ตอนที่1 ใบหย่าในวันแต่งงาน

2243 Words
ตอนที่1 ใบหย่าในวันแต่งงาน  หลังจากที่นัดกันทานอาหารกันสองครอบครัวไม่ถึงเดือนงานแต่งงานของเธอกับเขาก็ถูกจัดขึ้นณ โรงแรมหรูระดับห้าดาว ข่าวการแต่งงานของสองครอบครัวถูกนำมาพูดถึงกันอย่างมากมายมีแต่คนอิจฉาที่นารีรัตน์ได้แต่งงานเป็นภรรยาของอภิพงศ์ชายหนุ่มที่แสนจะดีพร้อมทั้งหน้าตาและความร่ำรวย  ใบหน้าสวยมีเครื่องสำอางแต่งเติมเล็กน้อยทำให้ใบหน้านี้สวยสง่ามากกว่าเดิม แววตามีความสุขจ้องมองตัวเองในกระจกเงาบานใหญ่ด้วยหัวใจพองโตที่ในวันนี้ก็มาถึงเสียที แค่คิดว่าได้แต่งงงานกับชายในฝันนารีรัตน์ก็มีความสุขที่สุด  "ลูกสาวพ่อสวยที่สุดเลยวันนี้"ชายชราเอ่ยขึ้นก่อนจะเดินเข้ามาหาลูกสาวของตน นิรุตติ์อดกลั้นน้ำตาไม่ได้ที่ได้เห็นบุตรสาวคนเดียวสวมชุดแต่งงานไม่ต่างจากเจ้าหญิงตัวน้อยๆ ของเขาไม่มีผิด  "คุณพ่อขาอย่าร้องไห้สิคะ วันนี้คุณพ่อต้องยินดีกับนาสิ" "นามีความสุขไหมลูก?"เขามัวแต่คิดถึงธุรกิจจนลืมข้อนี้ไปเสียเลยว่าสำหรับเธอคิดยังไงกับการแต่งงานในครั้งนี้  "มีสิค่ะถึงรู้ว่าการแต่งงานนี้เกิดขึ้นเพราะอะไร แต่สำหรับนาพี่กายคือผู้ชายที่นารักและอยากแต่งงานด้วยในอนาคต นามีความสุขที่ได้แต่งงานกับพี่กาย" "พ่อได้ยินแบบนี้ก็สบายใจคิดว่าพ่อทำให้นาไม่มีความสุขเสียอีก เอาเถอะได้เวลาแล้วลงไปต้อนรับแขกเถอะลูก"งานแต่งงานของเธอจัดรอบเย็นรอบเดียว ช่วงเช้ามีเพียงคนในครอบครัวและนายอำเภอเท่านั้น เมื่อนึกถึงภาพที่เธอและเขาจดทะเบียนสมรสกันนารีรัตน์ยังดีใจไม่หาย ที่ในตอนนี้ในทางกฏหมายเธอเป็นภรรยาของอภิพงศ์อย่างเต็มตัวแล้ว พอช่วงเย็นจึงเรียนเชิญแขกมามากมายจนนับไม่ถ้วนนารีรัตน์เองยังไม่รู้จักเลยว่าใครเป็นใคร นารีรัตน์ในชุดสีขาวงาช้างช่วงอกเปิดไหล่กว้างสวยสง่าจนใครก็อดที่จะชมเจ้าสาวอย่างเธอไม่ได้ ยิ่งมาเคียงคู่กับอภิพงศ์ด้วยแล้วยิ่งทำให้ทั้งสองเป็นคู่ที่เหมาะสมกันที่สุด สองบ่าวสาวต่างยกมือไหว้แขกที่มาร่วมงานด้วยใบหน้ายิ้มแย้มถึงการแต่งงานนี้จะฝืนใจชายหนุ่มมากแค่ไหน แต่ทว่าเขาก็ยังรักษาหน้าตาทางสังคมได้เป็นอย่างดีอภิพงศ์ไม่อยากให้ใครมาพูดว่าการแต่งงานนี้เป็นเพียงละครฉากหนึ่งเท่านั้น  "ยินดีด้วยนะเว้ยไอ้กายที่มีวันนี้เสียที"คุณกรเพื่อนของอภิพงศ์เอ่ยทักทาย นารีรัตน์ยกมือไหว้เพราะเธอรู้จักชายหนุ่มมานานเหมือนกัน  "ยินดีด้วยนะครับน้องนา พี่ฝากดูแลเพื่อนพี่ด้วยนะ" "ได้ค่ะพี่กร"เธอส่งยิ้มหวานไปให้ชายหนุ่ม ใบหน้าเรียบนิ่งของอภิพงศ์เผยออกมา แต่ก็ไม่ได้พูดอะไรออกมา "นา ยินดีด้วยนะเธอสวยที่สุดเลย"เสียงหวานอย่างปานแก้วเอ่ยบอกก่อนจะเข้าไปกอดเพื่อนสนิทแน่น สายตาของอภิพงศ์เหลือบมองเล็กน้อยไม่ได้พูดอะไรออกมาเช่นเดียวกับปานแก้วที่หันหน้ามายิ้มให้กับสามีเพื่อนก่อนจะหันไปยกมือสวัสดีกรที่ยืนอยู่  ทุกอย่างผ่านไปด้วยความสุขวันนี้เป็นการแต่งงานที่นารีรัตน์ใฝ่ฝันไม่มีผิดเธอยิ้มหวานให้กับแขกที่มาในงานร่วมถึงสามีของเธอเองด้วย ความรู้สึกสุขใจไม่น้อยที่ครั้งหนึ่งในชีวิตลูกผู้หญิงอย่างเธอได้มีวันนี้  "ทุกคนคงอยากเห็นเจ้าบ่าวจูบเจ้าสาวแล้วใช่ไหมครับ"เสียงพิธีกรบอกผ่านไมโครโฟน อภิพงศ์หันไปมองอย่างไม่สบอารมณ์มากนักแต่ก็ต้องเก็บอาการไว้ เสียงแขกมากมายต่างส่งเสียงเชียร์ดังขึ้นจนเจ้าสาวเขินอายหน้าแดงขึ้นมา  "จูบเลย จูบเลย จูบเลย"ชายหนุ่มถอนหายใจออกมาก่อนจะหันมามองภรรยาของตน เขาขยับเข้ามาช้าๆ จนใบหน้าค่อยๆ โน้มเข้ามาใกล้ในวินาทีนี้หัวใจของนารีรัตน์เต้นแรงจนไม่ได้จังหวะ ริมฝีปากหนาหยักได้รูปค่อยจูบกลีบปากบางอมชมพูของคนตัวเล็กอย่างช้าๆ จูบที่ไม่ได้ลึกซึ้งอะไรมากมายของชายหนุ่มก็ทำเอาคนไม่ค่อยได้ประสีประสาหน้าแดงขึ้นมามากกว่าเดิม เสียงโห่ฮิ้วพร้อมเสียงปรบมือดังขึ้นมา แขกในงานต่างพากันดื่มฉลองให้กับคู่บ่าวสาวในวันนี้  ถึงเวลาที่หญิงสาวอย่างนารีรัตน์ตื่นเต้นจนทำอะไรไม่ถูกเมื่อตอนนี้เธอและเขานั่งอยู่หน้าพ่อแม่ของทั้งคู่ก่อนจะมีคำอวยพรมากมายมอบให้เธอและเขา การที่ต้องมาอยู่ในห้องนอนเดียวกันกับผู้ชายที่เธอแอบรักมานานภายในใจของเธอก็แทบทำอะไรไม่ถูก มันตื่นเต้นมันร้อนรนอย่างบอกไม่ถูก "ต่อไปก็ขอให้ลูกทั้งสองอยู่ด้วยกันอย่างมีความสุข เป็นสามีภรรยากันแล้วต่อจากนี้ต้องเชื่อใจกันให้อภัยกันนะลูกหนักนิดเบาหน่อยก็ต้องรู้จักให้อภัยซึ่งกันและกันชีวิตคู่ถึงจะอยู่ตลอดรอดฝั่ง"อภิสิทธิ์บอกลูกชายและลูกสะใภ้ตนด้วยรอยยิ้ม  "ครับพ่อ"ชายหนุ่มเอ่ยรับปากออกมาอย่างไรสีหน้าความรู้สึกใดๆ ด้วยนิสัยที่อภิพงศ์เป็นเช่นนี้สำหรับเธอไม่ได้คิดว่ามันดูไม่น่ามองสักเท่าไหร่กลับกันเธอกลับมองเขามีเสน่ห์มากขึ้นเสียด้วยซ้ำกับท่าทางแบบนี้  "งั้นตอนนี้พวกพ่อกับแม่ไม่กวนแล้วนะเหนื่อยกันมามากแล้ว เราออกไปกันเถอะให้ลูกๆ พักผ่อน" "นาพ่อขอให้ลูกมีความสุขมากๆ นะลูกพ่อรักลูกนะ" "หนูก็รักพ่อค่ะ"นารีรัตน์ขยับกายเข้าไปกอดชายชราแน่นก่อนผู้ใหญ่ทั้งสองฝ่ายจะเดินออกไปจากห้องนอนของชายหนุ่มที่ในยามนี้กลายมาเป็นห้องหอของเธอและเขาเสียแล้ว  หลังจากที่ทุกคนออกไปภายในห้องนอนก็เงียบสนิทนารีรัตน์เริ่มทำตัวไม่ถูกที่จู่ๆ ชายหนุ่มก็นิ่งเงียบไปเหมือนเขากำลังคิดอะไรบ้างอย่างอยู่ไม่นานมากนักอภิพงศ์ก็ลุกขึ้นก่อนจะเดินตรงไปตรงด้านปีกขวาของห้องนอนที่ถูกจัดแต่งเป็นโต๊ะทำงานของเขา มือหนาหยิบซองเอกสารบ้างอย่างก่อนจะตรงมาหาเธอพร้อมยื่นให้ ใบหน้าสวยขมวดคิ้วเข้าหากันเล็กน้อยอย่างสงสัยว่าสิ่งนั้นคืออะไรกันน่ะ เขามองก่อนจะบอกให้เธอเปิดมันดู นารีรัตน์รับซองเอกสารจากมือของชายหนุ่มก่อนจะเปิดซองออกอ่านดูทันทีที่เห็นเนื้อหาในเอกสารนั้นใบหน้าสวยถึงกลับทำตัวไม่ถูกเพราะนี่คือใบหย่า เธอได้รับใบหย่าในคืนแต่งงานตนเองอย่างนั้นเหรอ  "หมายความว่ายังไงค่ะพี่กาย?"ไม่ใช่ว่าเธอไม่เข้าใจว่านั้นหมายถึงอะไรแต่ที่เธอถามเพียงต้องการได้ยินจากปากของคนที่ยืนอยู่ตรงหน้านี้ต่างหาก  "เราหย่ากันคงเป็นทางออกที่ดีที่สุด เราสองคนแต่งงานกันเพราะผู้ใหญ่พี่ไม่อยากเอาเรื่องนี้มาผูกมัดนา" "แต่การที่นาแต่งงานกับพี่ นาไม่ได้รู้สึกแย่สักหน่อยทำไมพี่ต้องคิดแบบนี้ด้วยค่ะ?" "นายังเด็กไม่เข้าใจหรอก สามีภรรยาจะเป็นได้ก็ต้องเป็นทั้งสองฝ่ายและก็ต้องเต็มใจแต่เราสองคนมันไม่ใช่แบบนั้นเลย!"อภิพงศ์อธิบายบอกหญิงสาวตรงหน้าอย่างตรงไปตรงมากับสิ่งที่ตัวเองคิด  "นาไม่ดีจนไม่เหมาะสมที่จะเป็นภรรยาของพี่กายเลยเหรอคะ?"ใบหน้าสวยถามสามีด้วยใบหน้าเศร้าหมอง "ไม่ใช่ไม่เหมาะสมแต่พี่ไม่เคยรักนาเลยต่างหาก สำหรับพี่ภรรยาที่พี่ต้องการไม่ใช่นา นาให้อิสระแก่พี่ได้ไหม?"อภิพงศ์รักนารีรัตน์เสมือนน้องสาวเพียงเท่านั้นไม่เคยคิดมากไปกว่านั้นแต่ที่ต้องแต่งงานเพราะโดนครอบครัวบังคับถ้าไม่แต่งบริษัทที่เขาจะขยายสาขาจะต้องหยุดชะงักลง  "นาเข้าใจแล้วค่ะว่าพี่กายรังเกียจนามากขนาดไหน เข้าใจแล้ว!"นารีรัตน์อยากจะยิ้มเยาะให้กับตนเองเสียจริงในวันที่เธอเฝ้าฝันว่าเมื่อไหร่จะมาถึง วันที่เธอคิดว่าตนเองมีความสุขมากที่สุดในชีวิตแต่ทว่าความจริงแล้วมันไม่ใช่เลยต่างหาก ใบหน้าสวยในยามนี้พยายามอดกลั้นน้ำตาไม่ให้ไหลรินลงมาแต่ทว่ามันกลับยากเย็นเหลือเกินกับการที่ต้องเก็บซ่อนเอาไว้ โลกสดใสที่นารีรัตน์วาดฝันเอาไว้ได้อยู่กับผู้ชายที่เธอรักสร้างครอบครัวด้วยกันถึงแม้จุดเริ่มต้นของเขาและเธอจะมาจากการคลุมถุงชนแต่สำหรับเธอแล้วเธอเชื่อว่าอภิพงศ์จะต้องรักเธอบ้างสักวัน ชายหนุ่มชะงักนิ่งไปทันทีที่เห็นน้ำตาหยดใสของหญิงสาวตรงหน้าไหลออกมา  "นา! พี่ไม่ได้รังเกียจนาเลยนะพี่เห็นนาเป็นน้องสาวมาตลอด" "ไม่ได้รังเกียจแต่ก็ไม่ได้รักนาเลยใช่ไหม? หรือว่าพี่กายมีคนที่พี่กายรักอยู่แล้ว"เธอไม่เคยรู้เรื่องสาวๆ ของอภิพงศ์เลยทางด้านครอบครัวเขาก็บอกตลอดว่าบุตรชายไม่มีแฟน "ใช่ครับพี่มีคนที่พี่รักอยู่แล้ว และพี่ก็อยากแต่งงานกับคนที่พี่รัก"ได้ยินเช่นนั้นภายในใจของหญิงสาวก็เจ็บจี๊ดขึ้นมามันเหมือนมีเข็มนับพันทิ่มแทงใจของเธอไม่มีผิด  "แล้วพี่ตกลงแต่งงานกับนาทำไมในเมื่อก็ต้องหย่าพี่จะแต่งงานกับนาทำไมค่ะ! หรืออยากให้นาอับอายคนอื่นที่ถูกสามีภายในไม่กี่ชั่วโมงยื่นใบหย่าให้ กลายเป็นหม้ายผัวทิ้งที่ไม่มีใครต้องการ!"นารีรัตน์ในยามนี้เริ่มอดกลั้นอารมณ์เสียใจไว้ไม่อยู่จนพูดในสิ่งที่อยู่ในหัวออกไปจนหมด "ถ้าพี่ไม่แต่งธุรกิจที่พี่ต้องการจะขยายสาขาไปอีกหลายๆ จังหวัดต้องหยุดชะงักลงพี่ก็ทำเพราะคำสั่งพ่อพี่เหมือนกัน!"อธิพงศ์ตัดสินใจพูดความจริงออกไป ถ้าไม่ใช่เพราะเรื่องนี้เขาก็คงไม่ต้องมาแต่งงานกับเธอทำลายความรู้สึกดีๆ ที่มีให้กับหญิงสาวมาตั้งแต่เยาว์วัยแบบนี้หรอก "หึ! ธุรกิจสินะ คุณพ่อพี่กับพ่อนาต้องการให้เราสองคนแต่งงานก็เพราะธุรกิจ พี่ก็ตอบตกลงแต่งงานกับนาเพราะธุรกิจอีก ผู้หญิงอย่างนานี่มีค่าแค่นี้จริงๆ เป็นหมากตัวหนึ่งให้คนข้ามไปเพื่อความต้องการของตนเอง นาไม่มีอะไรจะพูดแล้ว ต้องการให้นาเซ็นต์ใบหย่านี่ใช่ไหมได้คะ นาจะยอมทำตามที่ทุกคนต้องการ"หญิงสาวเดินไปที่โต๊ะทำงานของชายหนุ่มก่อนจะมองหาปากกามาเขียนชื่อตนลงไปในตอนนี้ความรู้สึกของเธอมันพังหมดแล้ว หมดแล้วจริงๆ  "แค่นี้ใช่ไหมค่ะที่ต้องการถ้าไม่มีอะไรแล้วนาขอตัวอาบน้ำก่อน!"หญิงสาวย่ำเท้ากระแทกพื้นตรงไปยังห้องน้ำพร้อมหยิบเสื้อผ้าของตนที่ก่อนหน้านี้เหล่าแม่บ้านมาจัดเรียงเข้าตู้ไว้หมดแล้ว อภิพงศ์มองดูเอกสารตรงหน้าพร้อมถอนหายใจออกมาดังเฮือกเขารู้ว่าการกระทำแบบนี้มันทำให้เธอเสียใจมากน้อยแค่ไหน เดิมทีเขาคิดว่าเธออาจจะคิดเหมือนเขาแต่ทว่าพอมาเห็นท่าทางของนารีรัตน์แล้วเขาเองกลับพูดอะไรไม่ออกเหมือนกัน  ติ๊ด ติ๊ด เสียงข้อความดังเข้ามาทำเอาคนที่คิดอะไรเพลินๆ สะดุ้งเล็กน้อยชายหนุ่มหยิบเครื่องมือสื่อสารขึ้นมาอ่าน ผู้หญิงคนนั้นยอมหย่าไหมคะ? เขาอ่านข้อความก่อนจะถอนหายใจออกมาอีกรอบพร้อมชั่งใจอยู่พักก่อนจะกดโทรไปหาเจ้าของข้อความ นารีรัตน์หายไปในห้องน้ำนานสองนานเพราะมัวแต่ร้องไห้ออกมาพออาบน้ำเสร็จเดินออกมาในห้องก็ไม่เห็นชายหนุ่มเสียงแล้วถึงจะเสียใจกับสิ่งที่ชายหนุ่มมอบให้ในคืนแต่งงานแต่ลึกๆ หญิงสาวก็แอบสงสัยว่าเขาหายไปไหน  "พี่คงไปหาคนที่พี่รักสินะคะ ทิ้งผู้หญิงที่ไม่ต้องการคนนี้ไปแล้ว"เมื่อคิดอย่างนั้นน้ำตาเจ้ากรรมก็ไหลออกมาอีกรอบ นารีรัตน์เดินตรงไปที่เตียงใหญ่ก่อนจะชะงักฝีเท้าเมื่อได้ยินเสียงชายหนุ่มคุยโทรศัพท์อยู่ระเบียงห้อง น้ำเสียงอบอุ่นดูมีความสุขของเขายิ่งทำให้เธอเจ็บปวดขึ้นมา  "ทุกอย่างต้องดีขึ้นพี่บอกแล้วไง เชื่อใจพี่ใช่ไหมครับ?" "นี่ก็ดึกมากแล้วนอนเถอะนะคนดีของพี่ ครับฝันดีนะครับ"
Free reading for new users
Scan code to download app
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    Writer
  • chap_listContents
  • likeADD