แสงตะวันลอดผ่านรอยแยกของม่านจนแยงตาที่เพิ่งเปิดขึ้นจากความหลับ ฝันวุ่นวาย ฝันสยิวทำเอาณนนท์เคลิ้มจนไม่อยากตื่น แต่เมื่อตื่นขึ้นมาพบความจริงเขาก็ต้องยอมรับว่าผิดหวังมิใช่น้อย หากแต่ความซ่านยังกำซับในห้วงรู้สึกไม่จาง น่าแปลก... ทุกอย่างช่างเหมือนจริง เหมือนเสียจนเขายังจำถึงกลิ่นกายหอมละมุนและความนุ่มมือได้อย่างไม่เลือน แต่เมื่อเลื่อนสายตาลงมองตนเองก็ชะงัก คิ้วหนากระตุกวูบหัวใจเต้นถี่เมื่อชุดที่ใส่หาใช่ชุดจากเมื่อวาน เขาจำได้ว่าไม่ได้อาบน้ำ ล้มตัวลงนอนได้ก็หลับเป็นตาย ก่อนจะฝันเฟื่องเรื่องสยิวแบบสามมิติแล้วตื่นอีกทีก็เมื่อครู่นี้
แล้วใคร... เปลี่ยนเสื้อผ้าให้เขา
ก๊อก! ก๊อก! ก๊อก!
เสียงเคาะประตูห้องดังขึ้นขัดขวางความคิดสับสน ใบหน้าคมคายภายใต้กรอบผมตัดสั้นทันสมัยยุ่งเหยิงเงยมองไปยังที่มาของเสียง ก่อนปัดผ้าห่มผืนหนาออกจากตัวแล้วก้าวยาวๆ ตรงไปยังประตูถอนหายใจยาวเปิดกว้างแล้วต้องชะงัก เมื่อร่างบางของมินตรายืนเด่นอยู่ตรงหน้าพร้อมถาดอาหาร...
หญิงสาวหลบตาคมกริบที่มองมาอย่างสำรวจตรวจตราวูบหนึ่งแล้วเงยหน้าขึ้นสบตายิ้มหวาน
“มิ้นเข้ามาแล้วครั้งหนึ่ง แต่คุณนนท์ยังหลับอยู่เลยค่ะ เลยเอาอาหารมาให้ที่นี่” คนบอกต่อตาคมมิได้นานนัก ก่อนเสหลุบตาลงมองอาหารในถาดที่ตนถือไว้ “วันนี้คุณแม่บ้านทำข้าวต้มกุ้งค่ะ กำลังน่าทานเชียว”
ณนนท์ยืนฟังเสียงหวานๆ เจื้อยแจ้วตรงหน้าแล้วก็วาบไปทั้งร่าง จู่ๆ เขาก็คิดถึงบทรักเร่าร้อนในฝันขึ้น อะไรๆ ก็พานจะร้อนตามไปด้วย ร่างสูงจึงหมุนตัวเดินนำเข้าห้องไปนั่งยังเตียงของตนตามเดิม โดยมีร่างแบบบางของ ‘น้องสาว’ ตามเข้ามาติดๆ เขามองทุกอิริยาบถของหล่อนไม่วางตา นึกสับสนครุ่นคิดอยู่นั่น ว่าแท้จริงแล้วเขาเพียงฝันหรือว่าเป็นความจริง!
“เมื่อคืนมิ้นเปลี่ยนเสื้อผ้าให้พี่ใช่ไหม?” มือเรียวชะงัก หัวใจกระตุกเต้นด้วยจังหวะไม่ปกติ ใบหน้าก็พานจะแดงก่ำขึ้นจนอีกฝ่ายขมวดคิ้ว หญิงสาวหันไปสบตาคาดคั้นของคนตรงหน้าแล้วพยักหน้าเบาๆ
“เอ่อ… ค่ะ มิ้นเปลี่ยนให้คุณนนท์เอง เอ่อ คือก็เมื่อคืนคุณนนท์อาเจียน เปื้อนไปหมด มิ้นก็เลยเปลี่ยน...”
“เสื้อผ้าให้พี่?” มินตราสบตาเขาแล้วพยักหน้าไวๆ ทว่าอีกฝ่ายหรี่ตามอง “แล้วทำไมต้องถอดกางเกงในพี่ออกด้วย?”
คนถูกซักไซ้ไล่เลียงแต่เช้าเริ่มไปไม่เป็น ใบหน้าหรือแดงเรื่อ ปากหรือก็เม้มแน่น ก่อนจะตกใจอีกครั้งเมื่อเสียงทุ้มเอ่ยถาม
“แต่เมื่อคืนเท่าที่จำได้พี่ไม่ได้อ้วกนะ พี่แค่หลับไปเพราะมึนมากเท่านั้น... แล้ว” คราวนี้เป็นณนนท์ที่ต้องนิ่งอึ้ง เขามองร่างแบบบางของหญิงสาวแล้วให้สงสัย ก่อนสะบัดศีรษะอย่างไม่อยากคิดว่าจะเป็นไปได้ ไม่มีวัน ไม่มีทางที่จะเกิดเรื่องแบบนี้ขึ้นระหว่างเขาและมินตรา ซึ่งเป็นผู้หญิงที่เขาให้ความรักและเอ็นดูประดุจน้องสาวเท่านั้น!!
“ช่างเถอะ!” มินตราถึงกับโล่งอกหลังจากยืนเกร็งจนเหงื่อซึม “แต่คราวหน้าไม่ต้องก็ได้ ทีหลังถ้าพี่เมามา ต่อให้เมาหนักแค่ไหนก็ไม่ต้องมาเปลี่ยนเสื้อผ้าให้ เข้าใจไหม?”
จากหวังดีกลายเป็นถูกเอ็ด ทำให้คนแอบรักแอบเสียตัวก้มหน้าน้ำตาปริ่ม ณนนท์เห็นอาการหงอยๆ แล้วพ่นลมหายใจ เขาไม่ได้โกรธที่หล่อนเปลี่ยนเสื้อผ้าให้ แต่เขากลัวว่าหากเผลอไผลทำอะไรลงไปกับหล่อนแล้วมันจะยุ่ง เช่นเวลานี้เขาก็ไม่รู้ว่าทำไมถึงหงุดหงิดนัก
“มิ้น...” เรียกชื่อคนตัวบางแล้ววางมือลงบนไหล่มนเบาๆ หากเพียงแค่นั้นก็เหมือนมีกระแสไฟบางอย่างแล่นปราดผ่านระหว่างปลายนิ้วและผิวเนื้อให้ทั้งสองต้องรู้สึกไม่ต่างกันนักนั่นคือหัวใจกระตุกวูบ ณนนท์ชักมือออกอย่างตกใจ ไม่คิดไม่ฝัน ตอบไม่ได้ ไม่รู้ว่าเหตุใดจึงรู้สึกเช่นนั้น พลันเสียงครวญครางแผ่วหวานก็ดังเข้ามาในโสตประสาทอีกคราว ตามมาคล้ายจะหลอกหลอนเขาให้บ้าคลั่ง ได้ยินแต่เสียงเห็นเพียงกายอวบอุ่นหากใบหน้าของ ‘เมีย’ ในฝันเขากลับไม่เห็น! ณนนท์เวลานี้เหมือนคนบ้า เขาอยากจะ... อาละวาดแต่เมื่อมองคนหน้าเซียวหัวใจก็พลันอ่อนยวบ... เหมือนเคย
“มิ้น เมื่อกี้ เอ่อ พี่ไม่ได้จะดุมิ้นนะจ๊ะ พี่แค่เป็นห่วงมิ้น พี่กลัวว่า”
“คุณนนท์เป็น... พี่ชาย มิ้นไม่กลัว” ดวงตากลมโตราวนัยน์ตากวางมองเขาเช่นเดิมอย่างที่เคยมอง หากวันนี้มีบางอย่างคล้ายจะเปลี่ยนไป ดูหม่นเศร้าแปลกๆ จนเขาเองพานทำอะไรไม่ถูก ไม่เข้าใจว่าทำไมจึงพูดไม่ออก “คุณนนท์ทานข้าวก่อนนะคะ เดี๋ยวจะเย็นชืดหมด”
หญิงสาวกุลีกุจอเลื่อนถาดให้เขาอย่างเอาใจ เพราะรู้แล้วว่าตนเป็นคนของเขาจึงอยากปรนนิบัติพัดวี แม้เขาไม่รู้แต่หล่อนรู้ แม้เขาจะทำหน้าแปลกใจแต่หล่อนไม่สน ขอเพียงแค่ได้ดูแลเขาเท่านั้นหล่อนก็สุขใจ
ณนนท์จำต้องยิ้มให้สาวสวยตรงหน้าเมื่อหญิงสาวยิ้มหวานให้เขาดุจเดิมอย่างที่เคยยิ้ม และดูหล่อนเอาใจเขาเป็นพิเศษ
“ขอบใจ แต่มิ้นไม่ต้องเอามาให้พี่บนห้องก็ได้ เดี๋ยวพี่ลงไปเอง วันนี้วันหยุดด้วย” เขาชวนคุยไปเรื่องอื่น ไปให้ห่าง ไปให้พ้นเรื่องที่ทำให้กระอักกระอ่วนชวนกังวลใจ
“ค่ะวันหยุด” มินตรารับคำพลางจับตามองเขารับประทานอาหารท่าทางอร่อยด้วยแววตาพอใจ คนทานข้าวรู้ตัวว่าถูกมองจึงเงยหน้าขึ้นแล้วชะงัก เมื่อพบแววตาบางอย่างที่ไม่คิดว่าจะได้เห็นจากน้องสาว แต่เมื่อเขากะพริบตามองให้ชัดมันก็หายไปอย่างไร้ร่องรอย...
ถาดอาหารถูกเลื่อนห่างเมื่อข้าวต้มกุ้งหมดถ้วย ร่างเล็กประเปรียวของมินตรารับไปด้วยอาการร่าเริง หรือเขาจะคิดมากเกินไป เอาความฝันมาปนกับความจริงให้วุ่น คงจะเป็นเช่นนั้นจริงๆ คนสับสนบอกตนเองเมื่อมินตราเงยหน้าขึ้นแล้วยิ้มหวาน...
“มิ้นลงไปข้างล่างก่อนนะคะ เดี๋ยวจะลงไปดูเฉาก๊วยสักหน่อย วันนี้มันไม่ยอมกินอาหารเลยค่ะ ดูหงอยๆ สงสัยไม่สบาย” คนตัวบางพูดแจ้วๆ แล้วเดินจากไป เขามองคนพูดถึงไอ้หมาเจ้าเล่ห์สีดำมิดหมีเป็นเฉาก๊วยแล้วถอนใจ แต่ก็ยังมองหล่อนเหมือนไม่เคยเห็น มองจนลับตา แล้วก็กลับมาคิดอยู่นั่น กลิ่นหอมๆ ใสๆ นั้น เมื่อคืนเขาสูดดมในห้วงฝัน ดังอุปาทานรู้สึกคล้ายความหวานยังติดอยู่ที่ปาก สัมผัสยังแนบตรึงอยู่ที่มือและกลิ่นยังติดอยู่ที่ปลายจมูก ที่สำคัญ มันเป็นกลิ่นเดียวกับกลิ่นกายของมินตรา!!
“บ้าน่า! เมาค้างหรือไงวะ” เขางึมงำกับตัวเองพลางเดินไปยังตู้เสื้อผ้าแล้วดึงเอาผ้าขนหนูตรงไปยังห้องน้ำ คิดว่าบางทีอาบน้ำให้กระปรี้กระเปร่าสมองปลอดโปร่งอาจช่วยให้เขาเลิกฟุ้งซ่านลงได้...
“มันก็แค่ความฝัน...” บอกตัวเองเมื่อเปิดฝักบัวจนสายน้ำแตกกระจายรดศีรษะจดเท้า ไม่นานเขาจะลืมเรื่องบ้านี้ อีกไม่นาน...