บทที่ 1

1745 Words
“โฮ ๆ ไม่น่าเลย ยังสาวยังแส้อยู่แท้ ๆ ทำไมถึงได้อายุสั้นแบบนี้” “ที่เจ้าร้องไห้จะเป็นจะตาย เพราะเห็นใจคนตายหรือกลัวว่านางจะฟื้นขึ้นมากัน” “ก็ต้องเห็นใจนางสิ เจ้าพูดจาหาเรื่องข้าตั้งแต่เมื่อกี้แล้วนะ” “ข้าหาเรื่องเจ้าหรือไม่ ในใจย่อมรู้ดี ใครบ้างในที่นี้จะไม่รู้ว่าเจ้าชอบสามีนาง พอเมียเขาต้องก็วิ่งมาดูก่อนคนอื่น ไม่ใช่ว่าอยากเห็นกับตาหรือว่านางตายจริงไหม แต่ก็นะแม่นางเจิน สภาพหน้าตาอย่างเจ้าอาหมิงเขาไม่แลหรอก” “ทำไมจะไม่แล ขนาดนางม่านที่เหมือนหุ่นฟางเน่า เขายังแต่งงานด้วยเลย” “ที่เขาแต่งเพราะต้องแต่ง ไม่ใช่ว่าอยากแต่ง หากไม่ใช่เพราะสองคนพลัดตกน้ำไปด้วยกันแล้วเขาต้องรับผิดชอบ ผู้ชายที่ทั้งหน้าตาและแสนดีแบบนั้นจะเอาเมียเช่นนี้หรือ” “ส่วนเจ้า สภาพแย่กว่านางม่านเสียอีก ต่อให้เขาเป็นม่าย อย่างไรก็ไม่เอาเจ้าอยู่ดี” “เจ้า!” “ทำไม!” การโต้เถียงกันของสตรีสองนางไม่ได้ทำให้ผู้ถูกกล่าวถึงอย่างอาหมิงสนใจ เขาเพียงทอดสายตา มองยังร่างที่ไร้ลมหายใจของภรรยา พลางคิดถึงสาเหตุการตายของนาง “เพราะหยินแรงหยางพร่อง ร่างกายนางจึงขาดสมดุลทำให้ล้มป่วย หากว่าเจ้าไม่เติมหยางให้แก่นางแล้ว คงได้ขาดใจตาย” “ใช่ว่าข้าไม่พยายาม แต่มันทำไมได้จริง ๆ” แค่เห็นหน้าเมียตัวเองที่แข็งก็พลันอ่อนยวบไม่มีกะใจจะลุกขึ้นมาสู้เลย เขาไม่มีอารมณ์กับภรรยาตนแม้แต่น้อย ขนาดนางมายืนแก้ผ้าให้ดู เขาคิดแต่จะลุกหนี ไม่ก็หันหลังเข้านอน มันทนมองต่อไปไม่ไหว หากจะพึ่งยามันได้ผลแค่ครั้งแรก ๆ เท่านั้น หลายครั้งเข้า ยาไม่สามารถช่วยได้อยู่ดี สองปีที่แต่งงานกันมาจึงแค่อยู่ร่วมเรือนดังสหาย เรื่องนี้ทำให้นางตัดพ้อเขาตลอดมา สุดท้ายได้ป่วยตายลงเพราะไม่ได้เติมหยางให้นาง จะว่าไปนี่ก็เป็นความผิดเขาที่ไม่สามารถทำให้นางมีความสุขจนต้องมาจบชีวิตลง “คิดเสียว่า เรามีวาสนากันเพียงเท่านี้นะฮูหยิน” ชายหนุ่มมองหน้าภรรยาเป็นครั้งสุดท้าย ก่อนจะยกร่างนางใส่โลงและเตรียมตอกฝาตีตะปู ตอนนี้คนมากันเยอะ เขาไม่ต้องการให้มีคนมาเห็นศพนางที่ดูย่ำแย่ อย่างไรก็ขึ้นชื่อว่าเป็นสามีภรรยากัน ปึง! “...” ปึง! “สะ! เสียงอะไร” “มะ! ไม่รู้” สองคนที่ยืนทะเลาะกันบัดนี้ต่างโผเข้ากอดคออีกฝ่ายแน่นเพราะกลัว ชาวบ้านคนอื่น ๆ เองก็ยืนหวาดผวา อาหมิงหันมองโล่งศพที่เพิ่งตอกตะปูอย่างตกตะลึง เสียงและแรงกระแทกนั้นดังมาจากในโลงไม่ผิดแน่ ปึง! โครม ๆ! กรี๊ด!!! ตะปูที่ว่าแน่นแล้ว ยังแพ้แรงถีบของคนที่นอนดิ้นอยู่ในโลง ฝาไม้ที่เคยปิดกล่องใส่ร่างใบยาว ลอยละลิ่วข้ามหัวอาหมิงไปตกใส่ฝูงชนจนแตกกระเจิง ชายหนุ่มยังยืนอยู่กับที่ไม่วิ่งหนีเหมือนคนอื่น ๆ ไม่ใช่เขาไม่กลัวแต่มันก้าวขาไม่ออก สายตาจับจ้องการเคลื่อนไหว ที่จ้องไม่ใช่อะไรก็กลัวมากอีกนั่นแหละ แต่จะให้ทำอย่างไรในเมื่อมันขยับไม่ได้ จึงมีเพียงเขาที่ยืนอยู่หน้าโลงศพ “ฟู่ว! ค่อยยังชั่ว แบบนี้ถึงจะหายใจออก อึดอัดชะมัดเลย” “...!” “สะ! เสียงนั่น” “หะ! หุบปาก ไม่ต้องพูด” “ตะ! แต่” “ก็บอกให้เงียบอย่างไรเล่า เดี๋ยวผีก็ได้ยินหรอก” “เจ้าเสียงดังกว่าข้าอีกนะ” “จริงหรือ” “อือ” “สองคนนั้น ซุบซิบอะไรกัน แล้วนาย จะยืนเซ่ออีกนางมั้ย ยังไม่รีบมาช่วยพาฉันลูกออกไปจากลังบ้า ๆ นี่อีก” “ลังหรือ?” “ก็ใช่ไง มาเร็วมันสูงลงยาก” “หึ!!!!” ทุกคนต่างส่ายหน้าพรืด ไม่มีใครเข้าไปช่วยพยุงนางลงอย่างที่บอก “อะไรกัน! แค่ให้ช่วยนิดหน่อยก็ไม่ได้ แต่ละคนแล้งน้ำใจ เหอะ! ลงเองก็ได้ เค้าไม่ง้อ” ว่าแล้วก็ตะเกียกตะกายปีนลงมาอย่างทุลักทุเล กว่าจะออกจากลังที่เข้าใจก็ใช้พลังงานไปเยอะ “ในที่สุดก็ลงมาได้สักที เห็นมั้ยว่าต่อให้ไม่มีคนช่วยก็ลงมาเองได้ ไม่จำเป็นต้องง้อสักนิด” มะเหมี่ยวเชิดหน้าสะบัดผมใส่คนที่ยืนดูตน อย่างเริ่ด สวย หยิ่ง ก่อนจะหยุดและหันมองรอบ ๆ อย่างสงสัย “เดี๋ยวนะ นี่กำลังเล่นสนุกอะไรอยู่ ทำไมถึงแต่งตัวกันแบบนี้ ธีมชุดจีนโบราณหรือ แต่พวกเราไม่ได้รู้จักกันเลยนะ อย่าจับตัวมาใส่ลังเพื่อแกล้งแบบนี้ไม่ได้ มันผิดกฎหมายข้อหาลักพาตัวรู้รึเปล่า” “ลักพาตัว ข้าเนี่ยนะ” “อ้าวแล้วใครเอาฉันใส่ไว้ในนั้น คนไหนพาลงไปก็คนนั้นแหละ” “หา!” “เอ่อนี่นาย บอกทางไปห้องน้ำหน่อยสิ ฉันปวดฉิ้งฉ่อง” “ปวดฉี้งฉ่อง? คืออะไร ข้าฟังภาษาเจ้าไม่เข้าใจ เหตุใดจึงกล่าววาจาได้ประหลาดนัก” “ประหลาดอะไร อย่ามาอำกันเลย บอกมาเร็วเข้าปวดจนฉี่จะราดอยู่แล้ว” “เจ้ากำลังหมายถึงปวดเบา อยากไปห้องสุขารึ” “อ่า ถ้าสะดวกจะบอกแบบนั้นก็ได้ เร็วหน่อย เดี๋ยวอั้นไม่ไหว” “เอ่อ เช่นนั้นเจ้ารีบพานางไปเถอะ เรื่องอื่นค่อยว่ากันทีหลัง” ผู้อาวุโสท่านหนึ่งโบกมือไล่ ดูเหมือนนางม่านผู้นี้จะข้ามแม่น้ำเหลืองไปแล้วแต่ยังไม่ถึงฆาต ชะตายังไม่ขาดยมทูตจึงส่งนางกลับมา แต่เพราะเผลอกินน้ำแกงลืมเลือนถึงได้สติเลอะเลือนจนจำสิ่งใดไม่ได้ “ขอรับ เจ้าจงตามข้ามา” “โอ๊ยไม่ต้อง! แค่บอกทางไปก็พอ” โตขนาดนี้ไม่จำเป็นต้องพาไปเหมือนเด็ก บอกมาก็รู้เรื่อง “แน่ใจหรือว่าถ้าบอกไปแล้วจะเดินไปถูก” “อย่างนั้นก็รีบนำไปสิ มันปวดนะเร็ว ๆ” ตาคนนี้เรื่องเยอะจริง ทำวางท่าเป็นดาราดังไปได้ ตกลงมันคือความผิดของเขาหรือ สงสัยเมียเขาตื่นมาคราวนี้ไม่เพียงขี้เหร่แต่ยังสติฟั่นเฟือน เฮ้อ! นี่มันเวรกรรมอันใดของเขา “นายอย่าบอกนะ ว่านี่คือห้องน้ำที่ว่า อี๋สกปรก!” มองสิ่งปลูกสร้างขนาดเล็กที่พอเข้าไปก็ยังเห็นหัวโผล่ออกมายิ้มให้ได้ มีถังไม้ไว้ใส่ของเสียอยู่ถังหนึ่ง และของที่ถ่ายใส่ไว้ก็ยังกองพะเนิน ขอบถังนี้เลอะเทอะเกาะกันจนดำเมื่อม เพียงมองจากข้างนอกมะเหมี่ยวแทบจะอ้วกพุ่ง ไม่ต้องพูดถึงให้เดินเข้าไปนั่งถ่าย ให้ตายก็ไม่เข้า “ห้องสุขาก็ล้วนเป็นแบบนี้ ที่บ้านเราดีกว่าของบ้านอื่น หากเจ้าบอกว่าที่นี่สกปรกแล้ว ถ้าไปเห็นของบ้านอื่นเจ้าจะว่าอย่างไร” สามีเริ่มปวดหัวกับความเรื่องมากของภรรยา ตั้งแต่นางฟื้นคืนชีพมา นิสัยที่พูดน้อยว่าง่ายเชื่อพลันหายไปจนหมดสิ้น ไม่เพียงโวยวาย จู้จี้ขี้บ่น พูดเยอะ สงสัยเก่ง ก็เถียงเขาทุกคำจนเส้นขมับเต้นตุบ ๆ “ก็บอกว่าโคตรสกปรกนะสิ ไม่เอา ยังไงก็ไม่เข้าหรอก ส้วมโสโครกแบบนี้” “เมื่อครู่เป็นเจ้าบอกว่าปวดจะแย่ เร่งข้าให้รีบพามาอย่างไร จงเข้าไปเถอะอย่าเรื่องมาก” “ไม่ได้เรื่องมาก แต่มันนั่งไม่ลง” “แล้วจะทำยังไง จะปล่อยราดออกมารึ” เขาล่ะเหนื่อยใจกับนาง หากเกิดว่านางเป็นเช่นนี้ไปตลอดชีวิตที่แสนจะน่าเบื่อของเขา คงเปลี่ยนเป็นน่าผูกคอตายหนีเมียแน่ “ฮึ่ย! พาฉันไปป่าหญ้าที่ไม่มีคนเดี๋ยวนี้!” ถ้าจะเข้าห้องน้ำที่เหมือนบ่อน้ำอุจจาระ ขอเข้าป่าเข้าข้างทาง ถึงจะเสี่ยงถูกใบหญ้ามันบาดแต่ก็ยังสะอาดน่านั่งกว่าที่นี่ “...” อาหมิงพามะเหมี่ยวมาถึงป่าหญ้าที่ไม่มีคนผ่านไปมาเพื่อขับถ่าย เพราะหากพาไปยังที่คนเดินผ่าน คนอื่นอาจเหยียบกับดักของหญิงสาวโดยไม่ได้ตั้งใจ “นี่เจ้ายังอยู่รึไม่” “อยู่ รอแป๊บ ใกล้เสร็จแล้ว ไหน ๆ ก็เดินมาตั้งไกลขอปล่อยให้หมดอึก!” ปู๊ด...! “อื้อฮือ! เสี่ยวม่านนี่เจ้าถ่ายเอาลำไส้ออกมาด้วยรึไง ทั้งกลิ่นทั้งเสียงถึงดังขนาดนี้” “เอาน่า จะออกมาก็ดีไม่ออกก็ช่าง แต่ตอนนี้สบายท้องมากเลยฮ่าฮ่า!” “ประหลาดคน หัวเราะชอบใจกับเรื่องแบบนี้ได้” “โอ๊ย! แล้วจะให้เครียดไปทำไม ชีวิตมีเท่าไรเอาออกมาใช้. ฮึกซะ” ป๊าด..! “พอเถอะ เจ้าไม่ต้องพูดแล้ว จัดการธุระของตัวเองไป ข้าขอขยับไปรอข้างหน้า” “เดี๋ยวสิ จะไปไกลทำไมอยู่ตรงนี้แหละ จะได้มีเพื่อนคุย” “แต่ข้าไม่อยากคุยกับเจ้า มันขมคอ ข้าจะอาเจียน” “พูดเหมือนตัวเองไม่อึไม่ถ่ายไปได้ ตอนเอาเข้าก็เคี้ยว ๆ กลืน ตอนเอาออกก็ทางข้างล่างเหมือนกัน ของใครก็มีป่ะ” “เจ้าพูดจาประหลาดอีกแล้ว ระวังหน่อยหากพูดแบบนี้ต่อไปคนจะเข้าใจผิดคิดว่าเจ้าเป็นปีศาจแล้วถูกจับไปเผาไฟ” “ล้อเล่นใช้มั้ย” “พูดจริงทุกคำ” ปู๊ด...! ////////////////////////////นักเขียนกับตัวละครท้ายบท/////////////////// “หมิงคราบ อย่าเพิ่งหนีน้องไปไหน น้องแค่ตื่นเต้น” “ไม่ใช่แล้วขอรับ แบบนี้มันปวดหัว ท่านยายนักเขียนช่วยเอานางกลับไปที” “เอากลับไปไม่ได้ น้องเขาเป็นนางเอก” “ไหนค่ะ ใครบอกจะให้ส่งม่าเหมี่ยวกลับ คุณยายนักเขียนคะ ปิดตาไว้นะ ม่าเหมี่ยวจะอบรมสามี” กร็อบ! เสียงกำหมัดน่ากลัวมาก “เอ่อ อาหมิง หนูมะเหมี่ยว ยายไปก่อนเน้อ ยายเพิ่งนึกได้ว่ามีธุระ กระต่ายรอกินหญ้า” “เดี๋ยวขอรับท่านยาย อย่าเพิ่งไปช่วยข้าด้วย อ๊ากกก!!!!”
Free reading for new users
Scan code to download app
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    Writer
  • chap_listContents
  • likeADD