เมื่อตอบตกลงไปแล้วพีรญาก็นึกถึงคำพูดของนรสิงห์ที่ว่า ‘ฉันจะปล่อยเธอไป… เมื่อถึงเวลาที่ฉันพอใจเท่านั้น’ หญิงสาวรู้สึกเหมือนมีก้อนหินหนักอึ้งทับอยู่ในอก เธอรู้ว่าการยอมครั้งนี้ไม่ใช่การซื้ออิสรภาพการหนี้สินทั้งหมดแต่เป็นการเปลี่ยนเจ้าของเท่านั้น
“คุณหมอคะพรีม ขอถามขอความชัดเจนของคำว่าพอใจได้ไหมคะ”
“ฉันจะบอกเธอเมื่อถึงเวลาที่เหมาะสม แต่สิ่งที่เธอต้องทำตอนนี้คือยอมรับมันอย่างไม่มีเงื่อนไข” นรสิงห์ยิ้มมุมปาก
“ค่ะ พรีมยอมรับ” พีรญาพยักหน้าอย่างช้า ๆ เสียงตอบรับนั้นเบาอย่างยอมรับในชะตากรรมของตัวเองไปแล้ว
“คืนนี้เธอพักผ่อนก่อน เรื่องเสี่ยทรงพลเดี๋ยวฉันจะจัดการให้เองไม่ต้องกังวล”
เมื่อพีรญากลับไปแล้วเขาก็รอจนรอจนลูกน้องของสุรัชกลับไปแล้วจึงเดินเข้าไปคุยกับเพื่อน
“ตกลงว่าไงบ้าง เธอยอมรับข้อเสนอของนายหรือเปล่าวะสิงห์” เพราะสีหน้าของเขาเรียบเฉยสุรัชจึงเดาเหตุการณ์ไม่ออก
“ฉันจัดการเรื่องพรีมแล้ว เธอตกลงจะมาอยู่กับฉัน” นรสิงห์เปิดประเด็นทันที
“จัดการยังไงวะ เห็นเธอลงไปพร้อมกับสีหน้าที่เหมือนเพิ่งไปผ่านสงครามมา” สุรัชถามอย่างเป็นห่วงเพื่อนและเด็กในร้าน
“ก็ตามที่เคยบอก”
“แกซื้อเธอมาด้วยการบีบให้เธอจนตรอกหรือเปล่าสิงห์?”
“ฉันให้ทางเลือกที่ดีที่สุดแก่เธอ และเธอก็เป็นคนเลือกเอง” นรสิงห์ตอบเรียบเหมือนไม่ใช่เรื่องใหญ่
“เอาเถอะ... แล้วเรื่องเสี่ยทรงพลล่ะ?”
“ฉันจะจ่ายหนี้ให้ทั้งหมดนั่นแหละ”
“แล้วจะให้ฉันไปช่วยคุยไหม” สุรัชเสนอตัวเพราะเขาก็รู้จักเสี่ยทรงพลเป็นอย่างดี
“ไม่ต้องหรอก ฉันว่าจะไปคุยด้วยตัวเอง แค่นายช่วยโทรนัดให้ฉันก็พอ” นรสิงห์พูดต้องการเผชิญหน้าด้วยตัวเองเพื่อแสดงให้เสี่ยทรงพลรู้ว่าหลังจากนี้เขาจะเป็นเจ้าของพีรญาแค่คนเดียวเท่านั้น
หลังจากให้สุรัชนัดเสี่ยทรงพลแล้วนรสิงห์ก็ขับรถไปยังผับของเสี่ยทรงพลซึ่งตอนนี้ไม่มีลูกค้าแล้ว แต่เสี่ยก็ยังรออยู่ที่นั่น
การเจรจาเกิดขึ้นสั้น ๆ และเด็ดขาดภายในห้องทำงานด้านหลังผับที่อบอวลไปด้วยควันบุหรี่ นรสิงห์วางเงินสดสามแสนบาท ที่ถูกมัดอย่างเรียบร้อยไว้บนโต๊ะ
“นี่คือเงินต้นพร้อมดอกเบี้ยทั้งหมดของพีรญา” นรสิงห์พูดเสียงเรียบแต่ฟังดูมีอำนาจ
“ฉันอยากรู้แล้วว่าผู้หญิงคนนั้นมีดีอะไร แกถึงยอมจ่ายมากขนาดนี้” เสี่ยทรงพลมองหน้านรสิงห์สลับกับเงินบนโต๊ะแล้วหัวเราะ
“ฉันไม่จำเป็นต้องตอบคำถามนี้หรอกนะ ขอสัญญากู้เงินของเธอคืนด้วยและจากนี้ไปก็อย่ายุ่งกับเธออีก พีรญาอยู่ภายใต้การดูแลของฉัน ถ้าคนของแกไปแตะต้องเธอแม้แต่ปลายเล็บ ธุรกิจของแกไม่ได้ขาวสะอาดฉันคิดว่าแกคงไม่อยากยุ่งกับตำรวจ”
“ฉันก็ไม่อยากยุ่งหรอก ถ้าเธอไม่ใช่ลูกหนี้” เสี่ยทรงพลเปิดลิ้นชักแล้วหญิงสัญญาเงินกู้ของพีรญาออกมาอย่างไม่เต็มใจเท่าไหร่นัก เขาอยากได้เธอมาทำงานที่ผับมากกว่าเพราะคิดว่าผู้หญิงสวย ๆ อย่างพีรญาคงจะทำเงินได้มาก แต่เมื่อมีคนเอาเงินมาใช้หนี้ให้แล้วเขาก็จำต้องคืนสัญญาเงินกู้นั้นไป
หมอนรสิงห์รับสัญญามาถือไว้จากนั้นก็เดินออกมาจากผับด้วยความโล่งใจ เขารีบขับรถกลับมาที่บ้านระหว่างทางก็โทรศัพท์ไปบอกสุรัชว่าทุกอย่างเรียบร้อยเพราะฝ่ายนั้นค่อนข้างเป็นห่วงที่เขาไปในถิ่นของเสี่ยทรงพลคนเดียว
วางสายจากสุรัชแล้วเขาก็ส่งข้อความบอกพีรญาให้เก็บของเพื่อย้ายไปอยู่คอนโดมิเนียมที่เตรียมไว้ นรสิงห์ไม่อยากพาเธอไปอยู่ที่บ้านเพราะเป็นพื้นที่ส่วนตัวที่ไม่เคยให้ผู้หญิงคนไหนไปเหยียบ
หลังจากกลับมาถึงห้องพักพีรญาก็อาบน้ำและเข้านอนด้วยความเหนื่อยทั้งกายทั้งใจ หญิงสาวไม่รู้ว่าหมอนรสิงห์จะช่วยเธออย่างที่พูดเอาไว้หรือเปล่า เขาบอกว่าถ้าทุกอย่างเรียบร้อยเขาจะให้เธอย้ายออกไปจากที่นี่ เธอไม่รู้ว่าเขาจะไปคุยกับเสี่ยทรงพลตอนไหนในใจจึงได้แต่ว้าวุ่นก่อนจะเผลอหลับไปเพราะความเหนื่อย
เช้าวันใหม่หญิงสาวรีบตื่นแต่เช้าเพราะต้องไปทำงานที่คาเฟ่ เธอหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาดูแล้วก็ยิ้มด้วยความดีใจ เมื่อเห็นข้อความจากหมอนรสิงห์ซึ่งเขาส่งมาตั้งแต่เวลาตีสามแต่ตอนนั้นเธอเข้านอนไปแล้ว
“ฉันเคลียร์หนี้กับเสี่ยทรงพลให้แล้ว ฉันให้เวลาเธอเก็บของหนึ่งวัน วันมะรืนฉันจะไปรับ”
พีรญาอ่านข้อความนั้นซ้ำไปซ้ำมาอยู่หลายรอบความรู้สึกของหญิงสาวในตอนนี้คือทั้งดีใจโล่งในที่ไม่ต้องไปทำงานที่ผับของเสี่ยทรงผล แต่อีกใจหนึ่งกลับตื่นเต้นและประหม่าที่ต้องย้ายออกจากห้องพักไปอยู่ในที่ที่หมอนรสิงห์จัดให้
“เฮ้อ....”
หญิงสาวเลือกเก็บเฉพาะของที่จำเป็นและหนังสือเรียน ส่วนของใช้อื่น ๆ เธอก็ทิ้งไว้ที่หอพักก่อนเพราะไม่รู้ว่าตนเองจะไปอยู่กับหมอนรสิงห์นานแค่ไหน หลังจากเก็บของเสร็จหญิงสาวก็ไปทำงานที่คาเฟ่อย่างเดิม
…
โรงพยาบาลเอกชนแห่งหนึ่ง
“ว่าไงวะสิงห์ ได้ข่าวว่าช่วงนี้ไปเฝ้าเด็กที่ร้านทุกคืนเลยเหรอ ถึงขนาดและเวรคอนซัลกับหมอคนอื่นเลยนี่” คำพูดทักทายของหมอทิวากรดังขึ้นทันทีเมื่อประตูห้องทำงานเปิดออก
“ก็ตามนั้น” นรสิงห์รู้ว่าถึงปิดบังหรือโกหกไปทิวากรก็คงไม่เชื่อเพราะเขาคงคุยกับสุรัชมาแล้ว
“ดูจริงจังกว่าทุกคนเลยนะ”
“ไม่ขนาดนั้นหรอกก็แค่สงสารไม่อยากให้เด็กเสียอนาคต ถ้าต้องให้เธอไปทำงานที่ร้านของเสี่ยทรงพล ฉันว่าเธอคงรับไหมไหวหรอกนะ”
“แล้วแม่ของนายล่ะ ท่านรู้เรื่องนี้ไหม”
“ไม่ และนายก็ไม่ต้องไปบอกนะ ฉันไม่อยากให้พรีมเดือดร้อน”
“ฉันรู้หรอกน่า ว่าแต่ให้เธอไปอยู่ที่ไหน”
“ก็คอนโดที่อยู่ใกล้ ๆ มหาลัยนั่นแหละ เธอจะได้เดินทางไปเรียนสะดวก”
“อ๋อ ที่นายเคยให้คนเช่าน่ะเหรอ นี่คงไม่ได้ไล่คนเช่าออกเพื่อให้ผู้หญิงไปอยู่แทนหรอกนะ”
“เปล่า คนเช่าคนเก่าออกไปสองเดือนแล้วฉันให้ปรับปรุงห้องและตกแต่งใหม่เพิ่งเสร็จยังไม่ได้ประกาศให้คนเช่า ก็เลยให้พรีมไปอยู่ที่นั่น” นรสิงห์
“จะให้อยู่นานแค่ไหน”
“ก็จนกว่าเธอจะเรียนจบ”
“นั่นมันอีกตั้งปีหนึ่งเลยนะ นายจะไม่เบื่อเหรอ” ทิวากรรู้ว่าคนอย่างนรสิงห์ที่ดูเหมือนเป็นคนเงียบขรึมนั้นเขาเป็นคนเจ้าชู้ละไม่เคยคบใครอย่างจริงจัง อย่างมากก็จะมีคู่นอนซึ่งส่วนใหญ่แล้วระยะเวลาที่เขาสนใจใครก็ไม่เกินสามเดือน
“เรื่องนั้นฉันก็ไม่รู้ แต่พรีมเธอน่าสงสารมากนะ”
นรสิงห์เล่าเรื่องราวของพีรญาให้กับทิวาการฟังคร่าว ๆ ว่าเพราะอะไรเธอถึงต้องมาทำงานกลางคืน
“นายคิดว่าเรื่องทั้งหมดเป็นเรื่องจริงเหรอ”
“อือ....ฉันสืบมาแล้วทุกอย่างเป็นเรื่องจริง”
“ปากนายบอกไม่จริงจังแต่การกระทำดูเหมือนว่ามันจะสวนทางกันนะ แต่ในเมื่อมันเป็นความสุขของนายฉันก็ไม่ว่าอะไรหรอก ถ้ามีอะไรให้ช่วยก็บอกนะ”
“อือ ขอบใจมาก ที่ฉันอยากให้นายช่วยก็คือช่วยเก็บเป็นความลับก็พอ”