“เรื่องที่ฉันให้นายไปสืบ เกี่ยวกับกระแสเงินโอนของบริษัทที่โอนไปยังปลายทาง ทุกๆ เดือนๆ ละหนึ่งแสนเหรียญ นายจัดการไปถึงไหนแล้ว” น้ำเสียงทุ้มต่ำยังคงเอ่ยถามผู้ช่วยถึงเรื่องที่เขาสั่งให้ไปจัดการ ใบหน้าหล่อเหลาคมคาย หน้าผากกลมมนผุดพลายไปด้วยเม็ดเหงื่อ
"เรื่องนั้นสืบได้เรื่องแล้วครับเป็นบัญชีของจางอี้เหมิน เจ้าของร้านเบเกอรี่ที่อยู่แถบชานเมืองครับ"
"น่าสนใจดี ไม่ยักรู้ว่าคุณพ่อจะรู้จักกับเจ้าของร้านเบเกอรี่ด้วย งั้นช่วงบ่ายนี้ถ้าไม่มีอะไร นายช่วยพาฉันไปที่ร้านนั้นหน่อย"
"แต่ท่านประธานไม่ชอบทานของหวานจำพวกนี้ไม่ใช่หรือครับ" ข่งอวิ๋นเอ่ยก่อนที่จะเหลือบมองที่นาฬิกาข้อมือ
"ฉันไม่ชอบแล้วจะซื้อมาแจกให้นายกับพวกพนักงานที่นั่งอยู่ด้านนอกไม่ได้หรือไง" หานลี่เอ่ยจบก็ติดกระดุมเสื้อเม็ดบนพร้อมกับรูดเนกไทด์ให้กลับมาเป็นปรกติก่อนจะลุกขึ้นและก้าวออกจากห้องไปโดยมี ข่งอวิ๋นเดินตามไปภายหลัง หรือว่าจะเป็นเพราะอยู่ในช่วงรัทของท่านประธาน อารมณ์จึงแกว่งไปแกว่งมาแบบนี้กันนะ ข่งอวิ๋นเอ่ยรำพึงพร้อมกับสาวเท้ายาวๆ ก้าวตามท่านประธานไป
หลายวันก่อนวันประชุมเสียงคลิกเมาส์ดังสม่ำเสมออยู่ในห้องทำงานที่ปิดทึบ ผนังด้านหนึ่งเต็มไปด้วยแฟ้มข้อมูลจัดเรียงอย่างเป็นระเบียบ บนจอคอมพิวเตอร์ปรา กฏรายงานการโอนเงินจากบัญชีบริษัทจำนวนเท่าเดิมทุกๆ เดือนยาวต่อเนื่องย้อนไปกว่าสิบปีหานลี่นั่งพิงเก้าอี้ พลิกแฟ้มรายงานกระดาษที่ข่งอวิ๋นเพิ่งส่งมาให้ ดวงตาคมกริบไล่ตามชื่อบัญชีผู้รับ “จาง อี้เหมิน…?”
ในเอกสารแนบที่คนของเขาได้มานั้นมีข้อมูลเพียงเล็กน้อยบอกแต่เพียงว่าเป็นชายอายุห้าสิบกว่า เป็นเจ้าของร้านเบเกอรี่ขนาดกลางที่ตั้งอยู่บนถนนในย่านเงียบสงบของแถบชานเมืองซี เขาไม่มีประวัติอาชญากรรม ไม่มีการทำธุรกิจอื่นนอกเหนือจากร้านเบเกอรี่แห่งนี้แต่สิ่งที่สะดุดตาหานลี่ก็คือ “ผู้อาศัยร่วม” ในทะเบียนบ้านที่ชื่อหยางอีทั่น หานลี่ชายหนุ่มรีบขยับมือพลิกหน้าแฟ้มด้วยความสนใจก็พบกับ ภาพถ่ายที่แนบมาทำให้ดวงตาเขาแคบลงจ้องมองอย่างพิจารณา
ชายหนุ่มในรูปสูงโปร่ง ไหล่กว้างลาดเอียงทวงท่าทางสงบแต่แฝงเสน่ห์แปลกประหลาด ผิวขาวสะอาด เส้นผมหยักศกสีดำขลับตัดกับดวงตากลมโตโทนอบอุ่นใบหน้าหล่อเหลาราวกับรูปสลัก ตรงช่องข้อมูลยังระบุว่าหยางอีทั่นสถานะอัลฟ่าหรือโอเมก้า ไม่ปรากฏผลตรวจชัดเจน ฟีโรโมนเป็นกลิ่นวานิลลา ทั้งหมดนี้เป็นเพียงบันทึกสั้น ๆ จากข้อมูลที่เลขาของเขาได้มายังระบุว่าเมื่ออยู่ใน
ร้านเบเกอรี่ กลิ่นฟีโรโมนส์ของเขากลมกลืนไปกับกลิ่นขนม และเครื่องดื่มจนแทบแยกไม่ออก
หยางอีทั่นอายุยี่สิบห้าปี ชายหนุ่มเพิ่งกลับจากต่างประเทศหลังเรียนจบปริญญาโทมาได้ราวสองสามปี เลือกปฏิเสธข้อเสนอดีๆ จากหลายบริษัทใหญ่ๆ และไม่เข้าร่วมการแข่งขันในแวดวงธุรกิจใด ๆ แต่กลับต้องการเพียงช่วยจางอี้เหมินดูแลร้านเบเกอรี่เล็ก ๆ อย่างเงียบ ๆ ปลายนิ้วของหานลี่เคาะลงบนแฟ้มช้าแต่หนักแน่น
“สิบกว่าปี… เงินก้อนนี้… เพื่อเขา?” ความคิดหนึ่งของหานลี่ก็ผุดแทรกขึ้นมาในใจอีฟิล์ม…อาจจะไม่ใช่แค่ชายหนุ่มธรรมดาที่หลบอยู่หลังกลิ่นวานิลลาและอบเชยเสียแล้วในเมื่อผู้ปกครองของเขาเป็นเพียงรางๆธรรมดาๆ คนหนึ่ง เหตุใดจึงมีคนที่สถานะไม่ชัดเจนอยู่ร่วมในทะเบียนบ้านได้นะ ยิ่งดูจากการศึกษาก็ไม่เลวเลยทีเดียว จบปริญญาโททางการปกครองระหว่างประเทศเสียด้วย หานลี่เอ่ยรำพึงมาตลอดทางที่นั่งรถที่กำลังมุ่งหน้าออกนอกชานเมือง
รถยนต์หรูสีดำเงา วาววับชะลอตัวก่อนหยุดสนิทที่หน้าร้านเบเกอรี่เล็ก ๆ บนถนนสายเงียบสงบการจราจรไม่พลุกพล่าน ป้ายไม้สีน้ำตาลอ่อนเหนือประตูแก้ว บอกชื่อร้าน L'arôme du de la vanille ถูกประดับด้วยช่อดอกแห้งสวยงามแปลกตา และกระจกหน้าร้านก็ถูกขีดเขียนด้วยลายมือเป็นเมนูขนมประจำวัน หานลี่ร่างสูงโปร่งก้าวลงจากรถ เสียงส้นรองเท้ากระทบพื้นฟุตปาธดังแผ่ว เขาเหลือบมองป้ายร้านแวบหนึ่งก่อนผลักประตูเข้าไป เสียงกระดิ่งเหนือบานประตูดังกรุ๊ง-กริ๊ง ต้อนรับผู้มาเยือนพร้อมกลิ่นของขนมปังอบใหม่และเนยสดที่หอมอบอวลไปทั่วร้าน ที่ตกแต่งด้วยเฟอร์นิเจอร์ไม้เก่าและโคมไฟ เพดานทรงย้อนยุคทำให้บรรยากาศร้านเบเกอรี่นี้ ดูอบอุ่นราวกับร้านในเมืองยุโรปเล็ก ๆ
เวลานี้มีลูกค้าอยู่ภายในร้านไม่มากนัก มีเพียงหญิงวัยกลางคนสองสามคนกำลังจิบกาแฟกับครัวซองต์ที่มุมหน้าต่างดวงตายาวรีได้รูปของหานลี่กวาดมองเพียงครู่เดียว ก่อนจะหยุดลงที่เคาน์ เตอร์ซึ่งมีชายวัยกลางคนสวมผ้ากันเปื้อนสีครีมกำลังยิ้มทักทายลูกค้าจางอี้เหมิน นั่นคือเป้าหมายของเขาในวันนี้เหตุผลเดียว ที่ทำให้ผู้ช่วยของเขาขับรถพาเขามาที่นี่ ไม่ใช่ความสนใจในร้าน ไม่ใช่ความชอบในขนมอบ แต่เพื่อหาคำตอบว่า ทำไม บิดาของเขาจึงโอนเงินจำนวนมหาศาลให้ชายคนนี้มานานกว่าสิบปี และยังใช้บัญชีบริษัทในกาโอน
หานลี่ไม่แม้แต่จะหันไปมองด้านในครัวกระจกใสที่อยู่ด้านหลังเคาท์เตอร์ ที่มองเห็นร่างสูงของชายหนุ่มในเสื้อเชิ้ตสีขาวกำลังง่วนอยู่กับการร่อนแป้งและจัดถาดขนมเข้าเตาอบกลิ่นวานิลลาละมุนที่เจืออยู่ในอากาศ…เขาไม่ทันได้เอะใจเลยว่ามันไม่ได้มาจากเพียงเนยและน้ำตาลในเตา
เสียงรองเท้าหนังดังแผ่วขึ้นอีกครั้งเมื่อหานลี่ก้าวตรงไปยังเคาน์เตอร์จางอี้เหมินชายวัยกลางคนเงยหน้าขึ้นจากการห่อขนมให้ลูกค้า แววตาของชายวัยกลางคนทอประกายอบอุ่นเหมือนเจ้าของร้านทั่วไปที่คุ้นชินกับการต้อนรับผู้คน
“สวัสดีครับ ไม่ทราบว่าวันนี้คุณลูกค้ารับอะไรดี มีขนมเพิ่งอบเสร็จออกจากเตาอบร้อนๆ?”เสียงทุ้มของจางอี้เหมินชายวัยกลางคนเอ่ยขึ้นตามมารยาท
“ขอเอสเพรสโซ่ร้อนหนึ่งที่กับครัวซองต์หนึ่งชิ้น” หานลี่ตอบเรียบสั้น แต่สายตาของเขาไม่ได้จับจ้องที่คู่สนทนา กลับมองผ่านไหล่ของอีกฝ่ายไปยังครัวด้านในหลังกระจกใส ร่างสูงโปร่งในเสื้อเชิ้ตสีขาวสะอาดกำลังก้มหน้าก้มตาหยิบถาดคุกกี้ออกจากเตา กลิ่นวานิลลาลอยอุ่น ๆ เข้ามาแตะจมูกหานลี่อย่างจาง ๆ เขารู้ดี…นั่นไม่ใช่เพียงกลิ่นจากขนมอบ ข่งอวิ๋นที่เพิ่งหาที่จอดรถได้ก็รีบก้าวเข้ามาในร้าน ก่อนจะกวาดสายตามองไปโดยรอบแล้วเขาก็ต้องถึงกับกลืนน้ำลายก้อนโต ขนมอบหอมกรุ่นหลากหลายชนิดจัดวางอยู่ในตะกร้ารูปร่าง หน้าตาหลากหลายเห็นแล้วทำให้ลำไส้ของเขาถึงกับบิดตัว
“คุณลูกค้าท่านนี้ดูไม่คุ้นหน้า ขอโทษนะครับคุณเป็นลูกค้าประจำหรือเปล่า?” จางอี้เหมินพยายามชวนคุยอย่างสุภาพ
“พอดีผมผ่านมาทางนี้นี่เป็นครั้งแรก” หานลี่ชายหนุ่มรูปหน้างดงามองคาพยพเด่นชัดทุกสัดส่วนเอ่ยตอบเพียงสั้นๆ แต่แววตาคมยังคงตรึงอยู่กับชายหนุ่มในครัวที่กำลังยิ้มให้ลูกค้าซึ่งเพิ่งเดินเข้ามาจางอี้เหมินเลิกคิ้วเล็กน้อยเมื่อรับรู้ถึงความสนใจของอีกฝ่าย
“นั่น…หลานชายผมเองหยางอีทั่น เวลาว่างเขามักจะมาช่วยงานอยู่ที่ร้าน” น้ำเสียงนั้นเหมือนเอ่ยอย่างธรรมดา แต่หานลี่ก็สัมผัสได้ถึงชั้นเชิงที่พยายามปิดบังบางอย่างเขาเพียงยกยิ้มมุมปากเล็กน้อย หากเขาเป็นคนที่คุณพ่อรู้จักสนิทสนมธรรมดา หานลี่ก็คงไม่ต้องพาตัวเองมาถึงที่นี่ แต่เงินเดือนละหนึ่งแสนที่โอนให้คนผู้นี้ทุกเดือนมาเป็นเวลาเกือบสิบปีทำให้เขาอยู่เฉยไม่ได้ ตกลงแล้ว ชายกลางคนผู้นี้มีความสัมพันธ์แบบใดกับบิดาของเขากันแน่ ในเมื่อดูจากประวัติที่ได้ จางอี้เหมินเป็น เบต้าธรรมดาคนหนึ่งเท่านั้น ไม่มีอะไรน่าดึดูด
น่าสนใจเลยจนนิดเดียว
“ผมแค่ผ่านมาทางนี้พอดีเห็นร้านของคุณอาตกแต่งร้านได้น่าสนใจดีก็เลยอยากแวะซื้อขนมอบของคุณอาไปฝากคนที่บริษัท ” หานลี่ เอ่ยพร้อมกับยกมุมปากได้รูปขึ้นเล็กน้อย ทุกการกระทำของเขา นับตั้งแต่ก้าวเข้ามาในร้านอยู่ในครรลองของ หยางอีทั่นมาโดยตลอดหยางอีทั่นที่ยืนอยู่หลังกระจกใสในครัวกลับรู้สึกได้ถึงฟีโรโมน
ถึงแม้ หานลี่จะยอมใช้เจลฟิล์มที่ยังไม่ได้การันตีผลทดสอบเลยก็ตาม แต่หยางอีทั่นก็ยังได้กลิ่นของดอกโบตั๋วออกมารางๆ หนุ่มอัลฟ่าคนนี้ไม่ธรรมดาเลย ถ้าหากเขาจำไม่ผิดลูกค้าคนนี้ก็คือ เยี่ยน หานลี่ ประธานบริษัท เยี่ยน หัวเซ่อฯผู้โด่งดังคนนั้น วันนี้มาถึงที่นี่ได้ คงไม่ได้แค่อยากมาซื้อขนมอบหอมกรุ่นเพียงอย่างเดียวแน่ๆ
หยางอีทั่นชะงักปลายนิ้วที่กำลังจัดคุกกี้เรียงลงถาด เมื่อความรู้สึกบางอย่างไหลวาบเข้ามาในสัญชาตญาณโอเมก้าแฝงของเขาแม้กลิ่นวานิลลาที่อบอวลในครัวจะกลมกลืนไปกับกลิ่นขนมอบอยู่แล้ว แต่กลิ่นฟิโรโมนส์อีกสายหนึ่งนั้นกลับเล็ดลอดเข้ามาเจือ เป็นกลิ่นดอกโบตั๋น อ่อนจางแต่คมชัด ราวกับกำลังพยายามปิดบังแต่ไม่อาจกลบได้หมด อีทั่นชายหนุ่มเหลือบสายตาผ่านกระจกใส เห็นชายหนุ่มรูปร่างสูงโปร่งอยู่ในชุดสูทเนี้ยบกำลังสนทนากับอี้เหมิน สายตาของอีกฝ่ายไม่เคยหลุดจากเขาไปเลยแม้สักวินาที คนผุ้นี้ดูเหมือนจะเป็นอัลฟ่า…และไม่ใช่อัลฟ่าธรรมดาเสียด้วยสามารถกดฟีโรโมนส์ของตนไว้ได้เพียงนี้คนผู้นี้น่าจะใช้แผ่นเจลฟิล์มที่เขาได้เห็นข่าวของบริษัทฯ ที่โปรโมทตามสื่อต่างๆ ทุกช่องทางเมื่อเร็วๆ นี้
แผ่นเจลฟิล์มที่อีกฝ่ายใช้…อีทั่นจำได้ว่าเป็นรุ่นทดลองที่ยังไม่ผ่านการรับรองอย่างเต็มรูปแบบ แต่กลิ่นฟีโรโมนส์กลับยังเล็ดลอดออกมาได้ขนาดนี้ แสดงว่าพลังฟีโรโมนส์ของเขาแข็งแรงเกินมาตรฐานทั่วไป ถ้าหากเขาจำไม่ผิด ชายคนนั้นก็คือ เยี่ยน หานลี่ ประธานบริษัท เยี่ยน หัวเซ่อร์ฯ เป็นบริษัทที่โด่งดังทั้งในแวดวงทางการแพทย์และการลงทุนระดับนานาชาติ ตอนนี้หัวใจของ อีทั่นเต้นกลับเต้นช้าลงอย่างระมัดระวัง… เยี่ยน หานลี่ชายหนุ่มมาที่นี่วันนี้ ไม่ใช่เพราะกลิ่นหอมของขนมอบอย่างแน่นอน หานลี่เองก็รู้สึกเช่นกันว่ามีสายตาอีกคู่หนึ่งกำลังจับจ้องมองเขาอยู่อย่างเงียบ เขาจึงต้องรีบปิดจบภารกิจในครั้งนี้ให้เสร็จก่อนที่ จางอี้เหมินจะไหวตัวทัน
“ไม่ทราบว่า ร้านขนมของคุณอาเปิดมานานหรือยังครับ”
“เปิดมาได้หลายปีแล้วล่ะ พ่อหนุ่ม เธอไม่ใช่คนแถวนี้เพิ่งจะมาเห็นมีร้านขนมอบเก่าๆ ตั้งอยู่ที่นี่ก็ไม่แปลกหรอก”
“งั้นเหรอครับ พอดีว่าที่บริษัทผมอีกไม่กี่วันจะมีงานเลี้ยงฉลองวันเกิดของพนักงานในบริษัท ใช่ไหม ข่งอวิ๋น” หานลี่หันกลับไปเอ่ยกับผู้ช่วยเพื่อขอคำยืนยัน
“อ้อ ใช่ครับ หรือว่า?...” ข่งอวิ๋น เห็นสายตายาวรีแต่คมปลาบมองจ้องมาก็ทำให้สมองน้อยๆ ของเขาเริ่มประมวลผล สีหน้าและท่าทีของเจ้านายทันที
“คือ ถ้าผมจะขอสั่งขนมอบจำนวนมากเพื่อไปฉลองวันเกิดให้พนักงานที่บริษัท ทางร้านจะรับทำให้ไหมครับ ราวๆ สี่สิบถึงห้าสิบชิ้น”
“คุณลูกค้าต้องการขนมอบแบบไหนดีล่ะ จะเป็นทาร์ต ชิโอปัง คุกกี้ หรือว่าเป็นครัวซองส์ดี หรือว่าเป็นคัพเค้กทางร้านมีให้เลือกหลายแบบเชิญเลือกชมดูก่อน” หยางอีทั่น นำเอชเปรสโซ่ร้อน กับครัวซองส์ที่เพิ่งอุ่นร้อนๆ พร้อมกับเนยคุณภาพดีมาวางลงบนโต๊ะตรงหน้าที่ หานลี่นั่งก่อนจะเอ่ยตอบแทนจางอี้เหมินไป
“ผมว่าเอาคละกันไปดีกว่า พนักงานของพวกคุณจะได้เลือกได้ วางมัดจำก่อนครึ่งหนึ่ง แล้ววันรับสินค้าจ่ายส่วนที่เหลือ ราคานี้ไม่รวมค่าขนส่ง”
“ตกลงเอาตามที่นายว่ามาก็แล้วกัน ห้าสิบชิ้นแบบคละ แต่รบกวนนายช่วยไปส่งขนมที่บริษัทให้ด้วยก็แล้วกัน” เอ่ยจบหานลี่ก็ล้วงเอานามบัตรส่งให้กับ อีทั่น ที่ด้านหลังนามบัตรเป็นแผนที่ ตั้งของบริษัท ชายหนุ่มร่างสูงกว่ารับมาแล้วจึงหันไปทาง จางอี้เหมินบอกให้คิดเงินและเก็บเงินมัดจำกับลูกค้าเอาไว้ แล้วเขาจึงเดินหายกลับเข้าไปในครัวอีกครั้ง ก่อนกลับ หานลี่หันไปเอ่ยกับจางอี้เหมิน
“คุณอา ครับผมมีเรื่องรบกวนอยากถามคุณอา” เจ้าของเสียงเอ่ยพร้อมกับจ้องมองคนตงหน้าราวกับจะคาดคั้นต้องการคตอบ
“คุณอยากจะถามเรื่องอะไรหรือครับ?”
“ไม่ทราบว่าเราสองคนเคยรู้จักกันมาก่อนมั้ย?” น้ำเสียงเยียบเย็นมาพร้อมกับนัยน์ตาคมปลาบจ้องมองมาที่ตนเช่นนั้นทำให้จางอี้เหมินชะงักไปเสี้ยววินาที ก่อนจะฝืนยิ้มหานลี่เลื่อนสายตากลับมาที่อีกฝ่ายอีกครั้งแรก
“เกี่ยวกับความสัมพันธ์ของคุณอา กับบิดาผมเยี่ยนจวินหาน” ในขณะที่คำพูดนั้นลอยออกไป เขาก็เหลือบมองอีทั่นอีกครั้ง แต่ครั้งนี้ไม่ใช่แค่เพราะความสงสัย แต่เป็นการพยายามอ่านบางสิ่งที่ซ่อนอยู่ใต้รอยยิ้มของโอเมก้าแฝงคนนั้น
“คุณอารู้จักกับคุณพ่อของผมหรือเปล่าครับ”
เยี่ยน จื่อเหนิงน้องชายคนรองของหานลี่ใช้การ์ดสแกนประตูคอนโดหรู เสียงกลไกของประตูดิจิตัล ล็อกก็คลายตัวดัง ติ๊ด... ก่อนที่บานประตูจะเปิดออกเข้ามาก็พบกับภายในห้องตกแต่งสไตล์โมเดิร์นโทนเย็น แต่ยังมีกลิ่นจางๆ ของน้ำหอม อโรมาที่เขาใช้ในช่วงรัท เพื่อกลบกลิ่นฟีโรโมนส์ที่แปรปรวนในร่างกายสามสี่วันที่ผ่านมา
เขาหายตัวออกจากตารางงานทุกการนัดหมายและ เก็บตัวเงียบในสถานที่ปลอดภัย เพื่อให้ร่างกายผ่านพ้นช่วงเวลาที่ไม่อาจควบคุมได้ง่ายนัก การรัทครั้งนี้ของจื่อเหนิงได้นำยาต้านรัทที่เป็นผลงานของบริษัท ที่เพิ่งจะเปิดตัววางจำหน่ายไปเมื่อปีกลายไปด้วย เป็นยาต้านรัทแบบ trans dermal patch ที่ตัวยาจะซึมเข้าสู่กระแสเลือดทันทีภายในไม่ถึงสิบห้าวินาทีหลังเปิดใช้แผ่นแปะเหล่านี้ช่วยให้การส่งยาเป็นไปอย่างสม่ำเสมอและควบคุมได้ ลดผลข้างเคียง และให้ผลลัพธ์ที่สม่ำเสมอเมื่อเทียบกับการรับประทานยา
ในฐานะอัลฟ่าปกติ แม้ฟีโรโมนส์ของเขานั้นจะไม่รุนแรงเท่าพี่ชายหรืออัลฟ่าชั้นนำคนอื่น แต่รัทก็ยังเป็นภาวะที่บั่นทอนสมาธิและแรงกายไม่น้อยและชายหนุ่มก็ยังต้องนำแผ่นแปะนี้ติดตัวไปด้วยตลอด ชายหนุ่มทิ้งกระเป๋าเอกสารลงบนโซฟา ก่อนหยิบมือถือขึ้นมาเปิดหน้าจอสว่างวาบพร้อมปรากฏข้อความจาก เยี่ยน หานลี่ พี่ชายเพียงคนเดียว[หากนายมีเวลาว่าง ก็ไปเยี่ยมคุณพ่อบ้าง]
จื่อเหนิงทายาทคนรองเจ้าของบริษัท เยี่ยน หัวเซ่อฯนิ่งงันไปครู่หนึ่ง สายตาของเขาเลื่อนผ่านตัวอักษรสั้นๆ แต่กลับเหมือนมีน้ำหนักบางอย่างกดทับในอกพี่ชายของตนมักจะไม่ส่งข้อความแนวนี้มาหาบ่อยนัก ไม่ใช่เพราะว่าเขาไม่สนใจ แต่เป็นเพราะในบ้านนี้เรื่อง “พ่อ” นั้นไม่เคยเป็นเรื่องง่ายที่พวกเขาสองคนพี่น้องจะพูดถึงเขารู้ดีว่าช่วงนี้ จวินหานเริ่มมีปัญหาสุขภาพมากขึ้น และแม้ตัวเองจะพยายามแยกชีวิตการทำงานออกจากความสัมพันธ์ในครอบครัวนี้ แต่มันก็หลีกเลี่ยงไม่ได้ว่าในฐานะผู้อำนวยการฝ่ายวิเคราะห์การลงทุนของเยี่ยน หัวเซ่อฯ เขายังต้องเจอชื่อพ่อในเอกสารบางฉบับอยู่เสมอจื่อเหนิงถอนหายใจเบาๆ ความทรงจำเก่าๆ และเรื่องราวในอดีตที่เขาไม่อยากนึกถึงเกี่ยวกับอดีตของพ่อไหลราวกับสายน้ำย้อนเขามาในหัว รวมไปถึงเงาของใครบางคนที่เขาไม่อยากให้พี่ชายต้องพบเจอโดยบังเอิญ ชายหนุ่มเลื่อนไสลด์หาอ่านข่าวอยู่ตลอดเวลาในช่วงที่เขารัท จึงรู้ว่าเวลานี้ บริษัทของเขากำลังพัฒนาแผ่นเจลฟิล์มเพื่อวางจำหน่าย หนำซ้ำยังเป็นโปรเจค ระดับประเทศอีกด้วย พูดถึงช่วงที่เขารัทแล้ว ไม่รู้ทำไมเขาถึงต้องนึกถึงคนนั้นด้วย
เยี่ยน จื่อเหนิงเขายังคงจำได้ชัดเจนว่า เขาได้รู้จักกับหยางอีทั่นชายหนุ่มที่เขามักจะนึกถึงทุกครั้งที่อยู่ในช่วงรัท การพบกันครั้งแรกในวันที่มหาวิทยาลัยต่างประเทศที่เขาทั้งสองเรียนอยู่ด้วยกันนั้นมีงานเลี้ยงต้อนรับนักศึกษาปีใหม่ ภาพเหตุการณ์ของหยางอีทั่นในตอนนั้นหนุ่มร่างสูงโปร่ง สวมเสื้อเชิ้ตสีขาวเรียบ แต่สายตาของเขากลับดูสุภาพแต่ลึกซึ้ง และมีกลิ่นฟีโรโมนส์ที่ไม่เด่นชัดจนยากจะจับได้ว่าคือโอเมก้า หากว่าเขาเป็นโอเมก้า ก็คงจะเป็นโอเมก้าที่ อัลฟ่าต่างก็ต้องการอยากครอบครองเขามากที่สุดสำหรับคนทั่วไป อีทั่นอาจเป็นเพียงโอเมก้าธรรมดาๆ คนหนึ่ง แต่จื่อเหนิงรู้สึกกับคนผู้นี้บางอย่างตั้งแต่ครั้งแรกที่อยู่ใกล้กัน ความอุ่นร้อนในอกที่ไม่เคยเกิดขึ้นกับใครมาก่อน เขาเก็บความลับนี้ไว้เงียบๆ ตลอดช่วงเวลาที่เรียนด้วยกันจื่อเหนิงไม่เคยคิดอยากจะบอกกับใครๆ เลยว่าตัวเองแอบชอบโอเมก้าผู้นี้ ที่ภายนอกจะดูเป็นคนแสนธรรมดาคนนี้และไม่เคยบอกแม้แต่อีทั่นเอง เพราะจื่อเหนิงนั้นรู้ดีว่าความผูกพันระหว่างอัลฟ่ากับโอเมก้าถูกตีความไปได้หลายรูปแบบเกินไปในสังคมอัลฟ่าของเขา
จื่อเหนิงเองก็รู้ดีว่าตัวเขานั้น “แตกต่าง” จากพี่ชาย แม้ว่าเขาจะมีสายเลือดอัลฟ่าเหมือนกัน แต่เขาเป็นเพียงอัลฟ่าปกติ ไม่ใช่อัลฟ่าชั้นนำระดับเอสพลัสที่มีพลังฟีโรโมนส์สูงเหมือนกับหานลี่ เหตุผลหนึ่งนั้นก็มาจากอดีตอันขมขื่นของครอบครัวของเขาเองเยี่ยน จวินหาน บิดาของเขา สูญเสียพลังฟีโรโมนส์ไปกว่าครึ่งก็เพราะครั้งหนึ่งเคยเผลอมีสัม พันธ์กับพวกซิกม่า ที่คนกลุ่มนี้แม้จะมีเพียงไม่ถึงหนึ่งเปอร์เซ็นต์แต่ก็มีความสามารถพิเศษ ในการ “กัดกิน” ฟีโรโมนส์ของผู้อื่น จนทำให้ผลที่ตามมาทำให้เขาเกิดมาพร้อมความแข็งแรงในแบบมาตรฐาน แต่ไม่ถึงขั้นพิเศษ
แม้ว่าพวกเขาทั้งสองคนจะพยายาอยู่ในกรอบเส้นของความเป็นเพียงเพื่อนกันมานาน แต่ในใจของจื่อเหนิงแล้วที่ผ่านมาอีทั่นไม่เคยเป็นแค่ “เพื่อน” เพียงแต่เขาเลือกที่จะเฝ้ามองคนผู้นั้นอยู่ห่างๆ เพราะรู้ว่าการที่เขาจะก้าวเข้าไป ในมิตรภาพนั้นอาจไม่ใช่การปกป้อง แต่อาจเป็นการทำลายกำแพงที่อีกฝ่ายตั้งไว้อย่างระมัดระวัง
“ไม่รู้ว่าช่วงที่นายฮีท นายนึกถึงใครหรือว่าอยู่กับใคร นอนกับใคร แต่สำหรับฉัน เฮ้อ...พูดไปใครจะเชื่อ อีทั่นว่าฉันต้องผ่านช่วงรัทไปด้วยการช่วยตัวเอง” เอ่ยรำพึงจบ จื่อเหนิงก็มองดูมือของเขาทั้งสองข้าง ก่อนจะทิ้งตัวลงบนโซฟาหนังที่ตั้งอยู่ในห้อง จะว่าไปแล้ว พี่หานลี่ก็จะอยู่ในช่วงรัทแล้วนี่ แล้วเขาต้องใช้มือช่วยตัวเองเหมือนฉันมั้ยวะ
ในห้องของเขาไม่มีอะไรอยู่ในตู้เย็นเลยนอกจากน้ำและสารเหลวที่ได้จากแล๊บต่างๆ ชายหนุ่มจึงคิดที่จะ ไปหาข้าวกินที่ห้องของพี่ชาย
“ไปห้องพี่ หานลี่หาอะไรกินน่าจะดี” เอ่ยจบ จื่อเหนิงก็รีบลุกขึ้นอาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้าเป็นชุดใหม่แล้วจึงออกจากห้องของตนกดลิฟต์ขึ้นไปที่ชั้นบนสุดของคอนโดที่เป็นห้องพักของ หานลี่
ภายในห้องเพนต์เฮ้าส์สุดหรูชั้นสูงสุดของตึกที่ตั้งอยู่ใจกลางเมือง เยี่ยน หานลี่ที่เพิ่งกลับจากออฟฟิศชายหนุ่มร่างสูงโปร่งกำลังปลดกระดุมแขนเสื้อเชิ้ตทีละเม็ดพร้อมกับนาฬิกาเรือนหรูถูกถอดวางลงบนโต๊ะอย่างระมัดระวัง กลิ่นเจลฟิล์มอ่อนๆ จากผิวที่บริเวณต้นคอเริ่มระเหยออกมา ช่วยกดทับกลิ่นฟีโรโมนส์ดอกโบตั๋นที่กำลังรุนแรงขึ้นเรื่อยๆ "อา..."หานลี่ส่งเสียงร้องครางออกมาเบาๆ เขารู้ดีว่าช่วงรัทของตัวเองไม่เคยเป็นเรื่องง่าย แม้ว่าเวลานี้เขาจะได้ทดสอบแผ่นฟิล์มเจลรุ่นล่าสุดของโครงการอย่างไม่เป็นทางการแล้วก็ตาม ผลของมันคือช่วยลดความทรมานลงได้บ้าง แต่มันก็ไม่มากพอให้เขาใช้ชีวิตปกติในช่วงนี้ทางที่ดีที่สุดคือเก็บตัวเงียบๆ ไม่ให้ตัวเองหรือใครตกอยู่ในสถานการณ์เสี่ยง
หานลี่ชายหนุ่มเอนตัวพิงโซฟายาวทำด้วยหนังอย่างผ่อนคลายหลังจากอาบน้ำอุ่นแล้วร่างกายก็รู้สึกดีขึ้นเล็กน้อยก่อนที่ จะปล่อยให้ความเงียบของห้องคอยโอบ ล้อมในห้วงความคิด เวลานี้เขากลับนึกถึงน้องชายของเขาเยี่ยน จื่อเหนิง น้องชายที่เพิ่งพ้นช่วงรัทไปไม่กี่วันเยี่ยนจื่อเหนิงนั้นต่างจากเขากับบิดาจื่อเหนิงเป็นเพียงอัลฟ่าระดับปกติ ฟีโรโมนส์ของเขาจึงไม่เข้มข้นถึงขั้นกดคนรอบข้างให้ต้องหลบสายตา
ช่วงรัทของน้องชายแม้ว่ามันจะสร้างความลำบาก แต่ก็ไม่รุนแรงเท่าใดจนต้องใช้มาตรการควบคุมเข้มข้นเหมือนทายาทตระกูลเยี่ยน อย่างเขาแม้ว่าหานลี่จะไม่เคยพูดออกมา แต่ลึกๆ แล้วเขานึกเห็นใจจื่อเหนิงอยู่เสมอ เพราะแม้ว่าน้องชายคนนี้จะเป็น อัลฟ่าอยู่ในสกุลเยี่ยน แต่ในสายตาของคนบางกลุ่มแล้วสำหรับจื่อเหนิงมันก็ยัง “ไม่เพียงพอ” สำหรับมาตรฐานของสายเลือดตระกูลเยี่ยนเมื่อหานลี่นึกถึงเรื่องนี้แล้วริมฝีปากของชายหนุ่มก็กระตุกยิ้มจางๆ เป็นรอยยิ้มที่เต็มไปด้วยทั้งความห่วงใยและความขมขื่นในเวลาเดียวกัน
หานลี่เขาหวังเพียงว่าจื่อเหนิงน้องชายของเขาจะไม่คิดมากกับเรื่องสถานะของตนเองจนเกินไปนัก แม้จะเป็นแค่อัลฟ่าปรกติ แต่ถึงอย่างไรเขาก็ได้ชื่อเป็นคุณชายรองสกุลเยี่ยน ใครกล้าดูถูกเขาก็เหมือนกับตบหน้าเยี่ยนหานลี่
เสียงประตูดิจิตัลคลายล็อกออก หานลี่ซึ่งอาบน้ำแล้วก็กำลังเตรียมตัวเก็บข้าวของใช้ส่วนตัวเพื่อจะบินไปเก็บตัวอยู่ที่ประเทศทีที่เป็นสถานที่เก็บตัวช่วงรัทของสกุลเยี่ยน อยู่ภายในห้องนอนก็ได้ยินเสียงน้องชายเอ่ยเรียก
“พี่ ห้องพี่มีอะไรกินบ้าง ผมหิว”
ชั้นสองของร้านเบเกอรี่ตกแต่งสไตล์วินเทจที่อยู่แถบชานเมืองริมถนนอันสงบเงียบนั้นเป็นที่ห้องพักของ อีทั่นชายหนุ่มเวลานี้เขากำลังนั่งอยู่หน้าคอมพิวเตอร์ เข้าเว็บไซต์ของบริษัท เยี่ยน หัวเซ่อฯ แล้วกดคลิกดูหัวข้อ แผนผังผู้บริหารองค์กรของบริษัทฯใหญ่ระดับประเทศแล้วก็ต้องแปลกใจ เมื่อเขาเห็นรูปภาพของคนผู้หนึ่งที่คุ้นตาพร้อมกับชื่อและตำแหน่ง