บทที่ 1 (1/2) : จุมพิตแรก (1)
“พี่ชาย พี่นัดข้ามาพบที่นี่ตามลำพัง พี่มีเรื่องสำคัญใดอยากกล่าวกับข้าหรือเจ้าคะ?” อวิ่นซงถิงเอ่ยถามบุรุษหนุ่มที่ยืนอยู่หน้าเรือนร้างด้านหลังจวน โดยที่นางก้าวเท้าถอยหลังสองก้าว เพื่อเพิ่มระยะห่าง เนื่องจากเมื่อครู่นางเผลอเดินเข้าไปใกล้พี่ชายบุญธรรมมากเกินไป
“เข้าไปพูดกันด้านใน”
“แต่...” อวิ่นซงถิงรู้สึกลังเล ด้วยเพราะเกือบสองปีที่ผ่านมา พี่ชายบุญธรรมผู้นี้พยายามเว้นระยะห่างกับนาง ทว่าอยู่ ๆ ก็ส่งจดหมายเรียกให้มาพบที่นี่ตามลำพัง ถึงแม้ตอนนี้จะอยู่ในช่วงเวลากลางวัน แต่สายตาที่อีกฝ่ายจ้องมองมา...ทำให้นางรู้สึกหวาดหวั่น จนไม่อยากจะก้าวเท้าเข้าไปหา
“หรือเจ้ารังเกียจพี่ชายคนนี้เสียแล้ว นั่นสินะ ข้ามันก็แค่...”
“ข้าไม่เคยรังเกียจพี่ชายเลยนะเจ้าคะ เพียงแต่...” อวิ่นซงถิงรีบเอ่ยแทรก เมื่อเห็นท่าทีคล้ายกับกำลังรู้สึกเจ็บปวดใจของบุรุษหนุ่มตรงหน้า แต่นางกล่าวยังไม่ทันจบ ฝ่ายตรงข้ามก็เอ่ยตัดบทขึ้นมาว่า
“เช่นนั้นก็ตามข้าเข้ามา”
อวิ่นซงถิงเห็นแผ่นหลังกว้างหายเข้าไปในเรือนร้าง แม้ใจหนึ่งไม่อยากจะเดินตาม แต่เมื่อนึกไปถึงสีหน้าเมื่อครู่ของอีกฝ่าย นางก็ตัดสินใจเดินตามบุรุษหนุ่มผู้นั้นเข้าไป
พอเข้าไปในเรือนร้าง อวิ่นซงถิงเห็นบุรุษหนุ่มผู้นั้นเดินเข้าไปในห้องขนาดเล็กด้านในสุดของเรือน อีกฝ่ายนั่งลงบนเก้าอี้ข้างโต๊ะกลมกลางห้อง โดยภายในห้องนั้นมีบานหน้าต่างที่เปิดทิ้งเอาไว้หนึ่งบาน มีโต๊ะกลมขนาดเล็กหนึ่งตัว เก้าอี้สองตัว และเตียงไม้ที่มีฟูกกับชุดเครื่องนอนใหม่...?
นางรู้สึกแปลกใจจึงสอดส่ายสายตามองรอบห้องนั้นแบบเร็ว ๆ อีกหนึ่งครั้ง ทุกอย่างภายในห้องดูเก่ามาก เพราะเรือนหลังนี้ถูกทิ้งร้างมานาน มีเพียงเตียงไม้ ฟูกที่นอน และชุดเครื่องนอนเท่านั้นที่ดูใหม่มาก!
อวิ่นซงถิงคิดจะก้าวเท้าถอยหลัง แต่ทว่ายามนี้บุรุษหนุ่มที่เดินนำนางเข้ามาในห้อง ยกมือขึ้นมาปิดหน้า ไหล่ทั้งสองข้างสั่นไหวเบา ๆ ราวกับเจ้าตัวกำลังร้องไห้ จากที่นางจะก้าวเท้าถอยหลังก็กลับกลายเป็นเดินขึ้นหน้า
“พี่ชาย พี่เป็นอะไรหรือเจ้าคะ? อ๊ะ...!”
เมื่อเห็นฝ่ายตรงข้ามเดินเข้ามาในจุดที่ตนสามารถเอื้อมคว้าได้ อวิ่นเฟยหยวนจึงรีบยื่นมือไปดึงตัวอวิ่นซงถิงเข้ามากอดทันที จากนั้นเขาก็แนบใบหน้าเข้าไปที่บริเวณหน้าท้องแบบราบของนาง แล้วเริ่มสูดดมกลิ่นกายหอมหวานที่ตนเฝ้าถวิลหา ก่อนจะเงยหน้าขึ้นไปสบตา
“อาถิง ช่วงที่ผ่านมาเป็นพี่ชายเองที่หวาดกลัว และโง่เขลา ข้าขอโทษที่เอาแต่หลบหน้าเจ้า ขอโทษที่ทำตัวเฉยชา สร้างระยะห่างระหว่างเราสองคนขึ้นมา แต่ยามนี้ข้ามั่นใจในความรู้สึกของตัวเอง และมั่นใจแล้วว่า สามารถทำให้ความรู้สึกที่ข้ามีต่อเจ้าเป็นจริง และทำให้มันถูกต้องได้” กล่าวมาถึงตรงนี้ อวิ่นเฟยหยวนก็ลุกขึ้นยืน จากนั้นเขาก้มลงไปมองสตรีในอ้อมแขนที่รีบเบือนหน้าหลบสายตา
เมื่อเห็นเช่นนั้นอวิ่นเฟยหยวนจึงใช้มือข้างหนึ่งเชยคางของอวิ่นซงถิงให้เงยกลับขึ้นมาสบตา จากนั้นเขาก็กล่าวด้วยน้ำเสียงหนักแน่นว่า
“อาถิง ข้ารักเจ้า รักในแบบบุรุษรักสตรี รักเจ้าแบบคนรัก ข้าไม่ได้รักเจ้าแบบน้องสาว”
อวิ่นซงถิงตกตะลึงตั้งแต่ตัวนางถูกดึงเข้าไปกอด แล้วเมื่อได้สบสายตากับบุรุษหนุ่มในระยะที่ใกล้มาก และได้ยินประโยคบอกรักจากผู้ที่นางนับถือเป็นพี่ชาย ยามนี้ร่างกายของนางจึงยังนิ่งค้าง ส่วนความรู้สึกของนาง มันผสมปนเปกันไปหมดแล้ว!
จนเวลาผ่านล่วงเลยไปครู่หนึ่ง อวิ่นซงถิงถึงดึงสติของตนเองกลับมาได้ นางพยายามทำใจให้เย็น จากนั้นก็รีบตอบกลับไปว่า
“พี่ชายเจ้าคะ พี่รักข้าแบบนั้นไม่ได้”
“ทำไมจะรักไม่ได้?”
“เพราะพวกเราเป็นพี่น้องกันเจ้าค่ะ”
อวิ่นเฟยหยวนจ้องลึกเข้าไปในดวงตากลมโตคู่งาม
“อาถิง เจ้าก็รู้อยู่แก่ใจว่า เจ้ากับข้าไม่ใช่พี่น้องกัน ระหว่างเราสองคนไม่มีสายสัมพันธ์ทางโลหิตเลยแม้แต่น้อย”
“แต่ที่ผ่านมาข้ามองพี่แบบพี่ชาย และรู้สึกกับพี่ฉันพี่น้องเจ้าค่ะ” กล่าวจบ อวิ่นซงถิงก็รีบผลักอีกฝ่ายออก จากนั้นนางก็หมุนตัว แล้วรีบเดินตรงไปที่ประตูห้อง
ปึ้ง!
บานประตูไม้กระแทกปิด จนเรือนร้างสั่นสะท้านไปทั้งหลัง ไม่ต้องบอกก็รู้ว่า บุรุษที่ยืนอยู่ด้านหลังเป็นผู้ซัดพลังใส่ เพื่อปิดมัน จากนั้นข้อมือของอวิ่นซงถิงก็ถูกกระชาก จนร่างหมุนกลับไปกระแทกกับแผงอกกว้าง รู้ตัวอีกทีร่างกายของนางก็กลับเข้าไปอยู่ในอ้อมแขนของอวิ่นเฟยหยวนแล้ว
“อาถิง ที่ผ่านมาเจ้ามองข้า และรู้สึกกับข้าแบบพี่ชายของเจ้าจริง ๆ หรือ?”
“ข้า...” อวิ่นซงถิงพูดต่อไม่ออก เมื่อถูกบังคับให้มองสบกับสายตาที่คล้ายกับกำลังรู้สึกเจ็บปวดของอวิ่นเฟยหยวน ยามนี้นางรู้สึกราวกับว่า มีค้อนขนาดใหญ่ทุบลงไปยังกำแพงน้ำแข็งที่นางเพียรสร้างขึ้นมา เพื่อปิดกั้นความรู้สึกไม่ถูกไม่ควรที่มันมักจะพยายามแสดงตัวตนออกมา
อวิ่นเฟยหยวนรับรู้ได้ถึงอาการสั่นเบา ๆ จากร่างบาง จากนั้นเขาก็เห็นหยาดน้ำตาค่อย ๆ รินไหลลงมาจากดวงตากลมโตของสตรีในอ้อมแขน เขาจึงยกมือข้างหนึ่งขึ้นมาช่วยซับน้ำตา แล้วเอ่ยถาม
“ถิงเอ๋อร์ ข้าขอจุมพิตเจ้าได้หรือไม่?”
“พี่ชาย!!”
“ได้หรือไม่คนดี?” อวิ่นเฟยหยวนแม้จะยังไม่แน่ใจเต็มสิบส่วนว่า อวิ่นซงถิงรู้สึกแบบเดียวกันกับเขาหรือไม่ แต่เพราะความใกล้ชิดที่อีกฝ่ายเคยมอบให้ แล้วไหนจะสายตาที่สะท้อนให้เห็นถึงความหวั่นไหว เขาจึงเอ่ยร้องขอจุมพิตจากนาง เพื่อลองใจ