หลายวันเข้า… มินตราเริ่มเบื่อหน่ายที่จะต้องอยู่บ้านเพียงเดียวดายกับคนใช้ หล่อนเคยเรียน เคยมีเพื่อน แต่ ณ เวลานี้เรียนจบ กลับไม่ได้ใช้ความรู้ จึงอยากออกหางานทำ มีเงินเดือนจะได้ส่งเงินให้กับคุณยายที่บ้านนอก เมื่อคิดถึงคุณยายก็อดที่จะยิ้มออกมาเสียไม่ได้ หล่อนไม่ได้ไปหาท่านนานแล้ว สงสัยคงต้องไปเสียหน่อย
เสียงเลี้ยวรถเข้ามาจอดภายในบ้านทำให้มินตราหยุดคิด หญิงสาวลุกจากเก้าอี้หวายตัวโปรดที่ระเบียงอีกด้านซึ่งตกแต่งร่มรื่นด้วยพันธุ์ไม้งามออกไปดู แล้วก็เห็นคุณโอบเอื้อ คุณนัดดาและใครอีกสองคนเป็นหญิงวัยไล่เลี่ยกับทั้งสองและอีกหนึ่งซึ่งเป็นชายหนุ่มหุ่นสะอาง ดูเป็นผู้ดีทุกระเบียดนิ้ว แต่ทว่าทุกอย่างรวมๆ กันแล้วก็อย่างนั้นๆ อย่างไรก็สู้ ‘คุณนนท์’ ของหล่อนไม่ได้อยู่ดี...
“เชิญนั่งก่อนนะคะคุณพี่” เสียงเชื้อเชิญของคุณนัดดาทำให้มินตราชะงัก หญิงสาวแอบอยู่หลังประตู มองสาวใช้นำเครื่องดื่มมาเสิร์ฟแขกของทั้งสองแล้วกลับออกไป จึงตัดสินใจเข้าไปทำความเคารพแล้วคิดว่าจะหลบไปนั่งเล่นหลังบ้านตามมารยาทเด็กดี
“อ้าว หนูมิ้นมาไหว้คุณป้ากับพี่ภพสิลูก” คุณนัดดาหันมาเห็นมินตราก็เรียกเข้าไป หญิงสาวทำความเคารพทั้งสองด้วยกิริยามารยาทงดงามตามที่ถูกฝึก สร้างความประทับใจให้คุณหญิงโฉมเฉลายิ่งนัก ไม่ต่างไปจากพงษ์ภพที่มองหญิงสาวอย่างตื่นตะลึง แน่นอน ใครที่ได้เห็นมินตราก็มักมีอาการเช่นนี้ด้วยกันทั้งสิ้น หญิงสาวเกิดมาอาภัพหากแต่มีรูปเป็นทรัพย์ หล่อนงดงามไม่มีที่ติ ไม่ว่าจะเป็นคิ้ว คาง ปาก จมูกทุกอย่างลงตัวเหมาะเจาะจิ้มลิ้ม ใครเห็นใครรัก ใครเห็นใครก็หลง เช่นเดียวกับคุณหญิงโฉมเฉลาและพงษ์ภพที่มองหญิงสาวไม่วางตา
“อุ้ย! ไหว้พระเถิดจ้ะหนูมิ้น อ้อ... นี่ใช่ไหมคะที่คุณนัดดาเคยเล่าให้ฟัง โถ... แม่คุณ น่าสงสารแต่ก็น่ารักจิ้มลิ้มพริ้มเพรา ไหน มาใกล้ๆ ป้าสิลูก” คนถูกชะตาแต่แรกเรียกหาร่างเล็ก มินตราหันมองบิดามารดาอย่างขออนุญาต เมื่อนัดดาพยักหน้าหญิงสาวจึงคลานเข้าไปนั่งตรงหน้า ซึ่งก็หมายถึงตรงหน้าพงษ์ภพด้วยเช่นกัน
ชายหนุ่มกวาดสายตามองดวงหน้าหวานปานตาลเฉาะของมินตราเมื่อมารดาเชยคางมนขึ้นพิศแล้วให้ใจไหววับ นักธุรกิจหนุ่มมากด้วยชื่อเสียงเช่นเขาไม่เคยรู้สึกใจกระตุกกับหญิงสาวคนไหน หากแต่ต้องยกเว้นกับสาวน้อยตรงหน้า หล่อนทำให้เขาตกหลุมรักแต่แรกที่พบเจอ!
“สวย... สวยจริงๆ ผิวพรรณเนียนละเอียด แหม แบบนี้น่าส่งเข้าประกวด” คุณหญิงโฉมเฉลาพึมพำอย่างพอใจยิ่งยวด หากแต่คนฟังเช่นคุณนัดดาไม่คล้อยตาม…
“แหม... คุณพี่ก็พูดไป หนูมิ้นไม่ชอบเรื่องประกวดหรอกค่ะ นี่ก็มีมาหลายรายที่คะยั้นคะยอจะให้ดิฉันอนุญาตลูกสาวไปประกวดด้วย แต่หนูมิ้นแกไม่ยอม อีกอย่าง... ตานนท์เขาก็ไม่ชอบให้น้องไปเดินโชว์หุ่นให้ใครเขามองด้วยค่ะ อุ๊ย!รายนั้นหวงน้องสาวมาก เขาไม่ยอมแน่ๆ คงต้องขอโทษคุณหญิงด้วยนะคะ”
คุณนัดดาคุยเป็นคุ้งเป็นแคว หากก็กันท่ากรายๆ คุณหญิงโฉมเฉลาเฝ้ามองสาวน้อยอย่างพอใจ ก่อนจะเหลือบมองบุตรชายที่จ้องมองเช่นเดียวกับนางตาไม่กะพริบยิ้มๆ ขณะที่ผู้มาเยือนพอใจจ้องมองแม่สาวงามไม่วางตา แต่ไม่มีใครรู้เลยว่ามินตรานั้นอึดอัดเพียงไหนที่ต้องนั่งให้ใครก็ไม่รู้มาจ้องเอาๆ แบบนี้
“แหม... น่าเสียดายนะคะ ถ้าได้ประกวด รับรองต้องได้รางวัลแน่ๆ” สุ้มเสียงบ่งบอกถึงความเสียดาย ผละมือออกจากคางเรียว หญิงสาวลอบถอนหายใจแล้วถอยหลังขึ้นไปนั่งกับคุณโอบเอื้อและคุณนัดดา กระนั้น พงษ์ภพก็ยังมองตาม มองจนทุกคนทราบว่ามอง...
“อะแฮ่ม!” เสียงกระแหร่มของมารดาเรียกสติ ชายหนุ่มกะพริบตาแล้วหันมองอย่างเก้อเขิน เขายิ้มมุมปากให้ทุกคน แล้วไปหยุดที่สาวน้อยอีกครั้งอย่างอดไม่ได้ “มองอย่างอื่นบ้างก็ได้นะจ๊ะพ่อคุ๊ณ มองแบบนี้ลูกสาวเขาก็สึกหมดหรอก”
มินตราหน้าแดงก่ำ เมื่อถูกคุณหญิงโฉมเฉลากล่าวออกมาตรงๆ
“โธ่ คุณแม่ครับ พูดอะไรแบบนั้น” นักธุรกิจหนุ่มเอ่ยได้แค่นั้นก็เงียบลงไป คุณนัดดายิ้มให้คุณหญิงและเลยมายังสามีที่นั่งยิ้มนิดๆ มุมปาก หากแต่ไม่ได้ออกความคิดเห็นใด
“แล้วลูกชายคุณดาที่ว่าเป็นสถาปนิกยังไม่กลับหรือคะ?” เอ่ยถามถึงณนนท์ไม่ทันขาดคำ เสียงรถยนต์มากสมรรถนะก็คลานเข้ามาจอด มินตราเหลียวมองไปยังที่มาของเสียง จำได้ทันใดว่ารถใคร ใบหน้าสดใสจนพงษ์ภพต้องขมวดคิ้ว
“คุณนนท์มาแล้วค่ะคุณแม่” เสียงหวานเจี๊ยบของมินตราทำให้หัวใจคนตรงหน้าเต้นรัว หากแต่ต้องกระตุกวาบเมื่อเห็นประกายตาบางอย่างของสาวน้อยที่มองไปยังร่างสูงซึ่งก้าวตรงมายังพวกเขา
“ตานนท์ ไหว้คุณหญิงโฉมเฉลาเสียสิลูก ส่วนนี่คุณพงษ์ภพลูกชายคุณหญิงจ้ะ”
“สวัสดีครับ” ณนนท์ไหว้ทั้งคุณหญิงและพงษ์ภพซึ่งคาดว่าอีกฝ่ายต้องอายุมากกว่าและก็จริง ปีนี้พงษ์ภพปาเข้าไปสามสิบเจ็ดแล้วแต่ยังไม่มีวี่แววว่าจะหาสะใภ้ให้มารดาเสียที
“สวัสดีจ้ะ แหม สวยหล่อทั้งพี่ทั้งน้องเลยนะนี่ สนใจจะไปเป็นนายแบบให้ป้าไหมจ๊ะ” คำเอ่ยชวนของคุณหญิงทำให้ณนนท์ทำหน้าปั้นยาก ขณะที่คุณนัดดาหัวเราะเบาๆ แต่มินตรากลับมีสีหน้าไม่เห็นด้วยนัก
“โธ่ คุณพี่ก็ ตานนท์น่ะหรือคะจะไปทางนั้น วันๆ เอาแต่อยู่กับกระดาษแล้วก็หน้าจอคอมพิวเตอร์ หรือไม่ก็ออกไซต์งานโน่น” ณนนท์ยิ้มบางๆ เห็นด้วยกับมารดา
“ครับ ผมไม่เหมาะกับการเป็นนายแบบหรอกครับ แต่ถ้าจะให้ผมออกแบบให้ใครก็บอกได้ทุกเมื่อนะครับ” เขาตอบอย่างมีชั้นเชิง เรียกเสียงหัวเราะถูกใจจากคุณหญิงโฉมเฉลาได้อย่างดี
“ต๊าย มีชั้นมีเชิง ป้าเดาว่าแฟนคงเป็นโขยง...” การคาดเดาของคุณหญิงกระทบใจคนฟังเต็มแรง หากแต่ด้วยมารยาททำให้ณนนท์ฝืนยิ้ม
“ไม่มีหรอกครับ ผมทำแต่งาน” ท้ายประโยคแผ่วเบาและพงษ์ภพก็พอจับความรู้สึกอีกฝ่ายได้ทัน เขามองชายหนุ่มใบหน้าคมคายหาตัวจับยากอย่างครุ่นคิด ก่อนมองไปยังสาวน้อยที่มีสีหน้าหม่นลงและมองพี่ชายของตนอย่างเป็นห่วงแล้วให้รู้สึกประหลาดใจไม่น้อย คุณนัดดามองบุตรชายแล้วรีบเสชวนคุณหญิงเปลี่ยนเรื่องคุย
“เอ่อ อย่างไร วันนี้เราคุยเรื่องงานการกุศลแล้วอยู่ทานอาหารเย็นด้วยกันก่อนนะคะ ดิฉันบอกให้แม่ครัวทำอาหารไว้แล้ว” คุณหญิงยิ้มยินดี
“โอ ขอบคุณมากค่ะ ถ้าอย่างนั้นเรามาคุยรายละเอียดกันเลยแล้วกันนะคะ...” หลังจากนั้น ทั้งสี่ก็แทบหัวชนกันเมื่อหารือเรื่องงานการกุศลของมูลนิธิซึ่งมีคุณหญิงโฉมเฉลาเป็นหัวเรือใหญ่ เพื่อหารายได้ช่วยเหลือผู้ด้อยโอกาส...
ณนนท์เดินหน้าขรึมออกมาจากห้องรับแขกตรงไปยังระเบียงที่มินตรานั่งก่อนหน้านี้ด้วยความรู้สึกอัดอั้น หญิงสาวตามเขาไปติดๆ แล้วไปหยุดอยู่ด้านหลังคนตัวสูง ห่วงจิตใจเขาเหลือเกิน อยากเข้าไปซบแผ่นหลังกว้าง อยากเข้าไปกอดไว้แล้วปลอบใจให้หายเศร้า แต่ที่ทำได้คือยืนมองเขาอยู่เงียบๆ
ร่างสูงมองออกไปอย่างไร้จุดหมาย มองอยู่เป็นนานจนกระทั่งหันกลับมาแล้วต้องชะงักเมื่อพบมินตรายืนอยู่ด้านหลัง คิ้วหนาย่นเข้าหากันก่อนถาม
“มายืนอยู่ตรงนี้ตั้งเมื่อไร?” คำถามของณนนท์ทำให้มินตรารู้ว่าหล่อนไม่เคยอยู่ในความสนใจของเขาแม้สักนิด ดวงตากลมโตเศร้าหมองหลุบมองปลายเท้าก่อนเงยขึ้นสบตาคมกล้า
“ก็ตั้งแต่คุณนนท์ออกมาแล้วค่ะ มิ้นเป็นห่วง เลยตามออกมาดู” น้ำเสียงและแววตาอ้างว้างของสาวน้อยทำให้ณนนท์ใจหาย เขาขยับเข้าใกล้หญิงสาวแล้ววางมือลงบนไหล่บางยิ้มให้อย่างปลอบใจ
“พี่ไม่เป็นไร” หางตาเหลือบมองฝ่ามือที่วางสัมผัสกายแล้วรู้สึกอุ่นใจ จากที่หม่นหมองก็สดใสขึ้นทันตา
“ถ้าอย่างนั้น วันนี้คุณนนท์ลองชิมบราวนี่ฝีมือมิ้นหน่อยนะคะ มิ้นอยู่ว่างๆ เบื่อๆ ก็เลยหัดทำค่ะ” เห็นว่าเขายิ้มได้จึงรีบเสนอ อีกฝ่ายสบตาคู่สวยที่มองมาอย่างคาดหวังแล้วพยักหน้ายิ้ม ก่อนจะปล่อยมือออกจากบ่าละมุนมือเมื่อร่างระหงหมุนตัวเดินแกมวิ่งหายไปยังอีกด้านของบ้าน
ณนนท์ทรุดตัวลงนั่งบนเก้าอี้หวายแล้วไปสะดุดกับหนังสืออ่านเล่นที่วางอยู่ก่อนแล้ว มือเรียวเอื้อมหยิบมันขึ้นมาแล้วยิ้มมุมปาก...
“หนึ่งกำลังใจสยบล้านความทุกข์...” เสียงกึกๆ ดังเข้ามาใกล้ชายหนุ่มจึงวางหนังสือลง เพียงอึดใจร่างบางก็เข้ามาพร้อมกับจานบราวนี่สีดำ และนั่งลงตรงข้ามชายหนุ่ม คิ้วหนาเลิกขึ้นนิดๆ พร้อมรอยยิ้มพอใจก่อนสบตาคู่สวยที่จ้องมองเขาสลับบราวนี่อย่างรอคอย “หน้าตาน่ากิน ท่าทางอร่อยนะนี่”
“ทานสิคะ มิ้นอยากรู้ว่ามันเป็นยังไงบ้าง ถ้าทานได้ มิ้นจะเอาไปให้คุณพ่อกับคุณแม่ลองชิม” คนกำลังเอื้อมมือลงหยิบต้องชะงัก ตาคมกริบช้อนมองเจ้าของคำพูดเจ้าเล่ห์ยิ้มๆ
“อ้าว งั้นพี่ก็เป็นหนูทดลองสิเนี่ย ถ้าท้องเสียจะว่าไง?” มินตราค้อนขวับ ก่อนจะหยิบขึ้นมาหนึ่งชิ้นแล้วบอก
“งั้นเรามาทานพร้อมๆ กันนะคะ แล้วคราวนี้ถ้าท้องเสียจริงๆ อย่างน้อยก็รู้ว่ามิ้นก็ไม่ได้วางแผนให้คุณนนท์เป็นหนูทดลองแน่ เพราะว่าเราจะท้องเสียไปพร้อมๆ กัน”
ณนนท์ยิ้มชื่น เขาสุขใจทุกครั้งที่อยู่กับมินตรา มือเรียวแต่แข็งแรงหยิบบราวนี่ขึ้นมาหนึ่งชิ้น ยกชนกับบราวนี่ของหญิงสาว แล้วอวดไรฟันสีขาวดังไข่มุกก่อนจะส่งเข้าปากแล้วเคี้ยวกร้วมทันที มินตรายิ้มหวานมองเขาเคี้ยวแล้วส่งเข้าปากตนเองบ้าง
คนไม่ชอบของหวานหากทานได้เมื่อพบที่ถูกใจก็ทานอีก จนกระทั่งบราวนี่ในจานแก้วห้าชิ้นหมดวับไปกับตา มินตรารีบหันไปหยิบกระดาษเช็ดปากมาส่งให้ อีกฝ่ายรับไปเช็ดเบาๆ แล้วจ้องมองคนตัวบางที่มองเขาอยู่ก่อนแล้วยิ้มขัน ก่อนจะเอื้อมมือไปหยิบกระดาษจนคนตัวบางต้องเอี้ยวตัวหลบแล้วมองเขาอย่างงงๆ กระทั่งอีกฝ่ายเอ็ดออกมาเบาๆ เมื่อแม่สาวน้อยทำท่าย่นคอหนี...
“เฉยๆ ซี พี่จะเช็ดปากให้ กินยังไงให้เลอะเทอะเป็นเด็ก...” ร่างบางชะงักอยู่ในท่านั่งเอียงๆ เกร็งตัวเกร็งคอจนตะคริวแทบจับ กระทั่งชายหนุ่มผละห่างแต่สัมผัสนุ่มนวลผ่านกระดาษเนื้อดียังคงอยู่ และ ณนนท์ก็เห็นพวงแก้มของสาวน้อยกลายเป็นสีเรื่อ ก่อนจะเอ่ยผ่านรอยยิ้มเอ็นดู
“ขอบใจมากนะจ๊ะคนสวย บราวนี่ของมิ้นอร่อยมาก คุณพ่อกับคุณแม่ต้องชอบแน่ และคราวนี้มิ้นต้องลำบากเพราะต้องเป็นคนคอยทำบราวนี่เวลาพี่อยากกิน...” คนใจสั่นค่อยคลายความรู้สึกตื่นเต้น ก่อนจะยิ้มกว้างเมื่อถูกชมเรื่องขนมอร่อย
“จริงหรือคะ อร่อยจริงนะคะ?” ถามด้วยน้ำเสียงตื่นเต้น เพราะรู้ดีว่าอีกฝ่ายไม่ชอบทานขนมหวานนัก หล่อนเคยทำและเขาก็ติเสียจนหมดความมั่นใจมานักต่อนัก
“อืม... จริงสิ จะโกหกทำไมหือ...”
“งั้นคราวหน้ามิ้นจะทำให้คุณนนท์ทาน” มินตราบอกพลางยิ้มจนตาหยี ชายหนุ่มหัวเราะหึหึ
“งั้นพี่จะรอกินก็แล้วกัน”
“ได้เจ้าค่า…” สาวน้อยรับคำอย่างเต็มใจ ณนนท์ยิ้มกว้าง เอ็นดูคนตัวบางจนต้องยกมือขึ้นขยี้เรือนผมสลวยอย่างมันเคี้ยว คนตัวเล็กย่นคอหนีพลางหัวเราะคิกคัก นานๆ ถูกชมก็ยิ้มชื่น หัวเราะถูกใจด้วยความสุข สุขที่นานครั้งจะผ่านมาให้ได้สัมผัส...