นับจากคืนที่พีรญาก้าวลงจากรถของหมอนรสิงห์ พร้อมกับคำว่า ‘ขอต่อเวลาอีกนิด ขอให้พรีมได้คิดอีกหน่อยนะคะ’ นาฬิกาชีวิตของเธอก็เริ่มเดินหน้าอย่างรวดเร็ว เธอเหลือเวลาไม่ถึงสิบวันในการหาเงินหนึ่งแสนบาทมาใช้หนี้ให้กับเสี่ยทรงพลเพื่อศักดิ์ศรีของตนเองเอาไว้
พีรญานอนไม่หลับเลยตลอดคืนนั้น สมองของเธอเต็มไปด้วยภาพของทางเลือกที่บีบคั้น นรกของเสี่ยทรงพลที่เธอรู้ดีว่าจะทำลายชีวิตเธอจนไม่เหลือชิ้นดีกับข้อเสนอของนรสิงห์ที่แม้จะปลอดภัยกว่าแต่ก็คือการแลกศักดิ์ศรีกับความช่วยเหลือ
เช้าวันรุ่งขึ้นเธอตื่นขึ้นมาด้วยใบหน้าที่บวมช้ำจากการร้องไห้ แต่ก็ต้องฝืนตัวเองให้ลุกขึ้นแต่งตัวไปทำงานที่คาเฟ่ พีรญาขอเปลี่ยนกะทำงานเป็นกะที่ยาวนานขึ้นและรับงานทำความสะอาดเพิ่มเติม หญิงสาวทำทุกอย่างที่ได้เงิน ความสิ้นหวังทำให้เธอไม่สนใจความรู้สึกอื่นใดนอกจากเงินเพียงอย่างเดียวเท่านั้น
เมื่อตกกลางคืนพีรญาก็ไปทำงานที่ผับของสุรัชต่อ เธอพยายามเร่งทำยอดเครื่องดื่มและรับทิปจากลูกค้าให้ได้มากที่สุด ทุกรอยยิ้มที่เธอฝืนส่งให้แขก ทุกแก้วที่เธอก้มลงเสิร์ฟ มันคือการต่อสู้เพื่อศักดิ์ศรี
หมอนรสิงห์ยังคงแวะมาที่ผับทุกคืนแม้ว่าเขาจะทำงานเหนื่อยมาตลอดทั้งวันก็ตาม ในทุกคืนที่มาก็จะนั่งอยู่ที่มุมเดิมบนชั้นสอง แต่ก็พยายามรักษาระยะห่างเพราะอยากให้เวลาและพื้นที่เพื่อตัดสินใจของเธอตามที่ขอแต่การที่เขาอยู่ตรงนั้น มันคือการตอกย้ำถึงทางเลือกที่กำลังรออยู่
การมองเห็นเขาทำให้พีรญารู้สึกเหมือนตนเองกำลังถูกจ้องจับผิดแต่อีกความรู้สึกหนึ่งที่แทรกเข้ามาก็คือความปลอดภัยเพราะรู้ว่าหากคนของเสี่ยทรงพลมาหาเธออีกก็จะมีเขาคอยช่วย
เมื่อเหลือเวลาเพียงห้าวัน ความกดดันก็เพิ่มมากขึ้น
คืนหนึ่งในขณะที่พีรญากำลังขี่มอเตอร์ไซค์กลับหอพักหลังผับปิด คนของเสี่ยทรงพลก็มาดักรอเธออีกครั้ง คืนนี้พวกเขาไม่ได้มาทวงเงินแต่มาพร้อมกับรอยยิ้มที่เต็มไปด้วยความน่ากลัว
“ไงพรีม ทำงานหนักจนหน้าโทรมเชียวนะ” ชายคนหนึ่งพูดขณะพิงรถมอเตอร์ไซค์ของตนเอง
พีรญาตัวแข็งทื่อความกลัวแล่นจับขั้วหัวใจ แต่หญิงสาวก็พยายามรักษาน้ำเสียงให้เป็นปกติที่สุด
“ฉันกำลังหาเงินอยู่”
“เสี่ยไม่ได้ให้ฉันมาทวงหรอก แค่มาเตือนว่าอีกไม่กี่วันก็สิ้นเดือนแล้ว” ชายอีกคนว่า
“รู้ไหมว่าผับของเสี่ยมีอะไรดี มีห้องพักส่วนตัวที่หรูหรากว่าหอพักเน่า ๆ ของเธอเยอะ มีเสื้อผ้าสวย ๆ ให้ใส่ มีเงินให้ใช้ ไม่ต้องมาเดินขาขวิดเสิร์ฟเหล้าแบบนี้” ชายอีกคนพูดเสริม
“ฉันไม่ไป” พีรญากัดฟันตอบ
“อย่าปากแข็งนักเลย ใคร ๆ ก็อยากได้โอกาสนี้นะ แต่เสี่ยให้โอกาสแค่เธอ เพราะเสี่ยชอบความดื้อรั้นของเธอ ลองคิดดูนะ แค่คืนเดียว ที่นั่น เธอได้เงินมากกว่าที่เธอทำงานที่นี่ทั้งเดือนรวมกัน” เขายิ้มอย่างน่ารังเกียจ
“ฉันบอกว่าไม่ไป!” เธอยืนยันหนักแน่น
“ได้… งั้นก็เตรียมตัวไว้แล้วกัน เพราะถ้าถึงวันที่เสี่ยสั่ง ต่อให้เธออยากอยู่กับผู้ชายคนไหนหรือซ่อนตัวที่ไหนเสี่ยก็จะให้คนมาลากเธอเอง” เขาข่มขู่เสียงเหี้ยมก่อนจะพากันหัวเราะเสียงดังแล้วขี่มอเตอร์ไซค์จากไปทิ้งให้พีรญายืนตัวสั่นอยู่ท่ามกลางความมืดมิด
....
หลังกลับถึงหอพักพีรญาเทเงินทั้งหมดที่หามาได้ตลอดห้าวันที่ผ่านมาลงบนเตียงมันคือหยาดเหงื่อและศักดิ์ศรีที่เธอพยายามรักษาไว้เธอใช้เครื่องคิดเลขกดตัวเลขรวมกันแล้วถอนหายใจ
“แค่เก้าพันเจ็ดเองเหรอ”
แม้จะทำงานหนักจนร่างกายแทบแหลก แต่จำนวนเงินที่ได้ก็ไม่ถึงสิบเปอร์เซ็นต์ด้วยซ้ำ น้ำตาที่เริ่มไหลรินอีกครั้ง คราวนี้ไม่ใช่ความโกรธ แต่เป็นความสิ้นหวังที่แท้จริง หญิงสาวรู้สึกเหมือนกับตนเองกำลังยืนอยู่บนหน้าผา
เธอทิ้งตัวลงนอนบนเตียงด้วยความหมดหวัง มองเพดานเก่าๆ อย่างเลื่อนลอย นึกถึงคำพูดของนรสิงห์ ‘อย่างน้อยฉันก็ไม่ทำให้เธอตกนรกแบบที่ผับของเสี่ยทรงพลจะทำ ศักดิ์ศรีไม่ใช่สิ่งที่เธอมีโอกาสรักษาไว้นานนะพรีม’
น้ำเสียงของเขาไม่ได้ฟังดูดูถูกอีกแล้ว แต่มันฟังดูเหมือน คำเตือนของศัลยแพทย์ที่เห็นคนไข้กำลังจะตาย การรักษาความบริสุทธิ์อาจไม่ใช่สิ่งจำเป็นสำหรับเธออีกต่อ
แล้ววันสุดท้ายของเส้นตายมาถึงพีรญาไปทำงานที่ผับด้วยร่างกายที่อ่อนล้าและหัวใจที่กำลังแตกสลาย เพราะมันเป็นวันที่เธอต้องตัดสินใจแล้วมันเป็นการตัดสินใจที่เจ็บปวดที่สุดในชีวิต
คืนนี้หมอนรสิงห์มาถึงที่ผับอย่างเคย เขาเฝ้ามองเธออยู่ห่าง ๆ แต่ในใจกลับเป็นกังวลว่าเธอจะยอมรับข้อเสนอของเขาหรือเปล่า นรสิงห์รอคอยอย่างใจจดใจจ่อ
เมื่อเวลาใกล้เที่ยงคืนพีรญาเดินขึ้นไปที่ชั้นสองแล้วเธอเดินตรงไปที่โต๊ะของหมอนรสิงห์ด้วยความรู้สึกพ่ายแพ้
นรสิงห์มองเธอเงียบ ๆ เขาเข้าใจในความเจ็บปวดของพีรญาว่ามันยากแค่ไหนที่จะเดินมาบอกใครสักคนว่าเธอพร้อมที่จะเป็นของใครสักคนโดยไม่เต็มใจเลยแม้แต่น้อย
“นั่งสิพรีม”
หญิงสาวเธอนั่งลงอย่างช้า ๆ มองเธอไม่กล้าสบตาเขาเพราะละอายเกินกว่าจะพูดออกไปว่าเธอยอมแพ้แล้ว เธอยอมให้เขาดูแลและช่วยเหลือแล้ว
พีรญาเงียบไปครู่หนึ่งกลืนน้ำตาที่จุกอยู่ในคอลงไปนี่คือการยอมจำนนต่อโชคชะตา
“พรีมยอมรับข้อเสนอของคุณค่ะ” เธอบอกเสียงแผ่วแล้วเงยหน้าขึ้นมองเขา ดวงตาของเธอเต็มไปด้วยความหวาดกลัวและคำถามที่ยังค้างคา
“มีอะไรอีกหรือเปล่า”
“พรีมขอถามเพิ่มค่ะ”
“ว่ามาสิ”
“พรีมต้องอยู่กับคุณนานแค่ไหนค่ะ”
“ฉันจะปล่อยเธอไป… เมื่อถึงเวลาที่ฉันพอใจเท่านั้น”
“แล้วถ้าระหว่างนี้คุณหมอมีแฟนล่ะคะ คุณหมอจะยังให้พรีมเป็นผู้หญิงของคุณหมออีกหรือเปล่า”
“เรื่องนั้นฉันไม่แน่ใจ เพราะอะไรถึงถามแบบนี้”
“พรีมไม่อยากทำร้ายผู้หญิงด้วยกันค่ะ ถ้าคุณหมอมีคนรักก็ต้องปล่อยพรีมคุณหมอจะตกลงไหมคะ”
“อือ....” นรสิงห์รับปากเพราะเขาเองไม่คิดจะมีคนรักหรือมีครอบครัว เขาชอบใช้ชีวิตอิสระแต่ที่ยอมยื่นมือมาช่วยเหลือเพราะรู้สึกชอบและถูกชะตาแต่ถ้าจะให้จริงจังถึงขั้นคบหาอย่างคนรักมันไม่อยู่ในหัวเขาเลย
“พรีมต้องนอนกับคุณบ่อยแค่ไหนคะ”
“นี่เธอ....” เพราะคำถามที่ตรงไปตรงมาทำให้นรสิงห์ถึงกับไปไม่ถูก รอยยิ้มมุมปากของเขาผุดขึ้นอย่างที่เธอไม่เคยเห็นมาก่อน
หญิงสาวจ้องอย่างรอคอยคำตอบ
“เธอคิดว่าฉันเป็นคนยังไงกันนะ คิดว่าที่ช่วยเพราะแค่อยากจะนอนด้วยแค่นั้นเหรอ”
“หรือว่าไม่ใช่คะ ถ้าพรีมเข้าใจผิดพรีมก็ขอโทษด้วยค่ะ”
“เรื่องนั้นมันก็ใช่....แต่ทำไม่คิดบ้างล่ะว่าถ้าฉันต้องการนอนกับใครสักคนฉันไม่จำเป็นต้องจ่ายเยอะขนาดนั้นเลย มีผู้หญิงหลายคนที่พร้อมจะนอนกับฉันโดนไม่ต้องจ่ายเงินเลย”
พีรญาเข้าใจคำตอบของเขาเป็นอย่างดี และเธอก็ต้องยอมเพราะการนอนกับหมอนรสิงห์ก็ดีกว่าไปทำงานที่ผับของเสี่ยทรงพล
“ฉันไม่บังคับนะ ให้เธอตัดสินใจเอง ถ้าพร้อมฉันจะจัดการเรื่องหนี้ให้”
“พรีมตกลงค่ะ”