บทนำ

1132 Words
บทนำ  รอยยิ้มหวานของหญิงสาวใบหน้าสวยปากนิดจมูกหน่อยอย่างนารีรัตน์เผยออกมา เมื่อเธอได้รู้ว่าจะได้แต่งงานกับผู้ชายที่บิดาเลือกให้ถ้าเป็นคนอื่นเธอคงร้องห่มร้องไห้ไปเสียแล้ว แต่นี่ผู้ชายที่จะต้องแต่งงานกับเธอดันเป็นผู้ชายคนเดียวที่หญิงสาวแอบชอบมานานนับหลายปี มือบางเอื้อมไปหยิบกล่องไม้แกะสลักขนาดปานกลางแววตาเป็นประกายจ้องมองสิ่งของที่อยู่ในนั้นด้วยความสุข เธอจ้องมองมันซ้ำแล้วซ้ำเล่ามานานนับหลายปีหญิงสาวเรียกกล่องไม้นี้ว่า'กล่องแห่งความสุข' เพราะมีอะไรมากมายที่นารีรัตน์เก็บซ่อนเอาไว้มานาน "ในที่สุดนาก็ได้แต่งงานกับพี่"เสียงอ่อนหวานเผยดังออกมาแค่นึกถึงใบหน้าของอีกฝ่ายเธอก็ยิ้มไม่หุบ ถึงจะรู้ว่าเหตุผลของการแต่งงานในครั้งนี้จะเป็นเพียงเพราะผลประโยชน์ทางธุรกิจแต่ทว่าจะเหตุผลอะไรนารีรัตน์เองก็ไม่สนใจเพราะสิ่งที่เธอสนคือการได้เป็นเจ้าสาวของอภิพงศ์เพียงเท่านั้น  ครอบครัวของหญิงสาวกับวาที่สามีในอนาคตรู้จักกันมานานนับหลายปีเธอจำได้ไม่มีวันลืมวันแรกที่ได้พบเจอกับพี่ชายที่แสนดีอย่างอภิพงศ์หรือพี่กาย คำเรียกที่หญิงสาวเรียกจนติดปาก ยิ่งเวลาผ่านไปในใจของเธอก็เริ่มแน่ชัดว่าพี่ชายที่แสนดีคนนี้คือเจ้าของหัวใจดวงน้อยๆ ของเธอ  "วันนี้ทางครอบครัวเรามีนัดทานข้าวกับครอบครัวคุณอภิสิทธิ์ลูกอย่าลืมเสียล่ะ"เสียงคุณหญิงศรัญญาบอกลูกสาวอย่างนารีรัตน์ด้วยใบหน้ายิ้มแย้ม "คะคุณแม่นาไม่มีทางลืมค่ะ"หญิงสาวหันหน้ามาบอกมารดาของตนก่อนจะขอตัวออกไปข้างนอก มีเรื่องน่ายินดีแบบนี้มีหรือที่หญิงสาวจะไม่บอกเพื่อนสนิทอย่างปานแก้ว ในตอนนี้นารีรัตน์เรียนจบได้หลายเดือนแล้วหญิงสาวอายุเพิ่ง22ปีเมื่อไม่นานนี้เอง เดิมทีเรื่องแต่งงานสำหรับเธอก็ไม่คิดว่าจะเร็วขนาดนี้แต่พอมาคิดก็ดีเหมือนกันที่จะได้เริ่มต้นชีวิตคู่กับคนที่เธอแอบรักเร็วๆ  "อะไรนะ! นี่นาจะแต่งงานกับพี่กายหรอ?"เสียงตกใจของปานแก้วดังออกมาเมื่อได้ยินสิ่งที่เพื่อนสนิทบอก "ใช่ ฉันไม่คิดไม่ฝันเลยว่าวันนี้จะมาถึงเร็วขนาดนี้ ตอนได้ยินครั้งแรกฉันคิดว่าฉันต้องฝันไปแน่ๆ มันดีใจจนบอกไม่ถูกเลยปาน"สีหน้าดีใจจนแทบปิดไม่มิดของนารีรัตน์ทำเอาคนตรงหน้านิ่งไป ก่อนจะยิ้มให้เพื่อนสาว  "ฉันแอบรักพี่กายมานานในที่สุดสวรรค์ก็เห็นควารักของฉันสักที" "แล้วทางนั้นเขาตกลงแล้วงั้นเหรอ?"ปานแก้วถามอย่างสงสัยเพราะจากที่ฟังเพื่อนสาวเล่ามันเหมือนการแต่งงานเพื่อธุรกิจจริงๆ  "ไม่รู้สิ แต่ถ้าผู้ใหญ่คุยตกลงกันขนาดนี้ก็คงตกลงแล้วมั้ง อีกอย่างตอนนี้คุณพ่อก็จัดเตรียมทุกอย่างแล้วอีกไม่นานก็จะถึงวันแต่งงานมันเร็วจนฉันเองก็ตั้งตัวแทบไม่ทัน" "ฉันดีใจด้วยนะนา ที่ในที่สุดวันที่เธอใฝ่ฝันก็มาถึงสักที"นารีรัตน์ยิ้มให้เพื่อนสนิทก่อนจะโน้มตัวเข้าไปกอดปานแก้วแน่น  "วันนั้นเธอต้องเป็นเพื่อนเจ้าสาวให้ฉันนะ เพราะชีวิตฉันรักเธอมากที่สุดเลย" "จ้า เธอเป็นผู้หญิงที่โชคดีมากจริงๆ ที่ได้คนอย่างพี่กายเป็นสามี"  ณ ร้านอาหารแห่งหนึ่ง ครอบครัวทั้งสองมาพร้อมหน้าพร้อมตาใครบ้างที่จะไม่รู้จักตระกูลวัฒนไพกุลกับตระกูลโชคทวีทรัพย์ยิ่งมีข่าวการแต่งงานของสองครอบครัวนี้ที่กำลังจะดองกันยิ่งทำให้ชื่อเสียงครอบครัวทั้งสองโด่งดังมากขึ้น  "ผมดีใจนะครับที่เราสองครอบครัวมีวันนี้"ท่านนิรุตติ์บอกชายตรงหน้าด้วยรอยยิ้ม เฉกเช่นเดียวกันกับท่านอภิสิทธิ์ที่ทำหน้าพอใจไม่น้อย  "เช่นกันครับต่อไปนี้หนูนาก็เป็นคนในครอบครัวผม ผมจะดูแลลูกสะใภ้คนนี้ให้ดีที่สุด"ผู้ใหญ่ต่างพูดคุยกันไปมา มีเพียงนารีรัตน์ที่เอาแต่แอบมองใบหน้าของบุรุษเพศตรงหน้าอย่างเขินอาย ยิ่งคิดว่าจะต้องเป็นภรรยาของชายหนุ่มใบหน้านวลก็เห่อแดงขึ้นมา แต่ทว่าผิดกับชายหนุ่มใบหน้าคมสันที่ไม่พูดไม่จาอะไรออกมาสักคำผิดจากเมื่อก่อนที่เวลาเห็นเธอก็ต้องทักทายคุยเล่นบ้างแต่วันนี้มีเพียงความเงียบสนิทเท่านั้น  "กายพาน้องไปเดินเล่นสักหน่อยสิ พ่อมีธุระจะคุยกับคุณนิรุตติ์สักหน่อย" "ครับ"เขารับคำสั้นๆ ก่อนจะลุกพรวดขึ้นสายตามองผู้หญิงตรงหน้าก่อนจะเดินออกไปนอกร้านอาหาร  ท่าทางนิ่งเฉยของชายหนุ่มทำให้นารีรัตน์ไม่รู้จะเอ่ยอะไรออกไปดี เธอรู้สึกได้ว่าอภิพงศ์เหมือนไม่มีท่าทีใดๆ กับการแต่งงานในครั้งนี้สักนิด  "เรียนจบแล้วน้องนาจะทำงานที่ไหนครับ บริษัทของคุณลุงหรือ?"เป็นประโยคแรกที่ชายหนุ่มเอ่ยปากชวนเธอคุยออกมา หญิงสาวยิ้มหวานให้ "คงเป็นแบบนั้นคะพี่กาย คุณพ่ออยากให้นาเข้าทำงานที่บริษัทของครอบครัว แต่อีกใจนาก็คิดอยากลองหาประสบการณ์ที่อื่นดูก่อน" "คุณลุงคงไม่ยอมสินะ" "ใช่ค่ะ แล้วพี่กายล่ะค่ะช่วงนี้เป็นไงบ้างพอเราโตขึ้นก็ไม่ค่อยได้เจอกันเลย พี่กายสบายดีนะคะ"พออายุมากขึ้นต่างคนต่างมีหน้าที่แถมพี่ชายของเธอก็ไม่เหมือนเดิมเลยสักนิด พอมีอายุมากชายหนุ่มก็ดูเงียบขรึมไม่ค่อยยิ้มแย้มมากสักเท่าไหร่ต่างจากตอนเด็กๆ ยามที่เขามาเที่ยวบ้านของเธอชายหนุ่มยังเป็นเพื่อนเล่นสนุกสนานตามใจเธอทุกอย่างไม่ว่าจะเรื่องอะไร  "ครับพี่สบายดี เวลาเปลี่ยนอะไรก็เปลี่ยนยิ่งโตยิ่งมีหน้าทีต้องรับผิดชอบ"ต้องรับผิดชอบ ก็เหมือนการแต่งงานนี้สินะ  "เรื่องแต่งงานด้วยใช่ไหมค่ะ?"อภิพงศ์หันหน้ามามองคนถามก่อนจะพยักหน้าให้  "เรากลับเข้าไปข้างในกันดีกว่าป่านนี้ผู้ใหญ่คงคุยกันเสร็จแล้ว"ชายหนุ่มตัดบทก่อนจะเดินนำเข้าไปข้างใน แววตาเศร้าของนารีรัตน์เผยออกมาเล็กน้อย เขาไม่เคยโกหกเธอเลยว่าที่ต้องแต่งงานก็เป็นเพราะหน้าที่เท่านั้น 
Free reading for new users
Scan code to download app
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    Writer
  • chap_listContents
  • likeADD