ฟ้าจรดดิน

3626 Words
“ บอล แม่จะไปบ้านตานะ บอลจะไปด้วยหรือเปล่า ” “ แม่ไปเถอะครับ บอลทำตรงนี้ให้เสร็จก่อน แล้วมีใครไปเป็นเพื่อนแม่ไหม ” “ แม่จะพาเบญไปด้วยจ๊ะ ” “ งั้นแม่ไปเถอะครับฝากความคิดถึงตากับยายด้วย ” “ ได้จ๊ะ งั้นแม่ไปนะอย่ามัวแต่ทำงานจนลืมกินข้าวปลาละ ” “ ครับ ” ผมหันกลับมาทำงานหลังจากที่แม่เดินออกไปแล้ว ไม่รู้ว่าผมทำงานไปนานแค่ไหนจนได้ยินเสียง เรียกมาจากทางด้านหน้าบ้าน “ บอล บอลเว้ย ” “ อยู่หลังบ้านเดินมาเลย ” ผมตะโกนตอบเมื่อได้ยินเสียงบิ๊กตะโกนจากทางหน้าบ้าน “ ทำอะไรอยู่น่ะ ” “…..” “ อ้าว เพื่อนอุตส่าห์มาตั้งไกลจะมาเงียบใส่เพื่อนไม่ได้นะครับ ” “ ว่าไงบิ๊ก มีธุระอะไรหรือเปล่า มึงถึงมาหากูได้วันนี้ ” “ ไม่มี พอดีเมื่อเช้าเจอแม่ที่ตลาด คิดถึงกูเลยมาเยี่ยม แม่บอกว่า ปีหน้ามึงจะสอบเทียบหรอ ” “ อื้อ..” “ มากูช่วย ” “ ไม่ต้อง ไม่ต้อง ” ผมร้องห้ามออกไปเมื่อไอ้บิ๊กมันกำลังจะถอดเสื้อคลุมด้านนอกออกแล้วมาช่วยผมกรอกหัวเชื้อใส่ลงในถุง “ ไม่เป็นไรหรอกกูอยากช่วย และตอนนี้กูก็ว่าง ไม่มีอะไรทำด้วย ” “ งั้นดีเลย แต่บอกไว้ก่อนว่ากูไม่มีค่าจ้างให้นะ ” “ เออ แต่กูขอข้าวซักมื้อนะ คิดถึงฝีมือแม่ ” “ ได้สิ วันนี้แม่ไปบ้านยายพอดี กูจะได้มีเพื่อนกินข้าว ” “ ว่าแต่ ทำไมถึงอยากจะสอบเทียบล่ะ ” “….”ผมเงียบไม่ตอบ เพราะมีหลายคนแล้วที่ถามคำถามนี้กับผมแต่ผมก็ยังหาคำตอบให้เขาไม่ได้ “ หรือว่า มึงจะไปสอบตามน้าดินมึง ” ผมหันกลับไปมองหน้าบิ๊กพร้อมกับขมวดคิ้วเล็กน้อย “ ทำไมมึงคิดว่า กูจะไปสอบเทียบเพราะน้าดิน ” “ นี่บอล กูมีอะไรจะบอกมึง มึงอาจจะไม่รู้ตัว เวลามึงมองน้าดิน แววตามึงไม่ได้เหมือนน้ากับหลาน ” “….” ผมไม่ได้พูดอะไรออกไป เพราะสิ่งที่ไอ้บิ๊กพูดมามันคือความจริง “ กูไม่ได้อะไรหรอกนะ กูแค่อยากจะเตือนมึง ในฐานะเพื่อนคนหนึ่ง ว่า มันเป็นไปไม่ได้หรอก ถ้ามึงตัดใจได้มึงก็ควรตัดใจ อย่าปล่อยให้ตัวเองรู้สึกไปมากกว่านี้ ” “ ….” ผมหันไปจ้องหน้าไอ้บิ๊ก โดยไม่พูดอะไร ออกมาซักคำ “ มึงจะโกรธกูก็ได้นะเว้ย แต่กูอยากจะบอกว่ากูหวังดีกับมึงจริงๆ ” “ กูไม่โกรธมึงหรอก กูรู้ว่ามึงหวังดีกับกูจริงๆ ” ผมไม่ได้พูดอะไรออกไปนอกจากประโยคนั้น เราช่วยกันทำงาน จนเกือบเที่ยง ผมจึงพาบิ๊กเข้าบ้านเพื่อที่จะได้ ไปกินข้าวกัน “ ว่าแต่ มึงจะไม่คิดดูอีกหน่อยเหรอ ถ้าสอบเทียบมึงก็จะไม่ได้เรียนพร้อมเพื่อนนะ ” บิ๊กพูดขึ้นมาหลังจากเราเริ่มทานข้าวกัน “ …..” “ กูละเกลียดความเงียบของมึงจริงๆ แต่เอาเถอะยังไงกูก็เคารพการตัดสินใจของมึง ต่อให้มึงจะเรียน ก่อนกูปีหนึ่ง ยังไงเราก็คงเป็นเพื่อนกันอยู่ดี ดีซะอีก มึงได้เรียนก่อนกู จะได้กลับมาติวให้กูไง ” “ ฮ่ะฮ่ะ ” ผมอดหัวเราะให้กับคำพูดของบิ๊ก “ ไม่ต้องมาขำเลย กูพูดไปตั้งเยอะ มึงตอบกลับแค่เสียงหัวเราะนี้นะ สมแล้วที่เพื่อนชอบว่ามึง ยิ้มยาก ” “ ช่างกูเถอะ ว่าแต่มึงเถอะ มาช่วยกูเป็นวันขนาดนี้ ทางบ้านมึงไม่ว่าเหรอ ” “ กูบอกพ่อกับแม่ ว่าจะมาหามึง เขายังฝากความคิดถึงมาให้พ่อกับแม่มึงเลย แล้วอีกอย่าง บ้านกูน่ะคนงานเยอะ มึงไม่ต้องห่วงกูหรอก ” “ ใครบอกว่ากูห่วงมึง กูเกรงใจพ่อกับแม่มึงต่างหาก ” “ โถ่….” หลังจากกินข้าวเสร็จบิ๊กก็ขอตัวกลับ ผมจึงกลับไปทำงานต่อไม่รู้กี่ชั่วโมง รู้แค่ว่าตอนนี้ท้องฟ้าที่เคยเป็นสีครามเปลี่ยนเป็นสีส้มแล้ว และอีกไม่นานคงจะเปลี่ยนเป็นสีดำ ……. “ พี่บอลคะ ” ผมได้ยินน้องสาวตัวแสบผมตะโกนเรียกมาจากทางหน้าบ้าน “ …….. ” ผมไม่ได้ตอบรับไปหรอกครับเพราะผมรู้ว่าถ้าหาผมไม่เจอ เดี๋ยวก็เดินมาหลังบ้านเองแหละ เพราะเบญรู้ว่าจะหาผมเจอได้ที่ไหน “ พี่บอล ทำไมไม่ขานรับเบญบ้าง ประจำเลยนะ ไม่รู้จะประหยัดคำพูดไปถึงไหน ” “ ……… ” พอมาถึง มันก็ใส่ผมเป็นชุดเลย “ เอ๊า ยังจะเงียบอีก นี่เบญกำลังบ่นพี่อยู่นะ ” “ เพราะพี่เห็นเบญพูดเยอะแล้วไง พี่ถึงต้องเป็นคนฟัง ” “ นี่พี่บอลว่าเบญพูดมากเหรอ เบญงอนแล้ว ” ผมยิ้ม ให้กับท่าทางของน้องสาว จริงๆถึงผมจะไม่ค่อยพูด กับน้องสาวบ่อย แต่ผมก็รักน้องสาวคนนี้มาก ก็มีอยู่กันสองคนพี่น้องนี่ “ เปล่านี่ แล้วไปหาตากับยายเป็นไงบ้าง ท่านสบายดีไหม ” “ ก็สบายดีนะ แต่ ดูตาจะหน้าซีดๆ นะวันนี้แต่พอแม่ถามว่าเป็นอะไรตาก็บอกว่าไม่ได้เป็นอะไร เบญก็ไม่รู้เหมือนกันว่าเป็นอะไร ” จะว่าไปผมก็ไม่ได้เข้าไปหาตากับยายหลายอาทิตย์แล้ว คิดถึงเหมือนกันแหละ แต่ผมไม่ค่อยมีเวลาว่าง ไหนจะต้องทำงาน ไหนผมต้องอ่านหนังสืออีก เพราะผมบอกแม่ไปแล้ว ว่าผมจะสอบเทียบ ซึ่งแม่ก็ไม่ได้ว่าอะไร แค่บอกว่าถ้าไม่ไหวก็อย่าฝืน แต่ผมน่ะไม่เคยฝืนเลย ผมทำได้ทุกอย่าง เพื่อที่จะได้ไปเจอหน้าคนคนนั้น “ นี่พี่บอลน้าดินส่งรูปมาให้ดู ” ผมหันไปมองดูรูปในโทรศัพท์มือถือน้องสาว มันเป็นรูปผู้ชาย 5 คน ที่โต๊ะหินอ่อน ที่ไหนสักที่ผมคิดว่าน่าจะเป็นที่มหาลัยของเขา ในรูปมีผู้ชาย 2 คนนั่งข้างหน้า แล้วมีผู้ชายอีก 3 คนยืนข้างหลัง ผมไม่ได้สนใจผู้ชาย 3 คนที่ยืนข้างหลัง แต่ผมสนใจผู้ชายที่นั่งข้างน้าดินเป็นใคร ทำไมต้องเอามือกอดคอน้าดินขนาดนั้น “ คนนี้ใครเหรอ ” ผมเอามือเช็ดกับกางเกง ก่อนที่จะเอานิ้วไปจิ้มตรงรูปในโทรศัพท์ของน้องสาว “ คนนี้ น้าดิน ” “ รู้ ” ผมตอบน้องสาวออกไปด้วยหน้าตึงๆ แหมอธิบายมาได้ว่าคนนี้น้าดิน ก็เห็นกันมาตั้งแต่เกิดไหมล่ะ บางทีก็อยากจะเขกกะโหลกสักทีหนึ่งในความทะเล้นไม่รู้เวลาของมัน “ เบญแค่ล้อเล่นหน่อยเดียวเอง คนนี้น้าคราม คนนี้น้าต่อ ” “ เออ น้าต่อก็รู้จักจะอธิบายทำไม ” “ ว้าว พี่บอลพูดกับเบญยาวมากเลยเมื่อกี้ เบญน่าจะอัดเสียงไว้ทัน ” “ เอาดีๆเบญ ” ผมพูดเสียงดุๆส่งไปให้น้อง จริงๆผมหมดความสนใจตั้งแต่ผมรู้ว่า ผู้ชายที่นั่งอยู่ข้างหน้าดิน ชื่อครามแล้วแหละ “ ต่อๆ ส่วนคนที่ยืนตรงกลางเนี่ยน้าดินบอกว่าชื่อน้ากาน ส่วนคนที่ยืนริมสุดเนี่ย ชื่อน้าเบส น้าดินเขาบอกว่าเป็นเพื่อนใหม่เพิ่งรู้จักกัน แต่เขาบอกว่านิสัยก็ดีอยู่ ” “ อือ” ผมตอบรับน้องสาวไปสั้นๆแล้วหันกลับไปทำงานต่อ “ พี่บอลพอแล้วไปกินข้าวก่อน เดี๋ยวที่เหลือเบญจะช่วยเอง ” “ เอาดีๆว่าจะมาช่วยหรือจะมาขอค่าขนม ” “ แหมพี่บอลนี้รู้ทันเบญตลอดเลย ” เบญพูดเสียงอ่อยๆแล้วเดินเข้ามาเกาะ แขนผม บอกตรงๆว่าถ้าเกิดว่ามือผมไม่เปื้อนนะผมจะขยี้หัวมันให้ หมั่นเขี้ยวนัก อย่างที่บอกไป ว่าผมเริ่มจะศึกษาเกี่ยวกับเห็ดนางฟ้ามาสักพักหนึ่ง ซึ่งคนที่คอยสนับสนุนผม ก็ครอบครัวผมนี่แหละ ซึ่งหนึ่งในนั้นก็คือน้องสาวผม เพราะผมคงทำคนเดียวไม่ไหวหรอก ก็มีเบญนี่แหละคอยช่วย แต่จะว่าช่วยเต็มปากก็ไม่ได้ เพราะทุกครั้งที่ช่วยผมก็ต้องจ่ายค่าแรงให้น้องมัน ก็ไม่เหนือบ่ากว่าแรงหรอก เพราะถึงไม่ช่วย ทุกวันนี้ผมก็เป็นคนส่งเสียน้องเรียนนะ เพียงแต่ผมจะสอนน้องว่าต้องรู้จักทำงาน เพราะเราไม่ได้เกิดมาในครอบครัวที่สมบูรณ์แบบ “ ป่ะ จะช่วยเดี๋ยวค่อยมาช่วย ตอนนี้ไปหาข้าวให้พี่กินก่อน ” “ รับทราบค่ะ ” น้องสาวผมทำท่าตะเบ๊ะ แล้วก็วิ่งออกไป ผมจึงเดินไปล้างมือแล้วเดินตามออกไปหน้าบ้าน “ บอล งานไปถึงไหนแล้วลูก ” ขณะที่ผมจะเดินผ่านห้องรับแขก ไปยังห้องครัวพ่อผมก็ทักขึ้นมา “ เกือบเสร็จแล้วครับ ผสมหัวเชื้อเสร็จก็เหลือแต่กรอกใส่ถุง ” “ พ่อว่า มันเยอะไปนะ ถ้าลูกทำหมดนั่นน่ะ พ่อว่าเราคงต้องได้ขยายโรงเรือน ” “ ผมก็คิดอย่างนั้นเหมือนกันครับพ่อ แต่ไว้เดี๋ยวผมจะไปปรึกษาตาดู ว่าจะใช้โรงเรือนหลังบ้านของตาได้ไหม ” “ พ่อเห็นด้วยนะ เพราะถ้าเกิดว่า บอลไปทำงานที่โรงเรือนที่บ้านตา ก็จะได้อยู่เป็นเพื่อนตากับยายด้วย ” “ ดีเลยค่ะคุณ นี่ส้มกำลังจะปรึกษาคุณอยู่เลยว่าจะให้บอลน่ะไปพักอยู่กับตา เพราะวันนี้ส้มว่าพ่อกับแม่ไม่ค่อยสบาย แล้วอยู่กันแค่คนแก่ 2 คน ” “ ใช่ครับผมก็สังเกตุ ว่าวันนี้คุณพ่อแลหน้าซีดๆ ” “ ถ้างั้นเดี๋ยวผมไปกินข้าวก่อนนะครับเดี๋ยวค่อยมาคุยกัน ” ผมขอตัวไปเมื่อเห็นว่าพ่อกับแม่ผมคุยกัน “ จ๊ะไปเถอะ โน้นไอ้ตัวดีมันชะโงกหน้าออกมาอีกรอบแล้วนะ สงสัยวันนี้จะได้เสียตังค์อีกแล้วแหละ ” ผมหัวเราะให้กับคำพูดของแม่ ที่พูดถึงน้องสาวผม ที่มันมาเอาใจผมหาข้าวหาปลาให้ผมกินไม่ใช่อะไรหรอกครับ มันจะมาของานทำเพื่อที่จะขอค่าขนมต่างหาก “ แม่หนูได้ยินนะ ” น้องสาวผมตะโกนออกมาจากในครัว “ เป็นสาวเป็นนางตะโกนเสียงดังน่าเกลียด ” ผมพูดออกไปขำๆ ไม่ได้จริงจังอะไรหรอกครับ ปกติผมก็ไม่เคยเห็นมันจะเรียบร้อยสักที “ มากินข้าวเร็วๆ พี่บอลจะได้ไปทำงานกัน ” พูดเสร็จก็เดินมาดึงแขนผมไปนั่ง จัดแจงตักข้าวให้ผมเรียบร้อย ……………… “ บอล พรุ่งนี้ยายจะพาตาไปหาหมอนะ ” ยายพูดขึ้นขณะที่เรากำลังนั่งทานข้าวกันอยู่ ก็หลังจากวันนั้นที่ผมปรึกษากันกับพ่อแม่ ผมก็เก็บกระเป๋าย้ายของมาอยู่กับยายได้อาทิตย์กว่าๆแล้ว “ ครับยาย ” “ เหงาแย่เลยนะ ต้องมาอยู่กับคนแก่ๆ 2 คน ” ยายพูดขณะแกะเนื้อปลาใส่จานข้าวให้ตา แล้วเผื่อแผ่มาให้ผมด้วย “ เหงาอะไรล่ะครับยายบอลเต็มใจ ” ผมตอบยายพร้อมกับ ตักแกงไปใส่ถ้วยให้ตา “ แล้วนี่ได้โทรไปคุยกับดินบ้างหรือเปล่าเราน่ะ ” ตาถามผมขึ้นมา “ ไม่ค่อยได้โทรครับ ” ผมตอบออกไปพร้อมกับก้มหน้าลง ผมไม่อยากโกหกหรอก แต่ถ้าผมไม่โกหก ตากับยายต้องคิดว่าผม กับน้าดินมีปัญหากัน เพราะตั้งแต่วันที่ผมไม่ได้ไปส่งน้าดิน เหมือนยายจะคอยถามตลอด ว่าผมมีปัญหาอะไร กับน้าดินหรือเปล่า “ โทรหาดินบ้างนะ อยู่โน้นคงจะเหงา ก็ตอนอยู่ที่นี่เห็นตัวติดกันกับบอลตลอดเลย ” “ ครับ ” ผมรับคำของยายไปสั้นๆ “ เอาล่ะ ยายอิ่มแล้ว ถ้ากินอิ่มแล้วก็เก็บสำรับด้วยนะลูก ” “ ครับยาย ” หลังจากที่ผมกินข้าวเสร็จ เก็บกวาดบ้านเรียบร้อยผมก็เข้ามาในห้อง ซึ่งเป็นห้องเดิมของน้าดิน ยิ่งผมได้เข้ามานอนในห้องนี้ยิ่งทำให้ผมคิดถึง ยายบอกว่าอยู่โน้น คงเหงาแย่ ไม่ใช่แค่เขาหรอกที่เหงา ผมเองก็เหงาไม่ต่างกัน อาจจะเหงามากกว่าด้วย ป่านนี้จะเป็นยังไงบ้าง ยิ่งผมได้เห็นรูปที่น้องสาวเอาให้ดู ผมยิ่งติดใจว่าผู้ชายที่ชื่อครามสนิทกับน้าดินแค่ไหน ถึงขนาดนั่งกอดคอกัน ผมนอนคิดอะไรเรื่อยเปื่อยไปจนหลับ “ บอลยายไปแล้วนะ อยู่บ้านก็อย่าทำแต่งานล่ะ กินข้าวกินปลาด้วย ” “ ครับยาย จริงๆให้บอลไปส่งก็ได้นะ ” “ ไม่เป็นไรๆ ตาก็ยังเดินได้ยายก็ยังเดินได้ จริงๆตาจะไปคนเดียว แต่ยายเขาไม่ยอม บอกว่าจะไปเป็นเพื่อน ” ตาหันมาส่งยิ้มให้ผม พร้อมกับเดินจูงมือยาย ไปขึ้นรถประจำทาง ซึ่งผมโทรเรียกมาให้ ผมกลับไปทำงานอีกครั้ง ไม่รู้ผ่านไปนานเท่าไหร่ เผลอแป็บเดียวก็บ่ายคล้อยแล้ว ผมกำลังจะโทรหาตากับยาย ก็พอดีมีรถวิ่งมาจอดหน้าบ้าน ผมรีบก้าวเข้าไปรับตากับยายลงจากรถ “ เป็นไงบ้างครับ ” ผมถามออกไปหลังจากพาตากับยายมานั่งที่แคร่หน้าบ้านแล้ว “ ไม่มีอะไรหรอก ก็ โรคคนแก่ทั่วไปนั่นแหละ ” ตาตอบผม แล้วก้มลงเก็บของออกจากกระเป๋า แต่ทำไมผมรู้สึกว่า หน้าตา ของตาแลดูซีด และเวลาพูดก็ไม่ยอมสบตาผมด้วย “ เหรอครับ ” ผมตอบออกไปแค่นั้นไม่ได้ซักอะไรต่อ “ บอลกลับไปทำงานต่อเถอะลูก เดี๋ยวทางนี้ยายจัดการเอง ” “ ครับ ” ผมตอบยายไป แล้วเดินกลับไปทำงานของผมต่อ แต่ผมไม่ได้กลับไปทำงานหรอก ผมแค่กลับไปนั่งคิดว่าตากับยาย ต้องมีอะไรปิดบังผมแน่ๆ นั่งสักพักผมเห็นยายเดินผ่านไป ข้างหลังโรงเรือนที่ผมทำงานอยู่ ผมจึงแอบเดินตามไป ยายหยิบโทรศัพท์ออกมากดเบอร์ แล้วเอาขึ้นแนบหู ( …..) “ เป็นยังไงบ้างดิน ทำอะไรอยู่ ” ( ……) “ แม่มีเรื่องอยากจะบอก ดินทำใจดีๆไว้นะลูก ” ( ……… ) “ วันนี้ พ่อเขาไม่สบายแม่เลยพาไปหาหมอ แล้วหมอบอกว่า พ่อเป็นโรคไต ” ( …. …. ) “ หมอเขาบอกว่า พ่อต้องฟอกเลือดอาทิตย์ละ 2 ครั้ง ” ( ……. ) “ แต่ปัญหามันอยู่ที่ว่า ฟอกเลือดแต่ละครั้ง ค่าใช้จ่ายมันสูงน่ะลูก พ่อก็เลยคิดมาก จะไม่ฟอกนี่แม่ก็แอบมาโทรศัพท์ พ่อไม่รู้หรอก พ่อเขาไม่ให้บอกใคร ” ( ……….. ) “ แค่นี้ก่อนนะลูกแม่ต้องวางแล้ว พ่อเขาเรียกแล้ว ” ( ……… ) ยายวางสายไปแล้วหลังจากที่ได้ยินเสียงตาเรียก ผมไม่ได้ตั้งใจจะแอบฟังผมแค่อยากรู้ว่าตากับยายเป็นอะไรกัน และตอนนี้ผมรู้แล้ว ว่าตาไม่สบาย แล้วยายกับตาไม่คิดจะบอกพวกผม แต่เลือกที่จะบอกคนปลายสาย ซึ่งถ้าผมเดาไม่ผิด น่าจะเป็นคนที่ผม คิดถึงมากที่สุดในตอนนี้ หลังจากที่ยายเดินกลับไปหาตา ผมก็คำนวณเงินในบัญชีของผม มันมีพอที่จะพาตาไปรักษา แต่มันไม่มากพอที่จะรักษาได้ตลอด ผมต้องหาเงินเพิ่ม ผมตัดสินใจเข้าไปหาข้อมูลการตลาดในอินเตอร์เน็ตเพิ่มเพื่อที่จะขยายตลาด ผมใช้เวลาอยู่ 2 อาทิตย์เต็ม ผมก็ได้ข้อมูลมา ผมต้องรีบทำ เพื่อที่จะได้โทรไปบอกคนคนนั้น เขาจะได้ไม่ต้องคิดมาก วันนี้หลังจากที่ผม ติดต่อกับลูกค้าเสร็จผม ผมเดินไปหายายเพื่อจะคุยเรื่องค่าใช้จ่ายของตา ว่าผมจะออกค่าใช้จ่ายให้ทั้งหมด แต่ยายบอกว่าน้าดินโอนตังค์มาให้แล้ว ผมต่อสายหาน้าดินทันที ผมโทรไปถึง 3 ครั้ง ไม่มีใครรับสาย ครั้งที่ 3 ผมกะจะวางสายแล้ว แต่มีเสียงตอบรับจากปลายสาย ขึ้นมาก่อน ( สวัสดีครับ ) “ คุณเป็นใคร ” ผมถามคนในสายไปทันที เสียงนี้ไม่ใช่เสียงของน้าดิน เสียงนี้มันจะหวานหูมากกว่าเสียงของน้าดินซึ่งจะออกทุ้มนุ่มหู ( ดินไปห้องน้ำครับ ) “ ไปนานหรือยัง แล้วจะกลับมาตอนไหน ” ( ไม่ทราบครับ มีธุระอะไรหรือเปล่า หรือจะให้ผมบอกว่าใครโทรหา ) “ ไม่เป็นไรครับเดี๋ยวผมโทรมาใหม่ ” ผมวางสายไป รู้สึกหงุดหงิดในใจขึ้นมา ผมไม่แน่ใจว่าคนที่มารับโทรศัพท์น้าดินแทนสนิทกันแค่ไหน หรือเป็นอะไรกันทำไมถึงต้องมารับโทรศัพท์แทนกันด้วย รอไม่ถึง 10 นาที ขณะที่ผมกำลังจะโทรกลับไปหาน้าดิน ก็มีสายเรียกเข้าจากน้าดิน “ สวัสดีครับ ” ( บอลโทรหาน้าเหรอ ) “ ครับ แล้วเมื่อกี้ใครเป็นคนรับสาย ” ( ฟ้าครามเป็นคนรับ บอลมีอะไรหรือเปล่าครับ ) ผมเลิกสนใจว่าใครจะเป็นคนรับสายแทน ตอนนี้ผมสนใจแค่ว่า น้าดินเอาเงินมาจากไหน “ บอล รู้เรื่องของตาหมดแล้ว บอลอยากรู้ว่า น้าดินเอาเงินมาจากไหน ” ( พอดีว่าน้าได้งานพิเศษทำ บอลไม่ต้องกังวลหรอก ) เหมือนว่าผมคิดไปเองหรือเปล่า ว่าเสียงจากปลายสายฟังดูไม่มั่นคง “ ………. ” ผมเงียบ ไม่ได้พูดอะไรออกไป เพราะถ้าผมพูดอะไรออกไป คนปลายสายต้องจับน้ำเสียงผมได้แน่นอนว่าตอนนี้มันสั่นไหวแค่ไหน อยากกอดผู้ชายตัวเล็กคนนี้เหลือเกิน คิดถึงเหลือเกิน อยากปลอบ อยากบอกเหลือเกินว่าผู้ชายคนนี้พร้อมที่จะแบ่งเบาภาระของเขา ( บอลครับ อย่าเงียบสิ ฟังน้าอยู่หรือเปล่า ) เสียงจากปลายสาย เรียกสติของผมให้กลับคืนมา “ ครับ ” ผมตอบรับไปเบาๆ ( บอลไม่ต้องซีเรียสเรื่องของตานะ เดี๋ยวน้าจัดการเอง บอลตั้งใจเรียนนะครับ ) “ ครับ ” ผมตอบรับออกไปเบาๆ ทำไมผู้ชายตัวเล็กคนนี้เข้มแข็งจัง ( น้าต้องวางแล้ว ดีใจนะที่บอลโทรมาหา และอีกอย่างคิดถึงนะครับ ) “ ครับ (คิดถึงเหมือนกัน) ” ประโยคหลังผมไม่ได้พูดออกไปหรอก ผมไม่มีความกล้าขนาดนั้น ผมกลัวว่าถ้าเผลอพูดออกไป ทุกอย่างจะไม่เหมือนเดิม หลังจากวันนั้นผมก็เร่งสร้างรายได้ ทั้งยังโหมอ่านหนังสืออย่างหนักเพื่อที่จะเตรียมตัวสอบเข้ามหาลัย เพราะถ้าพลาดครั้งนี้ผมต้องรออีกปีหนึ่ง ซึ่งถ้าได้รออีกผมคงทนไม่ได้ เพราะตอนนี้แค่โทรหาแล้วคนที่รับสายไม่ใช่คนตัวบางก็ทำให้ผมหงุดหงิดใจแทบแย่ หลังจากที่ทนอ่านหนังสือมาเป็นเดือนแถมต้องทำงานไปด้วย เหนื่อยเหลือเกินขนาดผมตัวใหญ่และแข็งแรงขนาดนี้ยังเหนื่อย แล้วคนตัวบางที่ตัวเล็กนิดเดียวที่ต้องทำงานไปด้วยเรียนไปด้วยจะเหนื่อยขนาดไหน ผมหยิบโทรศัพท์แล้วกดโทรออกหาคนตัวบางทันที เพราะถ้าไม่โทรออกทันทีผมจะไม่กล้าโทร รอไม่นานปลายสายก็ตอบรับ ( สวัสดีครับบอล ) “ ……….. ” อาา คิดถึงเหลือเกิน ( บอลครับ ได้ยินน้าไหม ) “ ครับ ” ผมตอบรับออกไปในที่สุด แค่ได้ยินน้ำเสียงจากปลายสายก็ทำให้ผมตอบรับกลับไปอัตโนมัติทันที ( เป็นไงบ้าง สบายดีหรือเปล่า ) “ สบายดีครับแล้วดินละสบายดีไหม ” (สบายดี ) ทำไมผมรู้สึกว่าน้ำเสียงคนในสายแลเหนื่อยๆ เหมือนคนนอนไม่พอ “ เป็นอะไรหรือเปล่าครับ ทำไมน้ำเสียงเหนื่อย ๆ” ( สงสัยน้าจะนอนไม่พอ ทำไมหายเงียบไปเลยละ ไม่คิดถึงน้าเหรอ ) เสียงตอบกลับมาเหนื่อยกว่าเก่า “….. ” ผมไม่ได้ตอบออกไปแต่ในใจผมนี้ตะโกนอย่างบ้าคลั่งว่าคิดถึงใจจะขาดแล้ว ( ไม่คิดถึงก็ไม่เป็นไร ยังไงน้าฝากดูแลตากับยายด้วยนะ ) “ …………. ” ผมเงียบเพราะไม่รู้จะพูดอะไรออกไป เพราะมันตื้อไปหมด ถ้าผมพูดออกไปสิ่งเดียวที่อยากบอกคือกลับมาหาผม ทำให้ผมตัดสินใจบอกลา เพื่อให้อีกฝ่ายไปพักผ่อน “ ถ้างั้น ดินพักผ่อนนะครับ ” ( บอกกี่ครั้งแล้วว่าให้เรียก น้าดิน )ผมจงใจไม่เรียกเขาน้าเองแหละ “ ครับ ดินพักผ่อนเถอะ ไม่ต้องห่วง เดี๋ยวบอลดูแลตาเอง แล้วอย่าลืมดูแลตัวเองนะครับ ” ( ตามใจ อยากเรียกอะไรก็เรียกไปเถอะ งั้นน้าวางสายนะ ) “ ครับ พักผ่อนเถอะครับ ” ดินครับ รอบอลนะครับ อีกไม่นาน บอลจะไปอยู่ข้างดิน เหมือนที่ผ่านมาที่เราไม่เคยห่างกันเลย รอไม่นานบอลจะทำให้ดินสบาย ผมได้แต่บอกในใจไม่กล้าพูดออกไป เพราะผมรู้ดีว่าคนตัวบาง ไม่ยอมรับความช่วยเหลือจากใครถ้าไม่จนหนทางจริงๆ หลังจากวางสายผมก็กลับไปทำงานต่อ อีกไม่นานหรอกผมจะได้ไปอยู่ข้างคนตัวบางของผม
Free reading for new users
Scan code to download app
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    Writer
  • chap_listContents
  • likeADD