อาเทอร์ ชายหนุ่มที่มีดวงตาสีฟ้ากวาดสายตามองไปในที่มืด เขาสามารถมองผ่านความมืดนั้นได้ ดวงตาเข้มมองหาร่างของน้องสาวในใจรู้สึกแปลกๆเหมือนกับว่าอีกฝ่ายจะเกิดเรื่อง เขาจับจี้รูปดวงจันทร์เอาไว้เหมือนกับสื่อถึงบางอย่าง เอลซ่ารู้สึกได้จึงส่งเสียงเรียก
“อาเทอร์ ทางนี้”เสียงนั้นไม่ได้ตะโกนแต่อย่างใดเอลซ่ารู้ว่าพี่ชายของหล่อนหูไวเป็นที่สุด อาเทอร์รีบเดินตรงมายังหล่อน
“มานั่งอะไรตรงนี้เอลซ่า” เขาก้มมองน้องสาวอย่างตำหนิ ความจริงก็ไม่ได้แก่กว่าเจ้าหล่อนเท่าไรนัก ห่างกันเพียง 2 นาทีเท่านั้น เขาเอ่ยพรางมองสำรวจไปรอบๆเมื่อรู้สึกผิดปกติ
“มานั่งเล่นหนะ เบื่อคนเยอะ” เอลซ่าตัดสินใจไม่บอกความจริงกับพี่ชาย หล่อนเกรงว่าอาเทอร์จะทำเรื่องเล็กให้เป็นเรื่องใหญ่
“เธอเป็นอะไรหรือเปล่า เหมือนฉันสัมผัสได้” อาเทอร์ยกแขนรน้องสาวตัวเองสำรวจตั้งแต่หัวจรดเท้าด้วยความเป็นห่วง เอลซ่าเลิกลักเล็กน้อย หล่อนจะบอกได้ยังไงว่าเจอไอ้บ้าที่ไหนก็ไม่รู้ แถมยังจูบหล่อนอีกมีหวังงานคืนนี้ต้องเลิกก่อนเวลาแน่
“ไม่มีอะไรหรอก นายจะกลับหรือยัง”
“เบื่อแล้วใช่ไหม กลับก็กลับ ปะ” ด้วยสัญชาติญาณเขาจึงหันไปคว้าแขนเล็กของน้องสาวตัวเองมาถือไว้ ก่อนจะเดินจูงไป ภาพที่เห็นคือพี่ชายที่แสนดีกำลังปกป้องดูแลน้องสาว อีธานจ้องมองทั้งสองคนนั้นนิ่ง กลิ่นของทั้งสองแฝดทำให้เขารับรู้ได้ว่าทั้งสองนั้นไม่ใช่คนธรรมดา
“แกไปไหนมาอีธาน” เสียงชายวัยกลางคนเอ่ยถาม ขณะที่ดวงตายังคงหลับ อีธานหันไปตามเสียง เขามองร่างผู้เป็นพ่อที่นอนเอาหัวพาดโซฟาหลับตาอยู่นั้น
“ไปเที่ยวเปิดหูเปิดตาครับ”
“อย่าบอกนะว่าแกไปป่าฝั่งนู้นมา” ประโยคนั้นทำให้อีธานฉงน พ่อของเขารู้ได้ยังไงว่าเขาไปป่าอีกฝั่งหนึ่งมา เขาไม่เข้าใจว่าพ่อเขาจะห้ามอะไรนักหนา ก็ไม่เห็นมีอะไร ป่าก็เงียบสงบแถมบรรยากาศดีมากโดยเฉพาะสาวๆ ชายหนุ่มคิดพรางนึกถึงความหอมหวานที่มันยังคงติดอยู่ที่ริมฝีปากของเขา
“ป่าวสักหน่อย!!”
“อย่ามาเถียง กลิ่นที่ติดตัวแกมามันแรงจนฉันเวียนหัว” อีธานรีบก้มลงไปสูดดมร่างกายของเขา ก่อนจะยกยิ้มมุมปากเมื่อกลิ่นของสาวคนนั้นยังติดอยู่ที่เสื้อผ้าของเขา พ่อจะเวียนหัวทำไมหอมจะตายไป อีธานคิดก่อนจะยิ้มออกมา
“ฉันบอกแกแล้วไง ถ้าไม่อยากเดือดร้อนก็ให้อยู่แต่อาณาจักรตัวเอง”
“พ่อครับ นี่มันยุคสมัยไหนกันแล้วครับ มันไม่มีอะไรหรอกครับ อีกอย่างคนที่พ่อรู้จักที่ป่าฝากนั้นเขาคงะไม่อยู่แล้วมั๊งครับ” เขาพูดด้วยน้ำเสียงรำคาญพ่อของตัวเอง ตั้งแต่เล็กจนโตก็ห้ามให้เขาไปที่นั่น ไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้น
“หึ !! น้อยไปสิ เอาเป็นว่าแกรีบไปอาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้า ฉันเหม็น” ชายวัยกลางคนผุดลุกขึ้นโดยไม่หันไปมองหน้าลูกชายตัวแสบ ก่อนจะเหลือบไปมองข้างหลัง และตั้งใจสูดดมกลิ่นอีกครั้ง กลิ่นนี้มันกลิ่นของหมาป่า และรู้สึกเหมือนกับว่าหมาป่าตนนี้จะเป็นคนตระกูลเดียวกันกับไอ้อีคอน แมกซ์คิดแล้วกัดสันกรามแน่น นึกเจ็บใจกับเรื่องในอดีต
อีธานเดินเข้ามาในห้อง ก่อนจะมองออกไปนอกหน้าต่าง เขาเงยหน้ามองดวงจันทร์ ภาพของสาวน้อยเอลซ่าปรากฏขึ้น มือหนายกขึ้นลูบริมฝีปากตัวเอง ก่อนจะหลับตาแล้วระลึกถึงความหอมหวานนั้น กลิ่นสาวของหล่อนเขารู้ว่ามันไม่ปกติเขายังแอบคิดว่ากลิ่นเจ้าหล่อนคือลูกหมาป่าน่ารักตัวหนึ่งด้วยซ้ำ
“วันนี้ดมกลิ่นไม่ชัด วันหน้าฉันจะเอาให้มันตราตรึงไว้ในหัวใจเลยทีเดียว” ชายหนุ่มคิดก่อนจะถอดเสื้อออกโชว์ซิกแพ็ก ก่อนจะนำเสื้อนั้นไปแขวนเก็บใส่ตู้ไว้เป็นอย่างนี้ เอลซ่าเราได้พบกันใหม่แน่นนอนอีธานคิดก่อนจะเดินยิ้มเข้าห้องน้ำไปนั้น
ทางด้านเอลซ่ากับอารเทอร์ ทั้งสองนั่งรถกลับบ้าน แต่บรรยากาศในรถทำให้อาเทอร์ต้องหันไปมองหน้าน้องสาว
“เป็นอะไรเงียบเลย”อาเทอร์หันไปยิ้มอย่างอ่อนโยนให้กับน้องสาว ที่เขากับหล่อนเราลืมตามาดูโลกตามๆกัน คิ้วหนาขมวดเข้าหากันเมื่อรู้สึกว่าน้องตัวเอง เงียบผิดปกติ เหมือนคิดอะไรอยู่ในใจ
“ป่าว แค่คิดอะไรเรื่อยเปื่อย”
“ไม่จริงอะ มันต้องมีอะไรแน่ๆ”อาเทอร์ขยับเข้าไปใกล้ แต่เอลซ่าก็ดันหน้าของพี่ชายตัวแสบนั้นออก
“อื้อ อาเทอร์ นี่กินเหล้ามาเหรอ จะบอกแม่” เอลซ่าย่นจมูกเมื่อได้กลิ่นแอลกอฮอล์โชยมาแตะจมูก
“แหม จมูกไวชะมัดไวเหมือนหมาเลย” อาเทอร์ล้อน้องสาว เขาไม่รู้หรอกว่าจริงๆแล้วน้องสาวตัวเองเป็นอะไร ประโยคนั้นทำเอาลุงขับเลยต้องเงยหน้ามองเจ้านายตัวน้อยแล้วขมวดคิ้วนิ่ง
“ถึงฉันเป็นหมา ฉันก็เป็นหมาป่ายะ ”หล่อนตอบไปแบบนั้นทั้งๆที่ไม่ได้คิดอะไร ก่อนจะหันไปยิ้มให้กับคนขับที่มองมาในกระจกนั้น
“จริงไหมคะ ลุงไคน์”
“ครับ คุณหนู” คนขับรถอมยิ้มก่อนจะพยักหน้า เขายกยิ้มมุมปาก
“ใครจะไปตาดีเหมือนนายหละ อุตส่าห์ไปแอบในที่มืดๆ นายยังมองเห็นได้ แถมหูดีอีกต่างหาก” เอลซ่าย่นจมูกใส่ ก่อนจะแลบลิ้น แล้วมองออกไปนอกหน้าต่างรถ
ไคน์ มองสองพี่น้องฝาแฝดที่มักจะโต้เถียงกันอยู่แบบนี้เป็นประจำ ถึงจะชอบทะเลาะกันเองแต่ก็รักกันมาก หากมีคนอื่นมาทำร้ายคนใดคนหนึ่งจะต้องโกรธเป็นฟืนเป็นไฟ เขานึกถึงพลังของเด็กทั้งสองยามโมโห มันสามารถทำให้ป่านั้นราบเป็นหน้ากองหลายกิโล เขาไม่แปลกใจที่ทั้งสองคนเป็นแบบนี้ ก็พ่อเป็นหมาป่าจะไม่ให้จมูกไวเหมือนหมาป่าได้ยังไง แถมแม่ยังเป็นแวมไพม์ แม้ว่านานท่านทั้งสองจะกลายเป็นมนุษย์เต็มตัวแล้ว แต่สายเลือดที่ถือกำเนิดขึ้นระหว่าที่ทั้งสองยังเป็นหมาป่าและแวมไพท์นั้นทำให้คุณหนูฝาแฝดนั้นมีพลังตามชาติพันธ์ตัวเองที่ได้รับมาจากสายเลือดของผู้เป็นพ่อและแม่ นายท่านไม่ได้บอกคุณหนูทั้งสอง เพราะต้องการให้พวกเขาใช้ชีวิตแบบเด็กธรรมดาทั่วไป โดยใช้สร้อยเวทมนต์ของท่านคาล์กควบคุมพลังวิเศษนั้นไว้ คุณหนูทั้งสองจึงใช้ชีวิตแบบคนปกติทั่วไปได้ ไคน์คิดถึงอดีตและไม่อาจจะคาดเดาอนาคต เพราะทุกอย่างมันขึ้นอยู่กับโชคชะตา...>>>>>>