บทที่ 6 ขัดใจ

2020 Words
เช้านี้ผมรีบตื่นแต่เช้าเพื่อที่จะได้ออกไปหาปิ่น ไม่รู้ว่าเมื่อวานปิ่นจะเป็นยังไงบ้างที่ผมต้องแต่งงานกับเพื่อนของเธอ ผมกลัวเธอจะนอนร้องไห้เสียใจ ผมเป็นกังวลจนนอนไม่ค่อยหลับ และไม่ได้สนใจใยดีใครอีกคนที่อยู่ห้องเดียวกับผม เพราะผมมองว่าเธอเป็นผู้หญิงที่ไร้ตัวตนสำหรับ ผมรีบตื่นตั้งแต่ 06.00 น.อาบน้ำแต่งตัวเพื่อจะรีบออกไป และไม่ต้องเจอกับแม่ของผม ผมรู้ว่าถ้าท่านเจอผมท่านตีองห้ามไม่ให้ผมออกไป ผมจึงหลีกเลี่ยงกับการเผชิญหน้า และผมก็ร้อนใจอยากเจอหน้าปิ่นเร็วๆ ผมไม่ได้หันไปมองที่ปลายเตียงด้วยซ้ำ เมื่ออยู่ได้และทนได้ก็ทนต่อไป อีกไม่นานผมจะทำให้เธอทนอยู่กับคนที่ไม่ได้รัก และแสนเกลียดเธอ ผมต้องหววิธีไล่เธอออกไปให้ไกลจากชีวิตผมและปิ่น "ปิ่นครับอยู่ในห้องไหมครับ" ผมมาหาปิ่นที่คอนโดของปิ่น ผมกดกริ่งเรียกปิ่นตั้งนานปิ่นไม่เปิดประตูออกมาสักที พอจะกดรหัสเข้าห้องปิ่นก็ดันกดเข้าไม่ได้อีก ไม่แน่ใจว่าปิ่นเปลี่ยนรหัสประตูห้องใหม่หรือเปล่า หรืออาจจะโกรธผมที่ผมไม่มาหาเมื่อคืน ผมโทรหาปิ่นก็ไม่ยอมรับสาย ตอนนี้ผมร้อนใจแทบบ้ากลัวปิ่นจะโกรธผมหนักจนไม่อยากเจอหน้า ผมไม่อยากเสียปิ่นไปตอนนี้ เพราะม่านไหมคนเดียว คอยดูถ้าปิ่นโกรธและไม่ยอมให้อภัย ผมจะจัดการม่านไหมขั้นเด็ดขาด จะไม่ปล่อยให้มาทำลายความรักของผมกับปิ่น ผมลองต่อสายหาปิ่นอีกครั้ง ติ๊ด~ ตี๊ด~ ตี๊ด ปิ่นยังไม่รับสายเหมือนเดิม หรือผมจะตามไปหาปิ่นที่บ้าน พอคิดได้ดังนั้นผมจึงก้าวขาออกจากหน้าประตูห้องลงไปข้างล่าง เพื่อที่จะขับรถไปหาปิ่นที่บ้าน กริ๊ง~ กริ๊ง~ กริ๊ง ผมรีบหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาดูเพราะคิดว่าปิ่นคงโทรกลับมาหาผม แต่พอเห็นเป็นชื่อแม่ คิ้วผมต้องขมวดขึ้นอีกครั้ง คงจะรู้แล้วว่าผมหนีออกมาจากบ้านตั้งแต่เช้า และคงจะโทรมาตามให้ผมกลับไป ผมไม่อยากกดรับสายเลย ปล่อยให้เสียงมันเงียบไปเอง กริ๊ง~ กริ๊ง~ กริ๊ง เสียงโทรศัพท์ดังมาครั้ง ผมคงเลี่ยงไม่ได้จึงตัดสินใจรับแล้วค่อยปฏิเสธแม่ทีหลัง "ครับแม่ ผมอยู่ข้างนอกมาทำธุระ แม่มีอะไรหรือเปล่าครับ ไม่สบายก็ไปหาหมอสิครับ ผมไม่ใช่หมอสักหน่อย ผมจะไปช่วยอะไรได้ครับ ครับเดี๋ยวผมเข้าไปอยู่ที่โรงพยาบาลไหนครับ" ตอนแรกผมปฏิเสธแม่ไป มันไม่ใช่เรื่องของผม เธอไม่สบายทำไมไม่ไปหาหมอ จะโทรมาตามผมทำไม ป่วยเองได้ก็ควรไปหาหมอเองได้ จะมาทำให้คนอื่นเดือดร้อนไปด้วยทำไม ผมยังมีเรื่องที่ต้องทำ ผมต้องรีบไปเคลียร์กับปิ่นก่อนที่ปิ่นจะโกรธ และเข้าใจผมผิดไปมากกว่านี้ แต่แม่ผมเล่นบีบบังคับให้ผมไปเยี่ยมม่านไหมที่โรงพยาบาล เพราะพ่อกับแม่ของเธอดูจะไม่พอใจที่ผมไม่ดูแลลูกสาว ผมก็เกรงใจพ่อกับแม่ของม่านไหม เพราะท่านทั้งสองเมื่อก่อนรักและเอ็นดูผมมาก ถ้าไม่ไปพ่อกับแม่ผมคงโกรธหัวฟัดหัวเหวี่ยง ผมเลยจำใจเข้าไปดูสักหน่อย แล้วค่อยหาทางเลี่ยงออกไปหาปิ่นที่บ้านทีหลัง ยังไงผมต้องไปเจอปิ่นให้ได้ "สวัสดีครับคุณลุงคุณป้า" ผมเปิดประตูเข้าไปในห้องทุกสายตาก็จับจ้อง และมองมาที่ผมเป็นตาเดียวกัน ผมรู้ว่าสายทุกคู่กำลังตำหนิผมอยู่ ม่านไหมนอนรักษาตัวอยู่ในห้องพิเศษของโรงพยาบาลเอกชนแห่งหนึ่ง แม่บอกว่าม่านไหมเป็นไข้สูง จนเป็นลมล้มอยู่ที่บ้าน พ่อกับแม่ของผมต้องรีบส่งมาที่โรงพยาบาล ผมเดินเข้าไปที่เตียงคนป่วยเห็นม่านไหมนอนอยู่บนเตียง มีสายน้ำเกลือห้อยระโยงระยาง "มาถึงสักทีนะพ่อตัวดี หายไปไหนมาแต่เช้ารู้ไหมว่าน้องไม่สบาย แม่โทรไปตั้งนานกว่าจะโผล่มาเยี่ยมน้องได้" ทันที่ที่แม่เห็นหน้าผมก็เริ่มบ่นผมยกใหญ่ ผมชำเรืองมองคนต้นเรื่องที่นอนอยู่บนเตียง และส่งสายตาคาดโทษ เพราะเธอคนเดียวป่วยนิดเดียวทำให้เป็นเรื่องใหญ่ ทำให้ผมถูกผู้ใหญ่มองด้วยสาตาที่ไม่ดี ม่านไหมมองมาที่ผมและหลุบสายตาลง ผมคิดว่าเธอคงแกล้งป่วย ทำมารยาเล่นละครตบตาคงอยากให้ผมโดนด่าฝ่ายเดียว และเรียกร้องความสนใจจากผม คงรู้ว่าผมจะออกไปหาปิ่นม่านไหมร้ายกว่าที่ผมคิดไว้เสีย ยัดเยียดตัวเองให้มาเป็นเมียผมยังไม่พอ ยังเรียกร้องความสนใจจากคนอื่นเก่ง "ผมมีธุระต้องรีบไปจัดการแต่เช้าครับ เมื่อเช้าผมตื่นมายังเห็นน้องนอนหลับอุตุ ผมไม่รู้ว่าน้องจะป่วยคิดว่าแค่นอนตื่นสายเสียอีก" ผมหันไปส่งสายตาตำหนิให้เธออีกครั้ง เมื่อเช้าผมเห็นว่ายังนอนหลับสบาย จริงๆผมก็แทบไม่สนใจเธอด้วยซ้ำ ผมคิดว่าม่านไหมคงแกล้งป่วยการเมืองให้ผมรีบกลับมาหา คงคิดว่าตัวเองสู้ปิ่นไม่ได้จึงใช้วิธีนี้กับผม ผมรู้สึกเกลียดวิธีการที่เธอใช้เหลือเกิน ม่านไหมคือผู้หญิงที่น่ารังเกียจมากในสายตาของผม "ผมต้องขอโทษคุณลุงคุณป้าด้วยนะครับ ผมเข้าใจว่าน้องยังหลับอยู่จึงไม่กล้ารบกวน และผมก็รีบออกไปทำธุระสำคัญก่อน" ผมยกมือไหว้ขอโทษพ่อกับแม่ของม่านไหม ถึงแม้มันจะไม่ใช่ความผิดของผม แต่ผมก็ไม่อยากให้พวกท่านต้องขุ่นเคืองใจ "ช่างเถอะนา ตาทีคงไม่รู้จริงๆ ตอนนี้ยัยไหมก็ดีขึ้นบ้างแล้วล่ะ ต่อไปเรียกป้าว่าแม่เหมือนยัยไหมนะลูก ตาทีแต่งงานกับน้องแล้ว จะเรียกป้ากับลุงแบบเดิมไม่ได้แล้ว" แม่ของม่านไหมรีบห้ามแม่ของผมที่กำลังตำหนิผมอยู่ พอพูดกับแม่ผมเสร็จก็หันมามองและพูดกับผมต่อ ผมอยากจะแย้งกลับไปใจแทบขาดว่าผมไม่ได้อยากแต่งงานกับม่านไหม แต่มันเลยเถิดมาถึงขั้นนี้แล้ว คงต้องเลยตามน้ำค่อยหาทางหย่ากับเธออีกทีแล้วกัน ตอนนี้คงต้องเล่นบทผัวเมียตามใจผู้ใหญ่ไปก่อน "ไม่ได้สิ ฉันต้องปรามลูกบ้าง จะได้รู้จักเอาใจใส่เมีย มีเมียเป็นตัวเป็นตนแล้ว จะทำตัวแบบเดิมไม่ได้" แม่ผมพูดกับแม่ม่านไหม และหันมามองค้อนส่งสายตาดุๆให้ผม ผมรู้สึกขัดใจไม่น้อยกับคำว่ามีเมียเป็นตัวเป็นตน และขัดใจอีกหลายๆอย่าง ผมไม่ได้อยากได้ม่านไหมเป็นเมียเลย ถ้าไม่ติดว่าโดนบังคับขู่เข็ญ คนที่จะเป็นเมียผมคือปิ่น และเธอก็เป็นเมียทางพฤตินัยแล้วด้วยซ้ำ ผมเป็นคนเลวที่ทิ้งปิ่นมาแต่งงานกับเพื่อนของเธอ ทำไมทุกคนถึงไม่เข้าใจความเจ็บช้ำของปิ่นบ้าง มีแต่ยัดเยียดม่านไหมให้ผม "คุณพ่อคุณแม่ครับถ้าน้องไม่เป็นอะไรมากแล้ว ผมขอตัวไปทำธุระต่อได้ไหมครับ แม่เร่งให้ผมมาที่โรงพยาบาล ธุระสำคัญของผมยังไม่เสร็จเลยครับ" ผมมองดูนาฬิกาที่ข้อมือของผมเห็นว่าผ่านไปหลายชั่วโมงแล้ว ผมแทบนั่งไม่ติดใจมันกังวลเรื่องของปิ่น ผมหันไปขออนุญาตพ่อแม่ของม่านไหม เพราะเห็นว่าม่านไหมไม่เป็นอะไรมาก อีกอย่างมีคนอยู่เฝ้าเยอะแยะเต็มไปหมด ผมอยู่แล้วก็ไม่ได้ช่วยอะไร ไม่รู้ว่าจะอยู่ตรงนี้ไปทำไม ผมควรรีบไปเคลียร์และปลอบใจปิ่น ไม่รู้ป่านนี้จะโกรธและเข้าใจผมผิดไปถึงไหนแล้ว "ถ้าตาทีมีธุระสำคัญก็รีบไปทำเถอะ พ่อกับแม่จะอยู่ดูน้องให้เอง" พ่อของม่านไหมอนุญาตผม ผมกำลังจะลุกขึ้นเพื่อเดินออกไป "ไม่ได้ตาทีต้องอยู่เฝ้าเมียตัวเองคืนนี้ คุณศานต์กับยัยสิ และฉันอายุก็เริ่มเยอะขึ้น เราควรปล่อยให้ผัวเมียเขาอยู่ดูแลกันเอง ตาทีค่อยไปทำธุระวันอื่น ให้เขาอยู่สองผัวเมียดีแล้ว พ่อกับแม่อย่างเรากลับไปพัก พรุ่งนี้ค่อยมาเยี่ยมลูกกันใหม่" แม่นะแม่ทำไมทำกับผมแบบนี้ พ่อของม่านไหมอนุญาตแล้ว แม่ยังจะมาขัดขวางผมอีก และส่งสายตาห้ามปรามไม่ให้ผมออกไป ผมจึงต้องนั่งลงหันไปหาคนที่นอนฟังอยู่บนเตียง แทนที่จะช่วยผมพูดกับนอนฟังอยู่เฉยๆ คงอยากให้ผมอยู่เฝ้ามาก ผมไม่กล้าขัดใจแม่ อีกอย่างพ่อกับแม่ของม่านไหมนั่งมองมาที่ผมด้วย ผมจึงจำใจนั่งอยู่ที่เดิม รอให้ทุกคนกลับก่อนผมค่อยออกไป "ครับเดี๋ยวผมอยู่เฝ้าน้องให้ครับ คุณพ่อคุณแม่กลับไปพักผ่อนเลยก็ได้ครับ" ผมต้องตอบรับเพราะทนต่อสายตากดดันของแม่ผมไม่ได้ "เอาอย่างนั้นก็ได้นา แม่ฝากน้องด้วยนะตาที น้องยังเดินไหนมาไหนคนเดียวไม่ได้ น้องยังอ่อนเพลียมาก บางทีก็ยังมีพิษไข้มาเล่นงานบ้าง แม่เป็นห่วงน้อง" ผมอยากจะบอกแม่ของม่านไหมมาก บางทีลูกสาวของแม่อาจจะแกล้งทำสำออยก็ได้ "ครับ" ผมรับปากพ่อแม่ม่านไหมไปก่อน ผมเห็นเธอนอนหลับไปแล้วคงจะไม่เป็นไร หรืออาจจะแกล้งหลับเพื่อหลบสายตาต่อว่าของผม "เราไปกันเถอะสิ คุณศานต์ปล่อยให้ผัวเมียเขาดูแลกัน ใจเขาอาจจะอยากไล่เราสามคนไปเต็มที อาจอยากสวีทหวานกันสองคนก็ได้" ผมส่งสายตาไม่ชอบใจไปที่แม่ ใครเขาอยากจะอยู่สองคน ยิ่งสวีทกันด้วยยิ่งไม่มีทางเป็นไปได้ใหญ่ "พ่อกลับแม่กลับก่อนนะ ฝากน้องด้วยนะตาทีถ้ามีอะไรก็โทรไปบอกพ่อกับแม่ได้เลย" พ่อแม่ของม่านไหม และแม่ของผมกำลังเปิดประตูห้องออกไป แม่ของม่านไหมหันมามองผมและฝากฝังอีกรอบ ก่อนจะหันหลังเดินออกจากห้องไป เหลือเพียงความเงียบที่ทิ้งไว้ "สำออย แค่นี้จะเป็นจะตายเรียกร้องอยากให้ฉันมาหา มันเป็นแผนของเธอสินะม่านไหม" เมื่อทุกคนออกจากห้องไปหมดแล้ว ผมจึงหันกลับไปเล่นงานคนที่นอนอยู่บนเตียงทันที ม่านไหมค่อยๆลืมตามามองหน้าผม ผมมองตาเขียวด้วยความโกรธ ผมอยากจะกระชากให้เธอลุกขึ้นจากเตียงเหลือเกิน แกล้งทำตัวอ่อนแอให้น่าสงสาร ผมไม่คิดจะเห็นใจกับความจอมปลอมของเธอ "ไหมเปล่านะคะพี่นทีไหมไม่สบายจริงๆ ตอนนี้ไหมก็เหนื่อยมากแล้ว ไหมขอพักหน่อยได้ไหมคะ เหมือนมันจะตัวร้อนอีกแล้ว" ม่านไหมดูแสดงละครเก่ง ทำเสียงสั่นปากสั่นตาปรือ ผมไม่คิดจะตกหลุมพลางของเธอ เจ้าเล่ห์แม้กระทั่งตอนนี้
Free reading for new users
Scan code to download app
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    Writer
  • chap_listContents
  • likeADD