่” เธอไม่ได้อยากปฏิเสธ แต่ในใจลังเลว่าจะนั่งตรงไหน ยังไง โดยเฉพาะถ้าธันวาไปด้วย
“เปิด” กันต์ลากทุกคนไปคาเฟ่หลังมอ “รีแลกซ์”
คาเฟ่ชื่อ Mellow Court อยู่ห่างจากมหาวิทยาลัยแค่ห้านาที เดินเข้ามาแล้วบรรยากาศเหมือนรีสอร์ตเล็ก ๆ มีโซฟาหนังสีเข้มรอบโต๊ะไม้ยาว เพลงแจ๊ซเบา ๆ คลอไปกับกลิ่นกาแฟและเค้ก
กันต์ขยับโต๊ะกลางร้านมาต่อเป็นแถว “พี่ หนูรวมโต๊ะนะ จะได้ถ่ายรูปหมู่ง่าย”
เจ้าของร้านหัวเราะ “เอาเลยกันต์ ร้านว่างอยู่แล้ว”
ทุกคนนั่งกันตามสบาย แต่กันต์แอบมองพิมกับธันวา เขากระซิบแยม “เดี๋ยวฉันจัดที่นั่งให้เนียน ๆ แกช่วยบังหน่อย”
แยมยักคิ้ว “โอเค ฉันจะทำเป็นคุยดึงคนไปอีกฝั่ง”
สุดท้ายกันต์จัดที่นั่งให้ธันวาอยู่มุมซ้ายสุดของโซฟายาว แล้วเหลือเก้าอี้ว่างพอดีสำหรับพิมข้าง ๆ จากนั้นเขาก็นั่งฝั่งตรงข้าม ยิ้มเงียบ ๆ เหมือนวางหมากสำเร็จ
“กลาง” จัดที่นั่งให้พิม–ธันวาข้างกันแบบแนบเนียน
“พิม ทางนี้” กันต์เรียกเสียงดัง พิมเดินไปตามเสียง ก่อนรู้ตัวก็ยืนอยู่ตรงเก้าอี้ที่เหลือข้างธันวา
เธอชะงักนิดหน่อยเมื่อเห็นเขา ธันวาใส่โปโลกรมท่า กางเกงยีนส์เข้ม ดูสบาย ๆ แต่ยังนิ่งเหมือนเดิม
“นั่งเลย” เขาขยับให้ เธอยิ้มบาง “ขอบคุณค่ะ” แล้วนั่งลง
โต๊ะเริ่มคึก เสียงสั่งเมนูดังต่อกัน “ลาเต้เย็นครับ” “บลูเลมอนโซดาค่ะ” “เอสเพรสโซ่ดับเบิล” กันต์สั่งใหญ่ ทั้งกาแฟ แพนเค้ก ครัวซองต์สาม “กันไว้เผื่อหิว”
พิมเปิดเมนูแต่ใจเหม่อ แอบเหลือบมองแก้มธันวาตอนเขาก้มสั่ง “เอสเพรสโซ่เย็น” น้ำเสียงเรียบเหมือนทุกครั้ง
ไม่นาน ขนมกับเครื่องดื่มเต็มโต๊ะ แยมเปิดบทสนทนา “ปิดเทอมนี้ใครจะไปไหนบ้าง” มีทั้งทะเล ภูเขา บ้านต่างจังหวัด กันต์ชวนคุยต่อ ส่วนพิมฟังเงียบ ๆ แต่หัวใจกลับเต้นแรงเพราะรับรู้ถึงความใกล้จากคนข้างตัว
“จุดพีค” แก้วของธันวาวางใกล้มือพิม เขาขยับให้ “เดี๋ยวหก”
พิมกำลังหัวเราะกับมุกพี่จอม มือเอื้อมไปจะหยิบส้อมแบ่งเค้ก แต่ปลายนิ้วเกือบชนแก้วเอสเพรสโซ่เย็นของธันวาที่วางชิด
ธันวารีบดึงแก้วเข้าหาตัว “เดี๋ยวหก” น้ำเสียงเรียบ แต่ฟังออกว่าห่วง
พิมชะงัก หันไปสบตาเขาแค่ครู่เดียว แต่กลับรู้สึกว่าสายตานั้นอ่อนลงกว่าตอนอยู่ในสนาม
“ขอบคุณค่ะ” เธอพูดเบา ๆ แล้วนั่งตัวตรง แต่แก้มร้อนขึ้นอย่างห้ามไม่ได้
กันต์ที่นั่งฝั่งตรงข้ามเห็นเต็ม ๆ ต้องก้มแกะครัวซองต์กลบยิ้มทันที
“ปิด” พิมได้รูปหมู่ที่เขาอยู่ข้าง ๆ ซูมเก็บทันที
หลังจากเสียงหัวเราะซาลง กันต์หยิบมือถือ “ถ่ายรูปหมู่ ๆ เดี๋ยวไม่มีลงเพจ” เขาตั้งขาตั้งเล็ก ๆ กลางร้าน กวาดมุมให้ครบทุกคน
“โอเค ยิ้ม…หนึ่ง สอง สาม” แชะ!
พิมยิ้มตาม แต่หัวใจเต้นแรงเพราะธันวานั่งใกล้จนไหล่แทบชน เธอแอบมองจอพรีวิว ใช่ เขาอยู่ข้างเธอชัดเจน
พอได้ไฟล์รูป พิมรีบเซฟแล้วซูมเฉพาะมุมที่ตัวเองกับเขานั่งติดกัน ใบหน้าของเขานิ่ง ๆ แต่ใกล้จนรู้สึกได้
เธอมองภาพนั้นอยู่นาน ก่อนจะกดตั้งเป็นรูปโปรไฟล์ไลน์ทันที (ครอปให้เหลือแค่ตัวเองกับเศษแขนเสื้อเขา)
ในใจพิมมีเพียงความคิดเดียว กันต์จัดฉากสำเร็จแล้ว…ขอบคุณจริง ๆ
⟣┄─ ˑ ഒ
📚 “17 ” บทสนทนานอกตำรา ༊*·˚
คาเฟ่ Mellow Court ค่อย ๆ เงียบลง เพลงเบาลงตามคนที่ทยอยกลับ กลิ่นกาแฟยังลอยอุ่นอยู่เหนือโต๊ะไม้ยาวที่เต็มไปด้วยแก้วและจาน
กันต์ลุกตบมือ “กิจกรรมรีแลกซ์โดยฝ่ายสื่อจบแล้วครับ ค่าใช้จ่ายแยกกัน แต่หัวใจรวมกัน” ทั้งโต๊ะโห่แซว ก่อนเขาจะสั่งต่อ “ใครว่างช่วยเก็บโต๊ะ เก้าอี้ จานหน่อย”
พิมยกมือทันที “หนูช่วยค่ะ” แยมเดินไปเคลียร์หน้าเคาน์เตอร์กับเจ้าของร้าน พี่จอมขยับเก้าอี้เข้าที่ ส่วนกันต์…ถือมือถือถ่ายคลิปลงสตอรี่เหมือนเดิม
ธันวาลุกเงียบ ๆ หยิบผ้าเช็ดโต๊ะจากพนักงาน แล้วยื่นอีกผืนให้พิม “เอา”
“ขอบคุณค่ะ” พิมรับมา รีบกวาดเศษน้ำตาลบนโต๊ะ ข้างตัว ธันวากำลังซ้อนจานเป็นตั้งอย่างเป็นระเบียบ ทุกจังหวะนิ้วของเขาดูเป็นคนที่คุ้นกับการจัดทุกอย่างให้อยู่เข้าที่เสมอ
“แก้วยังไม่หมด?” ธันวาถามเรียบ ๆ
“อีกนิดค่ะ หวานพอดีเลย” พิมยิ้มตอบ
เขาพยักหน้า ก่อนเลื่อนไปเช็ดคราบน้ำแข็งที่ละลาย สายตากวาดช้า ๆ เหมือนจะไม่ยอมให้เหลือแม้รอยเล็ก ๆ พิมแอบขำในใจ ถ้าเทปผ้าคือโหมดสนาม ผ้าเช็ดโต๊ะก็คือโหมดคาเฟ่ของเขา แค่เปลี่ยนอุปกรณ์ แต่ยังคือ “ทำให้ของทำงาน” เหมือนเดิม
ลูกค้าคนสุดท้ายออกจากร้าน เสียงกระดิ่งดังเบา ๆ เหลือเพียงพวกเธอ พี่เจ้าของร้านเอ่ย “เก็บช้า ๆ ก็ได้ เดี๋ยวพี่ปิดไฟเอง” แล้วหายไปหลังครัว
พิมยกถาดจากโต๊ะปลายห้องมาวางที่เคาน์เตอร์ พอหันกลับมาก็เจอธันวายืนรออยู่ใกล้ ๆ เหมือนตั้งใจรอจังหวะให้ตรงกัน
“ครอบครัวเป็นยังไงบ้าง” เขาถามขึ้นเสียงธรรมดา แต่สำหรับพิม มันไม่ธรรมดาเลย เพราะเขาไม่เคยชวนคุยนอกเรื่องซ้อมมาก่อน
เธอชะงักนิด “เอ่อ… อยู่ต่างจังหวัดค่ะ แม่ชอบปลูกต้นไม้ พ่อชอบทำขนม บ้านเลยหอม ๆ อุ่น ๆ ตลอด”
ธันวาพยักเบา ๆ เหมือนส่งสัญญาณให้เล่าต่อ
พิมหัวเราะเบา ๆ ก้มมองว่าโต๊ะยังเหลือแก้วไหนไม่เก็บ ก่อนย้ายผ้าเช็ดไปบนไหล่
“แม่ปลูกทุกอย่างที่เอื้อมถึงค่ะ จากกระถางเล็ก ๆ ไปจนถึงไม้เลื้อยเต็มระเบียง กลับบ้านทีไรเหมือนเจอป่ามินิ แม่ยังเขียนป้ายชื่อต้นไม้เองด้วย ‘มินต์’ ‘โหระพา’ ‘โรสแมรี’ ‘ผักชีฝรั่ง’ บางทีก็ขัดป้ายใหม่ให้สะอาด เห็นแล้วน่ารักดี”
“พ่อ?” เขาถามสั้น ๆ
“พ่อเป็นมนุษย์เตาอบค่ะ” พิมหัวเราะ “ทำขนมจนเพื่อนบ้านเรียก ‘ลุงเค้ก’ เริ่มจากทำเค้กวันเกิดให้แม่แล้วติดใจ วันหยุดทีไรก็อบขนมปัง คุกกี้ บราวนี่ บ้านเลยหอมเนยหอมวานิลลาตลอด”
ธันวาวางผ้า เช็ดมือบนผ้ากันเปื้อน “เลยชอบกลิ่นอบใหม่”
“ใช่ค่ะ” พิมพยักหน้า “มันให้ความรู้สึกเหมือนบ้านเปิดไฟอุ่น ๆ โดยไม่ต้องกดสวิตช์ แค่ได้กลิ่นก็รู้ว่ามีคนอยู่ รอให้กลับไปกินของร้อน ๆ”
เขาเงียบไปครู่หนึ่ง เหมือนเก็บคำตอบเข้าความทรงจำ “ที่มหา’ลัย อยู่หอ?”
“ค่ะ หอใน ห้องเล็ก ๆ แต่มีหน้าต่างรับแดดเช้าเลยวางต้นยางอินเดียไว้ตรงนั้น แล้วก็…” พิมชี้กระเป๋าผ้าของตัวเอง “มักพกขนมติดกระเป๋า เผื่อใครหิวตอนซ้อม”
เขาพยักช้า ๆ แล้วพูดเบา ๆ “เลยพกขนมตลอด”
ประโยคไม่ใช่คำถาม แต่เป็นการสังเกต พิมนึกถึงหลายครั้งที่เคยให้คุกกี้กันต์ ยื่นลูกอมให้พี่จอม หรือแอบวางกล้วยไว้ที่โต๊ะเทคนิค เธอคิดว่าไม่มีใครสนใจ แต่เขากลับรู้
หัวใจพิมอุ่นเหมือนถูกละลายด้วยเนยร้อน ๆ เธอเงยหน้าถามเบา ๆ “พี่สังเกตด้วยเหรอคะ”
“อืม” เขาตอบสั้น ๆ ไม่ขยายความ แต่สายตานิ่ง ๆ เหมือนจะบอกว่า ผมเห็นเสมอ…เวลาที่เธอทำให้ระบบยังมีแรงเดินต่อ
กันต์เดินผ่านมาพอดี ยกนิ้วโป้ง “ฝั่งโน้นเก็บจานเสร็จละ โอ้ย มุมนี้หอมวานิลลาขึ้นมาเลย”
“ไปไลฟ์สดต่อที่ครัวพ่อหนูไหมคะพี่” พิมแซวกลับ แยมที่เดินมาจากเคาน์เตอร์หัวเราะเสียงดัง
“ถ้าเธอทำขนมเป็น พรุ่งนี้ขอชิม” กันต์ยักคิ้ว
คำว่า พรุ่งนี้ ทำให้พิมหันไปมองธันวาโดยไม่ตั้งใจ เขาไม่พูดอะไร แค่ก้มพับผ้าเช็ดโต๊ะเป็นแท่งเรียบร้อย เหมือนบอกเงียบ ๆ ว่า เอามาก็ได้
“งั้น…พรุ่งนี้หนูลองทำบราวนี่มาให้ชิมนะคะ” พิมตัดสินใจ
แยมตบมือดีใจ “เยส!” กันต์ผิวปาก “ประกาศลงกลุ่มเลยไหม”
“อย่าเลยพี่ เดี๋ยวคาดหวังกันทั้งชมรม” พิมรีบโบกมือ “ทำไม่อร่อยนี่มีร้องไห้แน่”
ธันวาวางผ้าลงบนเคาน์เตอร์ แล้วเลื่อนแก้วเอสเพรสโซ่เย็นของตัวเองออกจากมุมที่ถาดวางเอียง “เดี๋ยวหก” คำพูดสั้น ๆ เสียงเรียบเหมือนเดิม แต่พิมเห็นรอยยิ้มเล็ก ๆ แอบอยู่ในนั้น ทั้งเหมือนเตือนและเหมือนเอ็นดู
“รับทราบค่ะหัวหน้า” พิมยกมือทำท่าตะเบ๊ะตามเคย
กันต์หัวเราะ “อย่าเรียกหัวหน้าตอนอยู่นอกร้าน เดี๋ยวคนหันหา”
“งั้น…ค่ะ ‘พี่’ ” พิมแก้ ก่อนแอบเหลือบมองใบหูธันวายังแดง ๆ เหมือนตอนเช้าอยู่หรือเปล่านะ เธอไม่แน่ใจ แต่อุ่นในอกขึ้นมาเอง
พวกเขาช่วยกันเก็บจนร้านเรียบร้อย โต๊ะยาวถูกเลื่อนเข้าที่ เก้าอี้เรียงเป็นแถว พี่เจ้าของร้านยกกล่องคุกกี้ออกมา “ให้เด็ก ๆ เอากลับไปกิน”
“ขอบคุณครับพี่” กันต์รับก่อนแล้วแบ่งให้ทุกคน “เฮ้ พิม เธอนี่ต้องชิมเป็นกรรมการนะ”
พิมหัวเราะ “รับตำแหน่งด้วยความยินดี” เธอหยิบคุกกี้ขึ้นมาดม กลิ่นเนยผสมช็อกโกแลตคุ้นเคยจนอยากโทรหาพ่อทันที แล้วหยิบอีกชิ้นใส่กระเป๋าผ้า—เผื่อใครหิวระหว่างทางกลับหอ
พอออกจากร้าน ลมเย็นกลางคืนพัดมา ทางเดินหลังมอมีไฟถนนสีส้มส่องเป็นช่วง ๆ กลิ่นดินชื้นจากร้านต้นไม้ใกล้ ๆ ลอยมา ธันวาเดินนำก้าวครึ่ง พิมเดินตามข้าง ๆ เว้นระยะพอดีใกล้พอคุยได้ แต่ไม่ล้ำเกิน
“บ้านพี่อยู่ไหนคะ” พิมลองถาม
“ชานเมือง” เขาตอบสั้น “แถวคลอง”
“มีสวนมั้ยคะ”
“มีบ้าง” เขาคิดนิด “พ่อชอบเครื่องมือ แม่ชอบต้นไม้ บ้านเลยเหมือนที่เก็บเครื่องมือในสวน”
พิมหัวเราะ “ฟังดูเป็นระบบความสุขดี”
ธันวาเงยหน้ารับลม “ลมดี เดินกลับไหวใช่ไหม”
“ไหวค่ะ หอไม่ไกล เดี๋ยวเดินกับแยม”
“อืม” เขารับ ก่อนหันไปบอกกลุ่ม “แยกตรงนี้ ปลอดภัยแล้ว ระวังทางด้วย”
น้ำเสียงสั้น ๆ แต่เหมือนเดิมเป็นภาษาของ “คนดูแลเฟรม” แม้จะนอกสนาม พิมแอบยิ้มกับความสม่ำเสมอนั้น
กันต์โบกมือ “เจอกันพรุ่งนี้ โหมดบราวนี่!”
แยมตาเป็นประกาย “ฉันจะเป็นเจ้าแม่สายรีวิวเอง”
“อย่าเพิ่งพูดคำว่ารีวิว เดี๋ยวเครียด” พิมทุบไหล่เพื่อนเบา ๆ
ธันวาหยุดนิดเดียวก่อนแยก หันมามองพิม “บราวนี่…ไม่หวานจัด” น้ำเสียงเหมือนสั่งงาน แต่จริง ๆ คือการบอกความชอบ
“รับทราบค่ะ” พิมยิ้ม “คาแรกเตอร์เข้มขมหน่อย แต่ยังอุ่นใช่ไหม”
เขายกคิ้วน้อย ๆ คล้ายบอกว่า ใช่ แล้วพยักหน้า ก้าวออกไปเหมือนปกติ
พิมมองตามแผ่นหลังเขาจนลับโค้ง ก่อนถอนหายใจยาว ๆ แยมแอบชะโงก “มุมปากแกขึ้นแล้วนะ”
“บ้า” พิมหัวเราะ แต่ไม่เถียง
เย็นนั้น พอกลับหอ พิมวางกระเป๋าแล้วเปิดหน้าต่างให้ลมเข้ามา เธอยกต้นยางอินเดียเล็กมาตั้งตรงขอบไฟถนน แล้วหยิบโทรศัพท์กดวิดีโอคอล “แม่~”
ภาพแม่ในเสื้อยืดลายดอก มือถือตะกร้าดินขึ้นจอ “ว่าไงลูก”
“คิดถึงกลิ่นบ้าน แม่ทำอะไรอยู่คะ”
“กำลังย้ายกุหลาบไปแดดเช้า แดดบ่ายมันแรงไป” แม่หันกล้องให้ดู “แล้วลูกล่ะ กินข้าวหรือยัง”
“กำลังจะทำบราวนี่ อยากได้สูตรพ่อ” พิมยิ้ม
พ่อโผล่มาจากครัว ใส่ผ้ากันเปื้อนสีเทา “ใครเรียกมนุษย์เตาอบ”
“ลูกจะทำบราวนี่ให้เพื่อนกินพรุ่งนี้” แม่พูดพลางหัวเราะ
“โอ้โห เพื่อน? หรือว่าคนพิเศษ” พ่อยิงมุกทันที
“เพื่อนทั้งชมรมค่ะ” พิมตอบเลี่ยง แต่แก้มร้อนเอง “พ่อมีเคล็ดลับไหมคะ อยากได้แบบเข้มขมแต่ยังอุ่น”
พ่อทำท่าคิด “ใช้ดาร์กช็อกฯ 70% ขึ้นไป ใส่โกโก้ไม่หวาน แล้วเพิ่มเอสเพรสโซช็อตเล็กน้อย จะได้รสนัว อย่าตีแป้งนาน เนื้อจะได้หนึบ ไม่แห้ง”
“อบกี่นาทีดีคะ”
“เตาลูกเล็กใช่ไหม 170 องศา ประมาณ 18–20 นาที ใช้ไม้จิ้มฟันเช็ก ถ้ามีช็อกโกแลตชื้น ๆ ติดออกมา แปลว่าใช่เลย”
แม่เสริม “โรยเกลือทะเลนิดบนหน้าก็อร่อยขึ้นนะ”
“ขอบคุณค่ะแม่พ่อ” พิมยิ้มจนตาโค้ง “คิดถึงกลิ่นบ้านจัง”
“ทำเสร็จถ่ายมาอวดด้วย” พ่อชูนิ้วโป้ง
“ได้เลยค่า” เธอโบกมือก่อนกดวางสาย
………“17”(ต่อ)………
𓇬 ⸝⸝⸝⋆ 🀱 𓈒𓐍 🀱˚.⃗ ⚯ ྀི 𓇬 ⸝⸝⸝⋆ 🀱 𓈒𓐍