“ทำไม” เอตะคอกออกไปอย่างหัวเสีย เขากัดฟันแน่นเพื่อระงับอารมณ์โกรธของตัวเอง มีที่ไหนเขาจะบอกรักแต่เธอทำเหมือนไม่อยากจะฟังซะงั้น เธอไม่รู้เลยรึไงว่าคนอย่างเขาไม่เคยเอ่ยคำนี้ให้ฟังง่ายๆ หรือเธอไม่อยากจะได้ยินไม่อยากจะยุ่งกับเขาจริงๆ ยิ่งคิดยิ่งทำให้เขาปวดหนึบในใจ
“ใจเย็นๆ และฟังแพรก่อนได้มั้ยคะ” เธอรู้ว่าชายหนุ่มตรงหน้ากำลังพยายามระงับอารมณ์ขุ่นมัวอย่างเต็มที่เพราะกรามของเขากัดกันแน่นจนนูนขึ้นมาเป็นสัน เธอเอื้อมมือไปจับมือและบีบมือเขาเบาๆ ทำให้ชายหนุ่มอารมณ์เย็นขึ้นมาได้บ้าง
“แพรอยากให้พี่เอแน่ใจจริงๆ ก่อนจะพูดคำนั้นออกมาเพราะคำนั้นสำหรับแพรมันคือคำที่ยิ่งใหญ่มาก แพรไม่อยากเจ็บปวดเพราะมันและแพรก็ไม่อยากให้พี่เสียใจทีหลังที่พูดมันออกมา” เธอพยายามพูดกับเขาอย่างมีเหตุผลและนุ่มนวลที่สุดแต่เธอคิดอย่างนั้นจริงๆ ทุกคำพูด
“ทำไมพี่ต้องเสียใจ”
“การที่เราจะรักใครสักคนสำหรับแพร แพรว่ามันต้องใช้เวลาศึกษากันและมั่นใจจริงๆ ถึงจะใช้คำนั้นได้ แพรอยากให้พี่แน่ใจจริงๆ ว่าเอ่อ...รักแพร” เธอพูดตะกุกตะกักเล็กเล็กน้อย
“ไม่ใช่แค่ความรู้สึกดีชั่วครู่ชั่วยามแล้วมาติ๊ต่างว่ามันคือความรัก แล้ววันนึงความรู้สึกนั้นมันหายไป แพรว่ามันจะทำให้เราทั้งคู่มีแต่ความเสียใจนะคะ เอาเป็นว่าเราให้เวลากับมันแล้วมาดูกันนะคะว่าความรู้สึกนี้มันเพิ่มขึ้นหรือน้อยลงยังไงแล้วเราค่อยมาตัดสินใจอีกรอบ” เอฟังจนน้องแพรพูดจบทำให้เขายิ่งมั่นใจว่าเขาไม่ได้เข้าใจความรู้สึกของตัวเองผิดแน่ ๆ น้องแพรดูภายนอกเธอดูสดใจ น่ารักอาจจะดูว่าเธอมีนิสัยเด็กๆด้วยซ้ำไป แต่จริงๆแล้วเธอเป็นคนที่มีเหตุและผลเอามากๆ
“ถ้ามันเป็นพี่ที่รู้สึกดีฝ่ายเดียวล่ะหรือว่าถ้าน้องแพรรังเกียจพี่ก็บอกนะ” เอถามออกไปด้วยเสียงที่น้องแพรฟังออกว่าดูแง่งอนที่เธอไม่ได้ตอบคำถามเขาสักทีว่าเธอรู้สึกยังไง
“เอาเป็นว่าแพรก็ไม่ได้รังเกียจพี่เอนะคะ แต่แพรขอเวลาเพื่อให้ตัวเองมั่นใจหน่อย โอเคนะคะ”
“อื้ม พี่จะทำให้น้องแพรรักพี่ให้ได้คอยดู” เอพูดอย่างมั่นอกมั่นใจจนทำให้เธอนึกหมั่นไส้
“แต่หลังจากนี้พี่อยากให้น้องแพรทำตัวให้ชินที่จะมีพี่กลายเป็นเงา และถ้าไม่มีพี่น้องแพรจะต้องมีบอดี้การ์ดอยู่ด้วยตลอดเวลา” เขาพูดไปก็จับมือน้องแพรแล้วลูบหลังมือไปมาเบาๆ เพราะเขารู้ดีว่าเธอต้องหาทางปฏิเสธเขาแน่นอน
“แต่...แพรว่า...”
“ไม่มีแต่ได้มั้ยครับ พี่ขอเพื่อความสบายของพี่” เอพูดแล้วยิ้มให้น้องแพร ทำให้หัวใจดวงน้อยของเธอมันอิ่มฟูมากๆ หลังจากนั้นไม่นานรถก็จอดสนิททำให้ทั้งคู่รู้ว่าถึงจุดหมายปลายทางแล้ว ทั้งคู่ลงจากรถ น้องแพรสังเกตเห็นบอดี้การ์ดของชายหนุ่ม 4-5 คนยืนอยู่เต็มบริเวณ แล้วเอก็จูงมือน้องแพรเดินเข้าไปในร้านอาหารเงียบๆ
“ทำไมร้านไม่มีคนเลยล่ะคะ” น้องแพรเอ่ยถามด้วยความแปลกใจ หลังก้าวเท้าเข้ามาในร้านที่ตกแต่งสไตล์ญี่ปุ่นแต่ทั้งร้านกลับไม่มีคนเลย
“อ๋อ พี่สั่งปิดร้านครับ พี่ลืมบอกไปอย่างนึงว่า ต่อไปนี้น้องแพรต้องทำตัวให้ชินอีกเรื่องนึงคือถ้าเราไปที่ไหนที่นั่นต้องมีแค่เรา” ชายหนุ่มพูดเหมือนมันง่ายดายมากที่เขาคิดจะสั่งปิดอะไรก็ได้
“ทำไมละคะ” เจ้าหนูจำไมก็ยังคงเซ้าซี้เขาต่อ
“พี่ไม่ชอบความวุ่นวาย” เอตอบแบบขอไปที
“แต่แพรวุ่นวายนะคะ” นี่เธอไม่คิดจะยอมเขาเลยจริงๆ ซินะ ชายหนุ่มได้แต่คิดแล้วแอบยิ้มกับความแสบสันของเธอ
“พี่อนุญาตแค่น้องแพรวุ่นวายคนเดียว” เอตอบแบบไม่ต้องคิดทำให้น้องแพรหน้าแดงด้วยความขัดเขิน เอปรายตามามองน้องแพรด้วยความเอ็นดู ไม่ว่าเธอจะพูดหรือทำอะไรเธอก็ดูดีไปหมดในสายเขา หลังจากทานข้าวเสร็จเอก็มาส่งน้องแพรที่คอนโดแต่ก็ไม่วายโยกโย้ โย้เย้ไม่ยอมให้เธอลงจากรถ เพราะเธอบอกว่าจะไม่ยอมให้เขาขึ้นไปส่งข้างบน เพราะอะไรนะเหรอเพราะกลัวเขาทำตัวเป็นปลาหมึกไงล่ะ
“ทำไมล่ะน้องแพรให้พี่ขึ้นไปส่งนะครับ หน้าห้องก็ยังดี” เอทำเสียงออดอ้อนเพราะอยากขึ้นไปส่งหญิงสาวและตรวจดูความเรียบร้อยของห้องด้วย
“เฮ้อ แค่หน้าห้องนะคะ” น้องแพรได้แต่ถอนหายใจเพราะความดื้อรั้นของเขา ถ้าเธอยังไม่ยอมชายหนุ่มก็คงไม่ปล่อยเธอไปง่ายๆ เหมือนกัน
“โอเครครับ” เอตอบรับด้วยความลิงโลด ทั้งคู่เดินเข้าคอนโดไปอย่างเงียบๆ
“น้องแพร น้องแพรครับ” ทั้งคู่หันกลับมามองตามเสียงเรียก
“พี่อาร์ม” ไอ้หน้าตี๋นี่เป็นใคร เอได้แต่มองไอ้หนุ่มหน้าตี๋ด้วยสายตาอาฆาต ส่วนน้องแพรได้แต่ส่งยิ้มหวานให้ชายหนุ่มเพราะเขาคือพี่ชายของลูกศิษย์ที่เธอเคยสอนพิเศษให้ในคอนโด
“สบายดีนะครับน้องแพร”
“สบายดีค่ะ กลับมานานแล้วหรอคะเนี่ย” ที่น้องแพรถามแบบนี้เพราะว่าเขาไปเรียนต่อที่ต่างประเทศมา
“สักพักแล้วครับ”
“สวัสดีครับผมชื่อเอ เป็นแฟนน้องแพรครับ” บุคคลที่สามที่อยากมีส่วนร่วมในบทสนทนาอดทนรอไม่ไหวจึงโพล่งออกมา ทั้งน้องแพรและหนุ่มหน้าตี๋เบิกตากว้างด้วยความตกใจเพราะไม่คิดว่าชายหนุ่มจะพูดแบบนี้
“งั้นผมกับแฟนขอตัวก่อนนะครับ” เอรีบพูดตัดบท โดยย้ำคำว่าแฟนหนักแน่นกว่าคำอื่น พอเห็นทั้งคู่ยืนอึ้งไม่พูดอะไรก็ยิ่งเพิ่มความหงุดหงิดเข้าไปอีก เขาจึงกระตุกมือกึ่งลากกึ่งจูงน้องแพรไปยังลิฟต์แล้วกดชั้นที่หญิงสาวพักอยู่ โดยที่ชายหนุ่มลืมตัวไปว่าเผลอออกแรงมากไปหน่อยเพราะฤทธิ์ของความหึงหวง
“ปล่อยแพรค่ะ” น้องแพรพยายามแกะมือหนาที่กุมข้อมือเธอ เมื่อเห็นท่าทีของชายหนุ่มว่าไม่มีทางจะปล่อยมือเธอง่ายเธอจึงเอ่ยย้ำอีกครั้ง
“ปล่อย...แพรเจ็บ” เธอตวาดใส่เขาเสียงดังลั่น ทำให้ชายหนุ่มได้สติ คลายมือออกช้าๆ ก็เห็นว่าข้อมือถือนั้นแดงเถืองด้วยฤทธิ์ของแรงเขาเอง ทำให้หน้าสลดลงเพราะเขาไม่ได้ตั้งใจทำให้หญิงสาวต้องเจ็บตัว
“น้องแพร พี่...ขอโทษ” น้องแพรไม่ยอมตอบอะไรได้แต่เม้มปากแล้วมองหน้าเขาด้วยสายตาที่ผิดหวัง ดวงตากำลังเอ่อล้นด้วยน้ำตา ด้านชายหนุ่มพอเห็นน้ำตาของเธอก็รู้สึกผิดเป็นอย่างมาก พอเขาจะขยับเข้าไปเช็ดน้ำตาให้เธอก็ปัดมือเขาออกอย่างไม่ใยดี
“ติ๊ง” เสียงของลิฟต์ดังขึ้นเพื่อบอกว่าถึงชั้นที่พวกเขาต้องการแล้ว น้องแพรรีบวิ่งออกจากลิฟต์ แล้วรีบเปิดประตูเพื่อเข้าห้องให้เร็วที่สุด แต่ก็ไม่เร็วเท่ากับชายหนุ่มที่รีบแทรกตัวเข้ามา น้องแพรเห็นดังนั้นจึงจะรีบวิ่งเข้าห้องนอนแต่ก็ช้ากว่าคนตัวโตอยู่ดี เอคว้าเอวน้องแพรไว้ได้ทันทำให้น้องแพรร้องไห้แล้วดิ้นขลุกขลักอยู่ในอ้อมกอดเขา
“ชู่...หยุดเถอะครับคนดี พี่ขอโทษ พี่ผิดไปแล้ว ได้โปรดยกโทษให้พี่นะครับ” น้องแพรได้ยินแบบนั้นก็ใจอ่อนยวบ ทำไมนะ ทำไมเธอแค่ได้ยินเสียงเขา แค่เขาง้อหรือทำดีด้วยนิดหน่อยเธอก็แทบหายโกรธแล้ว น้องแพรหยุดดิ้นแล้วสะอื้นเบาๆอยู่ในอ้อมอกของชายหนุ่ม เอยกมือหนาของตัวเองแล้วลูบหลังคนตัวเล็กในอ้อมกอดเบาๆ เวลาผ่านไปสักพักคนตัวเล็กในอ้อมกอดหยุดร้องไห้แล้วดิ้นไปมาเพื่อจะออกจากอ้อมกอดเขา
“พี่เอกลับไปได้แล้วค่ะ แพรเหนื่อยแพรอยากอาบน้ำนอนแล้ว”
“ขอพี่นอนด้วยได้มั้ย” น้องแพรได้ฟังแบบนั้นก็ย่นคิ้วใส่เขาด้วยความไม่พอใจ คนอะไรเอาแต่ใจตัวเองชะมัด ชายหนุ่มพอเห็นสีหน้าของน้องแพรก็รู้ได้ทันทีเลยว่าไม่ได้แน่นอน เลยก้มลงไปหอมแก้มคนตัวเล็กในอ้อมกอดเบาๆ ด้วยความหมั่นเขี้ยว ทำให้ใบหน้าของสาวน้อยมีเลือดฝาดขึ้นมาอย่างเห็นได้ชัดเจน ก่อนจะดันตัวเธอออกจากอ้อมแขน
“พี่ไปก่อนนะครับ พรุ่งนี้เช้าพี่มารับไปอยู่ที่ทำงานกับพี่นะครับ” น้องแพรอึกอักทำท่าจะตอบ แต่เอก็พูดต่อว่า
“ถ้าน้องแพรไม่ไป พี่คงทำงานไม่ได้ทั้งวันเพราะคิดถึงน้องแพรแน่เลย” น้องแพรได้ยินแบบนั้นก็ถอนหายใจเบาๆ และพยักหน้ารับอย่างขัดไม่ได้ เอยิ้มหวานให้แล้วหันหลังเดินออกจากห้องไป ก่อนปิดประตูเขายังไม่วายหันไปสั่งบอดี้การ์ดสองคนที่ยืนอยู่หน้าห้อง
“เฝ้าหน้าห้องคุณแพรไว้ ถ้าผู้ชายคนไหนคิดจะเข้ายิงทิ้งแม่งให้หมด” เธอได้ยินดังนั้นก็ตาโตลุกวาว นี่เขาจะหวงอะไรเธอนักหนาเนี่ย จนแล้วจนรอดเธอก็ยังไม่ได้มีโอกาสอธิบายว่าจริงๆ แล้วพี่อาร์ม เขามีแฟนอยู่แล้วที่สำคัญกว่าก็คือเขาชอบผู้ชายด้วย เธอได้แต่คิดแล้วถอนหายใจเบาๆ เพราะไม่รู้ว่าพรุ่งนี้เธอจะเจออะไรบ้าง แต่ทำไมเวลาคิดถึงเขาเธอกลับยิ้มอยู่ตลอดเวลาล่ะ
“ไม่ได้นะแพร เธอห้ามใจง่ายเด็ดขาด” ผ่านไปสักพักเธอเตรียมตัวกำลังจะเข้านอนแล้วเสียงโทรศัพท์เธอก็ดังขึ้น ‘พี่เอสุดหล่อ’ เป็นเขานั่นเองที่โทรมา
‘คะ พี่เอ’
‘ทำไมน้องแพรยังไม่นอนอีก’
‘กำลังจะนอนค่ะ พี่เอมีอะไรรึเปล่าคะ’ เธอพูดไปก็ทำท่าหาวไปพลาง
‘คิดถึง’ เอได้แต่คิดว่าเธอจะรู้มั้ยว่าเขากำลังคลั่งรักเธอขนาดไหน
‘เว่อร์มากค่ะ พรุ่งนี้พี่เอจะมารับแพรกี่โมงคะ แพรจะได้เตรียมตัว’
‘สัก 7 โมงเช้าไปมั้ย’
‘แพรเลือกได้ด้วยเหรอคะ’ พูดจบเธอได้ยินเสียงปลายสายหัวเราะลั่น ใช่เธอเลือกไม่ได้หรอก เขายอมรับว่าเขาเป็นคนเผด็จการและเอาแต่ใจตัวเองที่สุด