หลังจากทานอาหารตรวจเลือดและเลือกวิธีคุมกำเนิดแล้วนรสิงห์ก็พาพีรญามาส่งที่คอนโด
ชายหนุ่มรอจนกระทั่งหญิงสาวเก็บของเข้าที่แล้วเขาก็เรียกเธอมานั่งข้าง ๆ
“พรีม” เสียงเข้มต่ำของเขาเรียกชื่อเธอ ทำให้หัวใจเธอสั่นระรัว
“คะ?”
“เธอรู้ใช่ไหมว่าการมาอยู่ที่นี่ มันหมายถึงอะไร”
“รู้ค่ะ….พรีมรู้” เธอตอบแล้วก้มหน้าไม่กล้าสบตาเขา
เขาขยับเข้ามาใกล้จนเธอได้กลิ่นน้ำหอมราคาแพงซึ่งเป็นกลิ่นที่เธอจำได้ตั้งแต่คืนแรกที่เจอ
“ดี รู้ไว้นะพรีมว่าคนอย่างฉันไม่ชอบเด็กดื้อ” เขายกมือขึ้นมาจับปลายคางเธอเบา ๆ
การใกล้ชิดแบบนี้ทำให้พีรญารู้สึกประหม่าและตื่นเต้น เธอเคยใกล้ชิดเขามาแล้วก็หลายครั้งแต่มันต่างจากวันนี้วันที่เขามีสิทธิ์ในตัวของเธออย่างเต็มที่
“คือ....คืนนี้…” หญิงสาวอยากปฏิเสธว่าเธอยังไม่ได้ทานยาคุมกำเนิดและผลเลือดก็ยังไม่ออกแต่ก็ไม่กล้าพูดออกมา
“คืนนี้ฉันไม่ค้างหรอก เอาไว้วันไหนมาหาจะบอก”
“ค่ะ” พีรญาเผลอโล่งใจและยิ้มจนเห็นได้ชัด
“ดีใจมากหรือไงที่ฉันไม่อยู่”
“มะ… ไม่ได้ดีใจค่ะ แค่… แค่กลัว”
“ฉันให้เวลาเธอเตรียมตัวและเตรียมใจ พรุ่งนี้ฉันอาจมาหรืออาจไม่มา แต่ไม่ว่าเมื่อไหร่ที่ฉันมาหา….เธอต้องพร้อม เข้าใจใช่ไหม” เขาพูดแล้วหัวเราะในลำคอ
“ค่ะ… พรีมเข้าใจค่ะ”
“ฉันไปล่ะ” นรสิงห์ยิ้มก่อนจะลุกขึ้นแล้วเขาก็เดินออกจากห้องไปทิ้งให้พีรญานั่งอยู่บนโซฟากลางห้อง เธอถอนหายใจยาวด้วยความโล่งอก
ในความเงียบงันเธอมองไปรอบ ๆ ห้องใหม่ที่หรูหราเกินฐานะของตัวเองห้องที่เธอไม่ได้เป็นเจ้าของ ชีวิตที่เธอก็ไม่ได้เป็นเจ้าของอีกต่อไป พีรญาพิงพนักโซฟาอย่างหมดแรง ‘นี่หรือสถานะเด็กเลี้ยง’ เธอคิดในใจ
แต่สุดท้ายเธอก็ต้องยอมรับความจริงถึงมันจะไม่ใช่ชีวิตที่เธอเลือกตั้งแต่แรก แต่ตอนนี้มันคือทางรอดเดียวที่เธอเหลืออยู่เท่านั้น
เธอรอจนมั่นใจแล้วว่าหมอนรสิงห์จะไม่กลับมาอีก พีรญาก็หยิบโทรศัพท์ขึ้นมาโทรหาวรษาเพราะจะบอกว่าคงมาไปทำงานที่ผับของคุณสุรัชอีกแล้ว หญิงสาวรู้สึกผิดกับเพื่อนมากเพราะตอนแรกวรษาเป็นคนพาไปทำงานที่นั่นและสอนงานหลายอย่างแต่ตนเองกลับทำงานได้เพียงแค่เดือนกว่าเท่านั้น
“ปลาแกทำอะไรอยู่ออกจากหอหรือยัง” พีรญารีบถามเมื่อเพื่อนรับสาย
“ยังเลยพรีม ฉันเพิ่งอาบน้ำเสร็จ แกล่ะเตรียมตัวหรือยัง” วรษาถามขณะที่มืออีกข้างก็เริ่มแต่งหน้าไปพลาง ๆ ก่อน
“ปลา ฉันคงไม่ไปทำงานที่ผับของคุณสุรัชแล้วล่ะ”
“อ้าว!....ทำไมล่ะพรีม อย่าบอกนะว่าแฟนไม่ให้มาทำเหมือนยายพลอยอีกคน”
“แกหมายความว่ายังไงปลา”
“ก็ยายพลอยน่ะสิ เมื่อวานทะเลาะกับแฟนใหญ่โตเลย เรื่องที่มาทำงานพิเศษที่ผับ เขาไม่อยากให้ทำงานกลางคืน แต่แกยังไม่มีแฟนนี่พรีม แล้วทำไมถึงจะไม่มาทำงานล่ะ” หญิงสาวถามอย่างสงสัยเพราะงานนี้เงินค่อนข้างดีกว่างานอื่น
“ฉันรู้สึกเหนื่อยมาก ๆ น่ะปลา ตอนกลางวันฉันทำงานที่คาเฟ่แล้วกลางคืนยังต้องไปทำที่ผับอีกคิดว่าทำสองงานคงไม่ไหว ถ้ายังทำต่อคงได้ตายกันพอดี”
“แล้วเรื่องหนี้ของแกล่ะ แกบอกว่ามีหนี้เยอะไม่ใช่เหรอ”
“ฉันคุยกับเจ้าหนี้แล้วคงทยอยจ่ายน่ะปลา ขอโทษแกด้วยนะ” พีรญารู้ว่าผิดที่โกหกเพื่อนแต่เธอก็ให้ใครรู้เรื่องนี้ไม่ได้ถึงแม้จะเป็นเพื่อนสนิทก็ตาม ทุกอย่างระหว่างเธอกับหมอนรสิงห์คงจะเป็นความลับที่พีรญาต้องรักษาด้วยชีวิต
“แกจะมาขอโทษฉันทำไม แกไม่ได้ทำอะไรผิดนี่พรีม แล้วงานนี้มันก็เป็นงานอิสระนะ แต่แกบอกคุณสุรัชแล้วใช่ไหมหรือจะให้ฉันบอกเขาเอง”
“ฉันบอกเขาแล้ว แกว่าคุณสุรัชเขาจะโกรธแกไหม”
“เขาจะโกรธฉันทำไมล่ะพรีม”
“ก็เพราะแกเป็นคนชวนฉันไปทำงานแล้ว ฉันก็ทำไม่นานไง”
“ไม่หรอกที่นี่คนเข้าออกเป็นว่าเล่น ฉันเองก็คงไม่ทำไปตลอดหรอก ถ้าเปิดเทอมก็คงเลิกทำเหมือนกันเพราะถ้าไปฝึกงานคงไม่ดีเท่าไหร่ถ้าจะทำงานกลางคืนไปด้วย” วรษาบอกเพื่อนถึงสิ่งที่ตนเองคิดเอาไว้
“ที่บริษัทเขาห้ามเหรอปลา”
“ก็คงไม่ห้ามหรอกแต่ฉันกลัวแจ๊กพ็อตน่ะ”
“หมายความว่ายังไง”
“ก็หมายความว่าถ้าเกิดเรามาทำงานกลางคืนแล้วมันบังเอิญว่าคนที่มาเที่ยวเป็นพนักงานหรือเป็นรุ่นพี่ในบริษัทที่เราฝึกงานขึ้นมามันคงดูไม่ดีเท่าไหร่ ฉันไม่อยากเสี่ยงเพราะถ้าฝึกงานไม่ผ่านเราคงต้องจบช้ากว่าเพื่อนคนอื่น”
“ฉันเห็นด้วยกับที่แกพูดนะ แกก็ไม่ได้ร้อนเงินเท่าไหร่ถ้าไม่ทำงานตอนกลางคืนก็คงไม่เดือดร้อน”
“อือ....ฉันไม่ได้ร้อนเงินแต่ที่ฉันทำเพราะฉันสนุกน่ะ อยู่หอคนเดียวก็เหงา อีกอย่างงานนี้ก็เงินดีถึงแม้จะเปลืองตัวไปหน่อยก็เถอะเพื่อนเราก็ทำกันหลายคน มีบางคนช่วงปิดเทอมไปทำที่ผับของเสี่ยทรงพลด้วยนะ”
“อะไรนะ” พีรญาตกใจเมื่อได้ยินชื่อของเสี่ยทรงพล
“ไม่ต้องตกใจหรอกน่า เดี๋ยวนี้ผู้หญิงเขามีวิธีหาเงินแบบรวดเร็วน่ะ” วรษาพูดเหมือนเรื่องวนี้เป็นเรื่องปกติทั่วไป
“มันน่าอายมากใช่ไหมปลา” หญิงสาวถามเพราะกำลังนึกถึงตัวเองที่ยอมแลกทุกอย่างเพื่อเงินเหมือนกัน
“มันก็คิดได้หลายแบบนะพรีม จะว่าน่าอายก็น่าอายแต่มันก็เป็นสิทธิส่วนบุคคล เงินมันหายากถ้าคนเรามันถึงทางตันก็คงต้องทำ”
“แกหมายความว่าถ้าวันหนึ่งแกเดือดร้อนเรื่องเงินมาก แกจะไปทำงานที่นั่นเหรอ”
“ฉันเองก็ไม่รู้นะ ถ้าฉันจนตรอกจริงก็อาจจะทำแล้วที่แกถามฉันแบบนี้ไม่ใช่ว่าอยากจะไปทำงานที่นั่นนะ”
“ไม่หรอกน่า”
“โล่งใจไปหน่อย ฉันรู้มาว่าลูกค้าส่วนใหญ่จะมีแต่พวกแก่ ๆ ทั้งนั้นแหละ หน้าตาสวย ๆ อย่างแกต้องหาแฟนหล่อ ๆ รวย ๆ ได้สบายมากอยู่แล้ว หรือถ้าจะมีเสี่ยเลี้ยงก็ต้องเป็นเสี่ยหล่อๆ”
คำพูดของวรษาแทงใจของพีรญาเข้าอย่างจังเพราะตอนนี้เธอก็กำลังถูกเลี้ยงแต่ไม่ใช่จากเสี่ยเหมือนที่เพื่อนพูดแต่เขาคือคุณหมอหนุ่มสุดหล่อ
“แล้วแบบนั้นมันไม่น่าอายหรือไงล่ะ”
“น่าอายตรงไหน ถ้าเขาเต็มใจจะดูแลเลี้ยงดูเราโดยที่เราไม่ได้เอาตัวไปเสนอสักหน่อย แต่เขาต้องยังไม่มีครอบครัวนะ”
“แกคิดอย่างนั้นเหรอ”
“อือ...แล้วแกล่ะพรีม ถ้ามีคนเสนอเงินให้เป็นเด็กของเขาแล้วคนที่เสนอทั้งหล่อทั้งรวยแกจะตกลงไหม”
“ฉันเองก็ไม่รู้เหมือนกัน” หญิงสาวตอบด้วยเสียงที่ฟังดูเครียด
“เฮ้ย!....ฉันแค่ถามเล่น ๆ น่าแกอย่าเครียดไปเลย ฉันว่าเราคุยกันแค่นี้ก่อนดีไหมฉันจะต้องไปทำงานแล้ว เอาไว้วันไหนเรานัดกินข้าวกันนะ ยัยพลอยด้วย”
“ได้สิ”
หลังจากวางสายจากวรษา ความเงียบก็กลับมาอีกครั้งในคอนโดที่ใหญ่เกินตัว พีรญานั่งนิ่งอยู่นานและถามคำถามกับตัวเองซ้ำไปมาว่าเธอกำลังทำอะไรอยู่กันแน่
บนโต๊ะข้างโซฟายังมียาคุมกำเนิดแบบรายเดือนวางอยู่ทุกอย่างมันชัดแล้วว่าต่อจากนี้ ชีวิตของเธอเป็นของหมอนรสิงห์อย่างไม่มีทางเปลี่ยนแปลงอะไรได้
เธอเป็นของเขาแล้วจริง ๆ
พีรญาเอื้อมมือไปแตะกล่องยาคุมที่ยังซีลอยู่ด้วยปลายนิ้วสั่น
“เราต้องทำถึงขนาดนี้เลยเหรอ… แม่คะ พรีมทำถูกไหม” เธอคิดเงียบ ๆ ในใจ
หญิงสาวหวนถึงวันที่แม่ป่วยหนัก ตอนนั้นเธอทำงานทุกอย่างที่ทำได้ ยืมเงินทุกคนที่ยืมได้ แม้กระทั่งขายของใช้ของแม่ด้วยมือของตัวเองเพื่อให้แม่ได้รักษา แต่สุดท้ายแม่ก็จากไป ทิ้งหนี้ก้อนโตไว้ให้เธอจัดการต่อ
พีรญาหลับตาสูดหายใจลึกก่อนจะลุกขึ้นสำรวจห้องอีกครั้งเพื่อให้ชินกับการใช้ชีวิตใหม่ที่นี่ ในห้องครัวมีอุปกรณ์ใหม่เอี่ยม
ในห้องน้ำมีอุปกรณ์และผลิตภัณฑ์ราคาแพงที่เขาซื้อให้ ในตู้เสื้อผ้ามีชุดที่ใส่แล้วแทบจะปกปิดอะไรไม่ได้เลยแขวนอยู่
ทุกอย่างสะอาดสวยงาม ราคาแพง แต่ไม่ใช่ของเธอสักอย่างเพราะเธอเพียงแค่คนได้ใช้แต่ไม่ใช่เจ้าของเลยสักอย่างแม้กระทั่งตัวเธอเอง
หญิงสาวสูดหายใจเข้าอีกครั้งเธอพยายามบอกตัวเองว่าอย่างน้อยเธอก็มีที่ซุกหัวนอน มีเงินจ่ายหนี้และมีโอกาสเรียนต่อให้จบอย่างที่มารดาหวัง