๕.๒

1529 Words
“ก็เพราะคุณรักฉันไงคะนนท์ ฉันรู้นะว่าคุณยังอยากให้ฉันกลับไปคืนดีกับคุณ แต่คุณต้องเข้าใจนะคะ ว่าฉันไม่ชอบงานของคุณ ดูสิ วันๆ ทำแต่งานแทบกระดิกตัวไปไหนไม่ได้ คุณปล่อยให้ฉันเหงาเองนะคะ เพราะงั้นคุณโทษฉันไม่ได้แน่ถ้าฉันจะเลือกคนที่มีเวลาให้ฉัน” ณนนท์กระตุกยิ้มมุมปากพลางกล่าว… “คุณไม่ได้เลือกคนที่มีเวลาหรอก แต่คุณเลือกคนที่มีหน้ามีตาในสังคมให้ตัวเองมากกว่าแยม” ถูกโต้กลับมาเช่นนั้นญาณีก็ถึงกับสะอึก แต่ก็เพียงครู่เดียวหญิงสาวก็ไหวไหล่ ก่อนจะล้วงเอาบางอย่างออกมาจากกระเป๋าใบหรูราคาเรือนล้านออกมาแล้วยื่นให้ชายหนุ่ม “บัตรเชิญค่ะ อีกสองอาทิตย์ ถ้าว่างก็ไปนะคะ” บัตรเชิญถูกยัดใส่มือใหญ่ของณนนท์ ขณะที่เจ้าของบัตรฉวยโอกาสช่วงที่เขามัวยืนเซ่อเขย่งเท้าขึ้นจุมพิตแก้มสากแล้วหมุนตัวเดินกลับเข้าไปในร้านอย่างรวดเร็ว ปล่อยให้คนในอดีตที่ไร้ความหมายยืนราวกับคนถูกสาป ดวงตาคมค่อยๆ หลุบมองบัตรสีชมพูจางในมือ เขารู้สึกได้ถึงความเย็นเยียบทั่วสรรพางค์กาย อากาศหายใจก็น้อยเต็มที่ พลิกดูแค่แวบเดียวก็รู้ว่าเป็นบัตรงานใด… จบแล้ว ทุกสิ่งทุกอย่าง ลาก่อนญาณี... ประตูถูกปิดลงดังปัง พร้อมรถยนต์ที่สตาร์ตออกไปอย่างรวดเร็ว มารู้ตัวอีกทีก็ตอนที่มีคนมาเคาะกระจกรถยนต์ขณะที่เขาซบหน้าลงกับพวงมาลัยภายในรถที่จอดนิ่งอยู่หน้าบ้านแล้ว… “คุณนนท์คะคุณนนท์ คุณนนท์!” เสียงเคาะประตูรัวและเสียงเล็กๆ จากด้านนอกทำให้คนที่ซบหน้าเงยขึ้นมอง แล้วเมื่อเห็นว่าเป็นใครชายหนุ่มก็ดับเครื่องยนต์ เปิดประตูลงจากรถ เขาสบตาคนตัวบางตรงหน้าแล้วยกมือขึ้นวางบนศีรษะเล็กได้รูปของหญิงสาวพลางเหนี่ยวเข้าหาตัวแล้วพาเดินเข้าไปภายในบ้านโดยไม่พูดอะไร มินตราก็ได้แต่งงงัน เป็นห่วงแต่ก็ไม่กล้าถามอะไรมาก “คุณนนท์” “พี่ดื่มเยอะ แต่ไม่เมา รู้ตัวดีทุกอย่าง” เขาเอ่ยขณะพากันเข้ามาหยุดยืนในบ้าน หญิงสาวช้อนตามองเขาแล้วหน้าร้อน อุปาทานไปว่าเขากำลังจะบอกอะไรหล่อนเป็นนัย… “เอ่อ ก็ มิ้นก็ไม่ได้ว่าอะไรนี่คะ ดึกแล้วคุณนนท์เข้านอนเถอะค่ะ มิ้นก็จะเข้านอนเหมือนกัน” เอ่ยพลางหมุนตัวเตรียมขึ้นห้อง หนีสายตาคมวับๆ ที่มองตาไม่ลดละ “แล้วทำไมยังไม่นอนอีก นี่ก็ดึกแล้วนี่” เขาถามพลางยกนาฬิกาข้อมือขึ้นดู มินตราหยุดเดิน หันมาสบตาคนพูดอึดใจก่อนตอบ “มิ้นรอคุณนนท์ค่ะ…” เอ่ยเพียงแค่นั้นร่างบางก็ซอยเท้าขึ้นห้องอย่างรวดเร็ว ไม่รอตอบคำถามใดๆ จากชายหนุ่มอีก ปล่อยให้คนตัวโตยืนนิ่งอยู่ที่เดิม มองตามจนลับตา ก่อนจะส่ายหน้าแล้วยิ้มนิดๆ มินตราห่วงใยเขาเสมอมาแต่ไหนแต่ไร หากเขาไม่กลับบ้านหล่อนจะไม่หลับไม่นอน รอจนเขากลับมาถึงจึงค่อยขึ้นห้องเป็นอย่างนี้ประจำ ตั้งแต่เด็กจนโต… ชายหนุ่มถอนใจยาว ก็คงมีแต่หล่อนที่ห่วงเขาอย่างจริงใจ เป็นน้องน้อยที่คอยเป็นห่วงเป็นใยพี่ชายไม่เอาไหนอย่างเขามาโดยตลอด “ไม่ได้เรื่องเลยนนท์เอ๊ย…” เขาส่ายหัวพลางเดินขึ้นห้อง ลืมเลือนไปสนิทว่าสัญญาอะไรไว้กับลดาวรรณ สายจัดของวันหยุด ณนนท์เอียงคอไปมาไล่ความเมื่อยขบ อาบน้ำอาบท่าเรียบร้อยก็เดินลงมาข้างล่าง เสียงพูดคุยอย่างสนุกสนานทำให้เขาต้องขมวดคิ้วนิ่วหน้า “เสียงใคร…” บ่นเบาๆ พลางสืบเท้าตรงไปยังห้องรับแขก แล้วจึงได้พบครอบครัวของเขาอยู่กันพร้อมหน้ารวมทั้งแขกผู้มาเยือนหนุ่มหล่อพงษ์ภพ บุตรชายหัวแก้วหัวแหวนของคุณหญิงโฉมเฉลา… เสียงเดินเบาๆ ทำให้มินตราหันไปมองที่มาทันที แล้วหญิงสาวก็ส่งยิ้มให้เขา ณนนท์ก็เช่นกัน ชายหนุ่มส่งยิ้มให้หญิงสาวแล้วพยักหน้าให้กับพงษ์ภพขณะก้าวเข้าไปตามเสียงเรียกของบิดา “มานั่งนี่สินนท์”ณนนท์เดินอ้อมไปนั่งข้างบิดาแล้วเอ่ยถามทันที “คุณภพมีธุระอะไรหรือเปล่าครับ” “ผมมาขออนุญาตคุณน้าทั้งสองพาน้องมิ้นไปรับประทานอาหารที่บ้านน่ะครับ พอดีว่าคุณแม่ท่านอยากคุยกับน้องมิ้น” พงษ์ภพกล่าวด้วยสีหน้าระบายยิ้ม แล้วสบตาสาวน้อยด้วยแววตาที่ณนนท์ไม่ชอบใจเลยสักนิด เขาจึงสบตาบิดามารดาแล้วเลยไปยังหญิงสาว “คุณพ่อว่าไงล่ะครับ” บิดาหันมองหน้าบุตรชายแล้วสั่นหัว “พ่อไม่ว่าไงหรอก คุณภพก็คนกันเอง อีกอย่างคุณหญิงอุตส่าห์อยากคุยด้วยพ่อเลยอนุญาตให้น้องไป” “ใช่จ้ะ แต่ว่าน้องไม่ได้ไปคนเดียวหรอก แม่จะไปเป็นเพื่อนน้องด้วย” คุณนัดดาเอ่ยอย่างรู้ใจ ท่านรู้ว่าณนนท์ห่วงมินตรามากแค่ไหน จึงเสนอไปกับพงษ์ภพว่าท่านก็มีเรื่องอยากคุยกับคุณหญิงเช่นกัน “ใช่ครับ คุณน้าก็ไปด้วย ว่าแต่คุณนนท์จะตามไปอีกคนด้วยหรือเปล่าครับ…” คำถามนั้นทำเอาณนนท์คอแข็ง เขาชำเลืองมองหน้าหวานๆ ที่มองตาเขาเหมือนอยากให้ไปด้วยก่อนจะเมินหน้าหนีแล้วบอก “คงไม่หรอกครับ เชิญตามสบายเลยแล้วกันนะครับ” เมื่อได้ฟังคำตอบจากณนนท์ ฝ่ายนั้นจึงยิ้มออกมาด้วยความพอใจ เป็นเหตุให้ชายหนุ่มเริ่มไม่ค่อยชอบหน้าอีกฝ่ายมากยิ่งขึ้น และเริ่มไม่อยากให้มินตราคบหากับผู้ชายคนนี้ขึ้นมาตงิดๆ “ถ้าอย่างนั้นเราไปกันเถอะจ้ะ น้าไม่อยากให้คุณหญิงรอนาน” คุณนัดดาเอ่ยพลางลุกขึ้นเตรียมออกจากบ้าน มินตราหันมองณนนท์ที่นั่งหน้าบึ้งนิดๆ แล้วไม่อยากจะไปกับพงษ์ภพเสียเลย แต่ไม่อาจขัดใจผู้ใหญ่ได้ “มิ้นไปก่อนนะคะคุณนนท์” ณนนท์เหลือบตามองมินตราแล้วพยักหน้า พงษ์ภพยิ้มให้อีกฝ่ายแล้วกล่าวลาสองพ่อลูก “ผมลานะครับคุณลุง คุณนนท์” “เชิญครับ” ณนนท์กล่าว พลางมองอีกฝ่ายก้าวนำมารดาและมินตราออกไป ปล่อยเขาและบิดาอยู่บ้านตามลำพังเพียงสองคน “เฮ้อ!” เสียงถอนหายใจดังของบุตรชายทำให้ผู้เป็นบิดาต้องเหลือบตามองยิ้มๆ “เป็นไง เหงาละสิ ปกติหนูมิ้นอยู่ละก็จะต้องป้วนเปี้ยนอยู่กับลูก อย่างว่าละนะ อีกหน่อยหนูมิ้นก็จะต้องแต่งงานแต่งการ มีครอบครัว คงไม่มีเวลามาพะเน้าพะนอคนในบ้านนี้อีกแล้ว เพราะต้องไปพะเน้าพะนอดูแลครอบครัวของตัวเอง เฮ้อ… คิดถึงอนาคตแล้วก็ใจหายเนอะ ถ้าไม่มีหนูมิ้นสักคนพ่อกับแม่คงเหงาแย่ ไม่มีใครคอยมาจ๊ะจ๋าอยู่ข้างๆ” ไม่ใช่แค่บิดามารดาหรอกที่รู้สึกใจหาย ณนนท์เองก็รู้สึกไม่ต่างกันเลยสักนิด ยิ่งคิดว่าต่อไปหล่อนต้องไปดูแลใครคนอื่นที่ไม่ใช่เขาแค่นี้ชายหนุ่มก็แทบทนไม่ไหวหงุดหงิดและไม่ชอบ… “ผมไม่ให้มิ้นออกไปอยู่กับใครที่ไหนหรอกครับ ถ้าใครมันอยากจะมารักมาชอบ มันก็ต้องเป็นฝ่ายมาอยู่กับพวกเรา” เขาพูดอย่างมีอารมณ์ ทำให้ผู้เป็นพ่อต้องขมวดคิ้วมุ่น “ฮื้อ… คิดแบบนั้นไม่ถูกหรอกนะนนท์ ถ้าหากคนรักของหนูมิ้นเขามีภาระรับผิดชอบ หรือเป็นลูกชายคนโตของบ้านเราจะมากะเกณฑ์ให้เขาทำตามที่เราต้องการไม่ได้หรอกนะลูก” “แต่!” หน้านิ่วคิ้วขมวด ทว่าถูกบิดาส่ายหน้าห้ามเสียก่อน “อย่าเพิ่งคิดมากสิ น้องยังไม่มีใครสักหน่อย ที่พ่อพูดขึ้นมาก็แค่คาดการณ์ไว้เท่านั้น เพราะดูๆ แล้ว คุณภพท่าจะพอใจหนูมิ้นไม่น้อย ยิ่งคุณหญิงก็ยิ่งพอใจ ไม่แน่หรอกต่อไปสองคนนี้อาจจะคบหากันก็ได้” ยิ่งฟัง ณนนท์ก็ยิ่งไม่พอใจมากขึ้น ร่างสูงจึงผลุนผลันลุกขึ้นยืนแล้วบอกกับบิดาออกไปว่า “ผมขอตัวก่อนนะครับ มีนัดกับเจ้าพี” “อ้าว! แล้วเย็นนี้จะกลับมากินข้าวหรือเปล่า” บิดาตะโกนถาม “คงไม่ครับ ไม่ต้องรอ” เขาตะโกนกลับมา ทำให้บิดาต้องส่ายหน้าเบาๆ พลางถอนหายใจเฮือก มองซ้ายขวาไม่มีใคร เลยหันไปคว้าหนังสือพิมพ์รายวันขึ้นมาอ่านฆ่าเวลาไปพลาง…
Free reading for new users
Scan code to download app
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    Writer
  • chap_listContents
  • likeADD