ชนาเทพเดินเข้ามาในโรงพยาบาลก็ต้องแปลกใจเมื่อเห็นว่าวันนี้คนเยอะมากกว่าปกติ ตอนแรกนึกว่าเป็นคนมาใช้บริการแต่พอสังเกตดี ๆ จะเห็นคนพวกนั้นสะพายกล้องกันเกือบทุกคน ทำให้เขารู้ได้ทันทีว่าเป็นใครแล้วมาทำอะไรที่นี่ ใจนึกเป็นห่วงน้องสาวขึ้นมาทันที แต่ในเมื่อเขาเดินมาถึงตรงนี้ก็ยังไม่มีนักข่าวเดินเข้ามาถามเลยทำให้เกิดลังเลว่าอาจจะไม่ใช่เรื่องที่เป็นข่าวอยู่ก็ได้ และตอนที่กำลังจะเดินไปถามว่านักข่าวมาทำไมเขาก็เห็นเลขานุการของพีรวัสเดินผ่านมาพอดี
“คุณศจีครับ”
“สวัสดีค่ะคุณชนาเทพ” ศจีหันมายกมือไหว้ผู้บริหารและคุณหมอหนุ่ม
“วันนี้มีอะไรกันเหรอครับทำไมนักข่าวถึงมาได้มาเยอะขนาดนี้” ชนาเทพถามแล้วก็พยายามนึกว่าถ้าไม่ใช่เรื่องน้องสาวเขาจะมีเรื่องอะไรอีกที่ทำให้นักข่าวแห่กันมาที่นี่ในวันนี้
เลขานุการสาวถอนใจแล้วยิ้มเจื่อน ๆ ให้คุณหมอหนุ่มก่อนจะพูดเสียงอ่อย ๆ ออกมา
“ผู้อำนวยการจะแถลงข่าวค่ะ”
“แถลงข่าวเรื่องอะไรครับ” ชนาเทพเลิกคิ้วแล้วถามด้วยความอยากรู้
“ท่านจะแถลงข่าวเปิดตัวว่าที่คู่หมั้นค่ะ”
“ว่าที่คู่หมั้น!!” คุณหมอหนุ่มพูดเสียงดังเพราะความตกใจ
ชนาเทพผละออกจากเลขานุการสาวเข้ามาที่ห้องรับรองเล็กที่ถูกจัดไว้เป็นห้องรับแขก แต่ตอนนี้เจ้าของโรงพยาบาลกำลังจะใช้เป็นห้องแถลงข่าวแทน
“ไอ้พีทคิดจะทำอะไรของมันวะเนี่ย” ชนาเทพบ่นเพื่อนรักพร้อมกับก้าวเท้ายาว ๆ ไปถึงห้องนั้ก่อนที่พีรวัสจะเปิดการแถลงข่าว
ไม่ต้องบอกก็รู้ว่าคู่หมั้นของมันเป็นใคร เขาคิดว่าพีรวัสน่าจะเข้าใจแล้วว่าอะไรเป็นอะไร ไม่คิดว่าเปิดสัปดาห์ใหม่มาเพื่อนตัวดีจะโทรนัดนักข่าวเยอะขนาดนี้ แสดงว่าเมื่อวานมันต้องมีอะไรเกิดขึ้นเพราะเท่าที่ดูพีรวัสก็ไม่ได้อยากจะหมั้นหรือผูกมัดอะไรกับรินรดาอยู่แล้ว พอเท้าเหยียบเข้าไปในห้องรับรองเสียงนุ่มทุ้มก็ดังขึ้นทำให้เขารู้ว่ามันสายไปที่จะห้ามพีรวัส
“สวัสดีครับพี่น้องนักข่าวทุกท่าน ขอบคุณมากนะครับที่มาตามคำเชิญของผม และต้องขอโทษด้วยที่นัดฉุกละหุกแบบนี้” พีรวัสพูดและยิ้มน้อย ๆ ให้ทุกคนที่อยู่ในห้อง
“ไม่เป็นไรค่ะ แต่ที่พวกเราทราบคือวันนี้คุณพีรวัสจะเปิดตัวว่าที่คู่หมั้นใช่ไหมคะ” นักข่าวคนหนึ่งถามขึ้น พวกเธอคุ้นหน้าคุ้นตาชายหนุ่มตรงหน้านี้พอสมควร
พีรวัสเป็นนักธุรกิจหน้าใหม่ที่เพิ่งรับตำแหน่งผู้อำนวยการโรงพยาบาบนี้ต่อจากคุณดวงเดือนซึ่งเป็นมารดานั่นเอง ทำให้ช่วงนี้พีรวัสต้องออกงานสังคมบ่อยก็เคยสัมภาษณ์พูดขึ้นกันมาบ้าง เพราะชายหนุ่มคนนี้คุณสมบัติไม่ธรรมดา จบการศึกษาทั้งปริญญาตรีและปริญญาโทจากมหาวิทยาลัยชื่อดังจากเมืองนอก นอกจากนั้นรูปร่างหน้าตาก็หล่อชนิดที่ว่าพระเอกบางคนต้องยอมแพ้เลย ไหนจะทรัพย์สินที่เขาลือกันว่ามหาศาลด้วยความที่เป็นลูกชายคนเดียวและเป็นเจ้าของโรงพยาบาลเอกชนที่ใหญ่และหรูที่สุด แค่กลับมาได้ไม่นานสาว ๆ ก็พูดถึงและอยากทำความรู้จักคุณพีรวัสมากขึ้น แต่ดูเหมือนว่าวันนี้สาว ๆ จะอกหักกันเป็นแถวเมื่อเขากำลังจะเปิดตัวว่าที่คู่หมั้น
“ใช่ครับ” พีรวัสตอบและยิ้มหล่อให้คนถาม
“ผู้หญิงที่โชคดีคนนั้นเป็นใครคะ แล้ววันนี้ทำไมเขาไม่มานั่งอยู่ตรงนี้ด้วยกันล่ะคะ” นักข่าวสาวอีกคนถามต่อทันที
พีรวัสยิ้มในหน้ายิ่งทำให้สาว ๆ ที่รอฟังคำตอบต้องเคลิ้บเคลิ้มไปกับรอยยิ้มนั้น ส่วนชนาเทพที่ยืนอยู่หน้าประตูหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาบันทึกคำพูดของพีรวัสเอาไว้เพื่อส่งให้ทุกคนได้ดู
++++++
อีกด้านหนึ่งกำลังเกิดเรื่องวุ่นวายขึ้นแต่ในคอนโดหรูใจกลางเมืองกำลังเงียบสงัดมีแต่เสียงเครื่องปรับอากาศชั้นดีทำงานอยู่ ภายในห้องนั้นมีคนอยู่สามคน ผู้หญิงสองคนผู้ชายหนึ่งคนพวกเขาเป็นเพื่อนกันแต่ในความเป็นจริงแล้วในความรู้สึกของรินรดาห้องนี้เหมือนห้องเย็นที่เพื่อนสองคนกำลังรอสอบสวนเธออยู่
“ตกลงจะบอกได้หรือยังว่าเกิดอะไรขึ้น” น้ำทิพย์พูดเสียงเรียบนิ่งแต่กดดันอยู่ในที
“นั่นสิ ทำไมเธอไม่โทรบอกฉันตั้งแต่เกิดเรื่องหะ ไอ้เราก็เห็นว่าส่งข้อความมาบอกว่าถึงบ้านเรียบร้อยเลยไม่ได้ถามอะไรมากมาย เรื่องข่าวมันคืออะไร” ชัยยทุธนั่งไขว่ห้างอยู่ด้านซ้ายแล้วถามออกมาเสียงเข้ม
รินรดายิ้มเจื่อน ๆ แล้วเอ่ยปากพูดหลังจากที่นั่งเงียบมานาน วันนี้ตอนเช้าน้ำทิพย์โทรมาหาและพูดสั่งว่าให้มาหาที่คอนโดดของชัยยุทธ ตอนแรกเธอก็อึกอักจะปฏิเสธแต่พอน้ำทิพย์ถามว่าหรือจะให้เธอและชัยยุทธไปหาที่บ้านดี สุดท้ายเธอเลยยอมออกมาหาเพื่อนทั้งสองคนที่นี่
“ฉันเล่าก็ได้ไม่เห็นต้องทำหน้าดุแบบนั้นเลย”
“ก็เล่าสักทีสิลีลาอยู่นั่นแหละยันชะนี” ชัยยุทธพูดอย่างรำคาญ
รินรดาเปิดปากเล่าตั้งแต่ตอนที่ชัยยุทธลงไปส่งที่รถแล้วพีรวัสก็ลงมาพูดหาเรื่องและเธอเองก็ตอบโต้ไปจนเรื่องเลยเถิดตามที่เห็นในรูป
“หลังจากนั้นล่ะเกิดอะไรขึ้น เขาได้ทำอะไรรุนแรงอีกหรือเปล่า” น้ำทิพย์ถาม เธอไปบินไม่กี่วันกลับมาก็เจอข่าวเพื่อนรักเลยต้องถ่อสังขารมาที่คอนโดของชัยยุทธในวันหยุดของตัวเอง
“เขาไม่ได้ทำอะไร ฉันตบหน้าเขาไปสองทีแล้วรีบขับรถกลับบ้านเลย” รินรดาเล่าต่อ
“นี่ไงเพราะเล่นอะไรไม่รู้เรื่อง เป็นไงล่ะเป็นข่าวดังเลย”
รินรดาพอโดนเพื่อนว่าก็ทำหน้าจ๋อยไปนิด เพราะรู้ว่าเรื่องที่เกิดขึ้นเป็นเพราะความดื้ออยากเอาชนะของเธอเองถึงได้ทำให้เรื่องแบบนี้เกิดขึ้น
“คุณพีรวัสเขาไม่คิดจะรับผิดชอบอะไรเลยเหรอเรื่องข่าวน่ะ” ชัยยุทธถามขึ้นมาบ้าง
พอมาถึงคำถามนี้รินรดานั่งเงียบไปจนเพื่อนทั้งสองคนหันมามองหน้ากันทันที แต่ก็ไม่ได้พูดหรือเซ้าซี้อะไร พวกเขารอให้รินรดาพร้อมที่จะเล่าส่วนนี้ออกมาเอง
“เขาก็มาหาที่บ้านแหละ มาคุยกับพ่อกับพี่หนึ่ง”
“พ่อกับพี่หนึ่งว่ายังไงบ้าง” พวกเธอรู้ว่ารินรดาเป็นดั่งแก้วตาดวงใจของคนทั้งบ้านเกิดเรื่องนี้แบบนี้ขึ้นย่อมทำให้คนในครอบครัวน่าจะเครียดไม่น้อย
“พ่อกับพี่หนึ่งไม่ว่าอะไร เขาไม่ได้โกรธหรือโทษว่าเป็นความผิดของคุณพีรวัสเลย”
“คุณป้าเดือนไม่โมโหลูกชายน่าดูเลยเหรอ” ชัยยุทธเหมือนตาเห็น
“ก็โมโหตามระเบียบนั่นแหละ ท่านเป็นคนพาคุณพีรวัสมาหาพ่อแล้วขอรับผิดชอบเรื่องที่เกิดขึ้น”
+++++