“หมาบ้าอะแม่” ฉันบอกพร้อมกับรินนมลงแก้วให้ท่านดื่ม
“เช้า ๆ ก็ระวังหน่อย หมาในซอยบ้านเรามันเยอะ”คุณนายแม่ก็พูดไปตามเนื้อผ้าและความหมายที่เข้าใจ
“รู้แล้วจ้า แม่รีบออกเถอะ เดี๋ยวรถติดนะ”
“นุกนิกเร็ว ๆ หน่อยลูกเดี๋ยวแม่ไปสาย” แม่มองนาฬิกาแล้วตะโกนขึ้นไปยังชั้นสอง
“มาแล้ว ๆ” เสียงนุกนิกดังมาก่อนที่จะเห็นตัวซะอีก
นางวิ่งโครม ๆ ลงมาหยิบขนมปังแล้วดื่มนมอย่างรวดเร็ว เป็นแบบนี้ประจำยัยเด็กดื้อไม่เคยเผื่อเวลาสักที โรงเรียนยัยนุกเป็นทางผ่านแม่เลยแวะส่งมันก่อนที่จะไปออฟฟิต
“ไปละนะเจ้ หนีพี่เคนให้ได้น๊า” นุกนิกทำหน้าล้อเลียนก่อนจะวิ่งตามแม่ออกไป
อีเด็กนี่! พูดชื่อสุดหลอนสยองขวัญออกมาทำไม ว่าแล้วฉันก็มองไปรอบ ๆ บ้านว่าอีตาเคนมาแอบด้อม ๆ มอง ๆ รึเปล่า ตานั่นทำฉันจิตหลอนไปหมด! จนเริ่มไม่แน่ใจว่าฉันจะหนีรอดรึเปล่ารู้สึกเหมือนกำลังถูกจับตามองอยู่ตลอดเวลาเลย โอ้ยยยย ไม่นะ ไม่ ๆๆๆ เครียด ๆๆๆ ทำงานบ้านโว้ยยยย
14.00น
ในที่สุดภารกิจทำงานบ้านก็เสร็จสิ้น ทั้งเหนื่อยทั้งร้อน! ขนาดอาบน้ำไปอีกรอบยังร้อนอยู่เลย ปกติฉันจะนอนกลางวันพักเอาแรงแต่วันนี้ไม่ได้นอน เพราะไอ้บ้าเคนคนเดียว! ทำชีวิตประจำวันฉันปั่นป่วนไปหมด ระหวาดระแวงไปซะทุกอย่าง แม้กระทั่งก่อนออกจากบ้าน….
ดนตรีมา! ดึง ดึง ดึง....ดึง ดึง ดึ้ง ดือ ดื่อ ดือ ดื้อ ดื่อ....(mission impossible) ย่องไปทางซ้ายหลังแนบชิดกำแพงแล้วค่อย ๆ เอี้ยวหน้าออกไปมอง จากนั้นย่อตัวย่องมาทางขวาชะโงกมอง…ทางสะดวก
บ้า! บ้าที่สุด!
นี่ฉันทำอะไรที่ปัญญาอ่อนขนาดนี้เลย? โคตรเสียภาพพจน์เพราะไอ้บ้าจอมตื้อคนเดียว! แต่เพื่อความชัวร์ดูอีกทีก็ได้ว่า เผื่อมันแอบซ่อนอยู่ตามพุ่มไม้ข้างทาง ว่าแล้วฉันก็ด้อม ๆ มอง ๆ แถวพุ่มไม้หน้าบ้าน…..โล่งอกไปที่ไม่เจอไอ้เคนซ่อนอยู่ ทางสะดวกแบบนี้จะรออะไรล่ะ รีบปั่นสุดฤทธิ์และหวังว่าคงไม่เจอตานั่นดักรอที่หน้าร้านนะ….
ร้านอาหารจีนจงชวนชิม
ฉันกลัวว่าจะเป็นแบบเมื่อเช้า พอเข้าใกล้รัศมีร้านอาหารฉันเลยลงจากจักรยานแล้วค่อย ๆ จูงเดินไปอย่างช้า ๆ แล้วชะเง้อมองไปด้วยเพราะหวาดผวาตาเคนจะมาดักรอ มันทำฉันกลายเป็นโรคหวาดระแวงต้องระวังตัวทุกวินาทีอย่างกับอยู่ในสงครามที่ติดตั้งระเบิดไว้ทุกจุด หากพลาดเหยียบเข้าเมื่อไหร่ล่ะก็…..ตายสถานเดียว!
โชคดีที่ไม่เห็นตานั่นแม้แต่เงา ฉันเลยเบาใจไปเปราะนึงอย่างน้อยช่วงทำงานคงไม่โดนเขารังควานแน่ เมื่อวานอาจจะเป็นเรื่องบังเอิญที่นายเคนมาเจอฉันอยู่ตรงนั้นพอดี ฉันรีบข้ามถนนแล้วเข้าร้านไปอย่างเร่งด่วน เพราะระวังตัวมากเกินไปเลยทำให้การเดินทางล่าช้ากว่าปกติ
มันก็เหมือนเดิมทุกวันที่ฉันทำในสิ่งซ้ำ ๆ เดิม ๆ วนไปเรื่อย ๆ จนกลายเป็นความเคยชิน หน้าที่หลักของฉันคือพนักงานเสิร์ฟ หน้าที่รองคือเป็นลูกมือช่วยในครัวเวลาที่เร่งรีบและอาจจะได้รับงานจิปาถะทั่วไปถ้าคนไม่พอ
อย่างที่ฉันกำลังง่วนอยู่ในครัวตอนนี้ เพราะทัวร์จีนมาลงประจวบกับผู้ช่วยกุ๊กลาป่วยกะทันหัน ฉันเลยต้องมาเป็นทั้งลูกมือและพนักงานเสิร์ฟ ทำสองหน้าที่ในเวลาเดียวกันแต่สตางค์เท่าเดิม
“ขอโทษที่ทำให้รอนานนะคะ” ฉันยกจานหูฉลามร้อน ๆ มาเสิร์ฟลูกค้าโต๊ะสี่ ที่ออเดอร์มาได้เกือบครึ่งชั่วโมงแล้ว ฉันเตรียมใจไว้แล้วหากโดนบ่นเพราะความโมโหหิวของลูกค้า
“พูดเพราะ ๆ ก็เป็นหนิเรา” เสียงที่คุ้นเคยทำให้ฉันรีบก้มหน้าลงมามองทันที….
ไอ้…เฮอร์…ริ….เคน!!!
ฉันได้แต่อ้าปากพะงาบ ๆ จะด่าก็ไม่ได้เพราะมันมาในคราบลูกค้า หึ่ยยย ฉันจะทำยังไงดี! จะทำยังไงกับผู้ชายคนนี้ดีเนี่ย ช่วยบอกทีเถอะ!!!
“รับ-อะ-ไร-เพิ่ม-มั้ย-คะ” ฉันพูดพร้อมกับฉีกยิ้มอย่างจำใจเพราะเป็นกฎของร้าน
“ไม่ค่ะ” เฮอร์ริเคนยิ้มกว้างใส่ แต่พอฉันเดินไปไม่ทันจะพ้นโต๊ะเขาก็เอ่ยทักขึ้น “เดี๋ยวค่ะ พี่ว่าพี่อยากรับอะไรเพิ่มแล้ว”
กวนตีนเป็นที่สุด!
ฉันจำใจเดินกลับไปรับออเดอร์อย่างไม่เต็มใจนัก จะเรียกพนักงานเสิร์ฟคนอื่นมาดูแล….หันซ้ายหันขวาก็มีแต่คนง่วนอยู่กับงานของตัวเองกันหมด ฉันยืนรอไอ้เคนที่พิลี้พิไลมองดูเมนูอย่างช้า ๆ ประหนึ่งเป็นตัวสล็อต Slow life เกินไปแล้วป่ะ!!! นางพลิกดูเมนูไปมาเกือบสิบนาทีกว่าจะอ้าปากสั่ง
“อืมม ไม่เอาแล้วดีกว่าค่ะ”
ไอ้…..เชี่ย….เคน!!! อ๊ากกกกกกกกกกกกกก!!!
ฉันทำได้แค่ตะโกนด่าในใจ นับเลขไว้น้อยหน่า หนึ่งถึงร้อยนับไปเรื่อย ๆ อย่านะ อย่าระเบิดตอนนี้นะ ไม่งั้นโดนเฮียด่ายับแน่ ทุกก้าวเดินอย่างช้า ๆ แล้วนับเลขในใจ ท่องไว้ต้องใจเย็น…..ต้องใจเย็น
“อ่า กลับก่อนมาก่อนค่ะเธอ พี่เปลี่ยนใจอยากสั่งอะไรนิดหน่อย”
ปัง!!
ฉันหันควับกลับมาทุบโต๊ะอย่างแรงจนคนรอบข้างมองเป็นตาเดียวกัน! ไม่ไหวแล้วโว้ยยย ถ้าจะกวนตีนกันขนาดนี้ บอกแล้วว่าอีน้อยหน่าความอดทนต่ำ! แต่บรรยากาศความเงียบรอบตัวทำให้ฉันต้องเหลียวมองไปรอบ ๆ