เด็กเฮียโรม2

1756 Words
รังสิมันต์ยืนสูบบุหรี่อย่างใจเย็นพิงรถหรูพ่นควันสีเทาจางๆเป็นวงกลมออกจากเรียวปากหยักอย่างช้าๆ ดวงตาคมกริบสีดำมืดหันไปมองคนกลุ่มใหญ่ที่เป็นฝรั่งตาน้ำข้าววิ่งมาทางที่เขายืนอยู่ "เห็นเด็กผู้ชายตัวสูงๆหน้าตาดีมีรอยสักมังกรเท่ๆและมีดวงตาสีสีสวยๆวิ่งมาทางนี้ไหม" ภาษาอังกฤษสำนวนแปร่งๆแต่เขาก็พอจะเข้าใจความหมาย เขาคิดตามคำบรรยายลักษณะของเจ้าเด็กที่มาขัดจังหวะอารมณ์แล้วนึกขำ ตาสีสวยๆนะใช่... ไอ้เด็กนั่นดูแปลกไม่เหมือนใครข้อนี้เขายอมรับ เพราะเผลอจ้องตาสวยๆของมันจนลืมตัวมาแล้วหลายครั้ง ส่วนเรื่องหน้าตาดีรังสิมันต์ก็ไม่เถียงขนาดเป็นเด็กยังหล่อเหมือนไม่มีอยู่จริง หากโตเป็นหนุ่มจะหล่อมากขนาดไหนสาวๆคงเข้าหาไม่ซ้ำหน้า แต่ติดที่หน้ามันชอบกวนตีน!! แต่เรื่องรอยสักมังกรที่ต้นคอนี่สิ! เขาขอเถียงขาดใจว่าไม่เหมาะกับเจ้าตัวเลยสักนิด ลักษณะของมันห่างไกลกับคำว่ามังกร มาก เพราะไม่งั้นคงไม่วิ่งหางจุกตูดหัวซุกหัวซุนเป็นไอ้ลูกหมา!...ถ้าจะสักก็น่าจะเป็นอย่างหลัง ให้มันเข้ากับตัวเองหน่อยไม่ใช่มังกรผงาดที่อยู่ตรงต้นคอ "ไม่เห็น" รังสิมันต์ประเมินด้วยสายตา​ แต่ละคนน่าจะมีอาวุธสังเกตจากเอวที่พวกมันตั้งใจโชว์ ถ้าให้เดายังไงพวกมันก็คงไม่เชื่อว่าเขาไม่เห็นไอ้ตัวปัญหานั่นจริงๆ เพราะว่าทางผ่านก็มีแค่ตรงนี้ แม้แต่หนูวิ่งก็ไม่น่าจะรอดสายตา... "บอกมาดีกว่าว่าเด็กไปทางไหน มันขโมยของหัวหน้ากูมา ถ้ามึงไม่อยากเดือดร้อนก็รีบบอก! " ขโมยงั้นเหรอ? ก็ไม่เห็นว่ามันจะถืออะไรติดตัวมาเลยสักอย่าง ถึงแม้ว่าจะขโมยของมาจริงๆเขาก็ไม่สน เพราะถือว่าเด็กคนนี้อยู่ในความดูแลของเขาไปแล้วถึงแม้ว่าสถานการณ์จะบีบบังคับให้เป็นอย่างนั้นก็เถอะ แต่เมื่อได้ตัดสินจะช่วยก็คงต้องช่วยให้ถึงที่สุด เดี๋ยวเด็กมันจะว่าเอาได้ว่าเป็นผู้ใหญ่ไม่ได้ความ... แล้วหลังจากนั้นค่อยจัดการมันอีกทีก็ยังไม่สาย "ไม่ใช่เรื่องที่กูต้องมาตอบคำถามพวกมึง" รังสิมันต์ตอบตีรวน ทิ้งก้นบุหรี่แล้วใช้เท้าบดขยี้จนมันดับมอดมือสองข้างล้วงกระเป๋ากางเกงอย่างไม่ยี่หระต่อสายตาเอาเรื่องของคู่กรณี ก่อนจะพาร่างสูงใหญ่ของตัวเองออกมายืนอยู่ตรงหน้าโดยไม่มีท่าทางเกรงกลัวกลุ่มคนที่มีมากกว่า ได้ลองวิชาที่พร่ำเรียนมาบ้างก็ดีเหมือนกัน ได้ขยับแข้งขยับขาเผื่อว่าอารมณ์กลัดมันจะทุเลาเบาบางลงมาบ้าง จากที่ค้างเติ่งอยู่บนดอยก่อนหน้านี้ "กูรูว่ามึงรู้" ไอ้คนที่น่าจะเป็นหัวหน้าเดินแทรกออกมาจากทางด้านหลัง ดูจากการแต่งตัวก็น่าจะไม่ใช่นักเลงปลายแถวเหมือนคนพวกนี้ "ถ้ารู้แล้วมึงจะทำไม" "เหอะ! แล้วมึงรู้ไหมไอ้หน้าหล่อ ว่าคนที่มึงกำลังพูดด้วยเป็นใคร ถ้ามึงไม่อยากเจ็บตัวก็บอกมาซะ!! " หนึ่งในกลุ่มนั้นขู่ฟ่อ รังสิมันต์เห็นแล้วโคตรเกลียดโดยเฉพาะรอยยิ้มเหยียดมุมปากเห็นแล้วอยากจะฝากรอยตีนไว้บนหน้ามันสักครั้ง ถ้าไม่ติดตรงที่มันชมเขาว่าหล่อก็เลยพอให้อภัยได้ ไม่อย่างนั้นเขาคงไม่ปล่อยมันไว้แน่... "หึ! จะเป็นใครทำไมกูต้องสนด้วย หน้าไม่ได้เหมือนบรรพบุรุษกูสักหน่อย" พอได้ยินเขาตอบพวกมันก็ยิ่งหัวร้อน "ไอ้!" คนตัวใหญ่สุดเข้ามากระชากคอเสื้ออย่างแรงแต่ร่างแกร่งไม่ขยับเขยื้อนซ้ำยังมองอีกฝ่ายด้วยแววตานิ่งเรียบไม่สะทกสะท้าน สายตาของหัวหน้ามันสำรวจตั้งแต่ศีรษะจรดปลายเท้า แต่แล้วก็ต้องชะงักดวงตาเบิกโตเมื่อสายตาสะดุดเข้ากับบางอย่างที่ติดอยู่บนเสื้อสูทตรงหน้าอกด้านซ้าย "หยุด!! ปล่อยมันซะ" คนเป็นหัวหน้าสั่งลูกน้องให้ถอยร่นออกมาพร้อมกับมองรังสิมันต์นิ่ง สายตากวาดไปโดยรอบๆก่อนจะมาหยุดที่รถหรูที่จอดอยู่ด้านหลังเพียงครู่เดียว หลังจากนั้นจึงเดินผ่านหน้าออกไปพร้อมลูกน้องอีกเป็นโขยง รังสิมันต์มองรถตัวเองแล้วถอนหายใจหนักๆ หัวหน้ามันคงจะรู้ว่าเด็กอยู่ในรถหรูเพราะเขาลดกระจกลงเล็กน้อยกลัวว่าคนที่อยู่ในรถจะขาดอากาศหายใจตายไปเสียก่อน หลังจากพวกมันไปได้สักพัก ร่างสูงก็เดินไปเปิดประตูพร้อมกับก้มตัวลงมองลอดเข้าไปในห้องโดยสารกวาดตาไปโดยรอบ มุมปากหนากระตุกเล็กน้อยก่อนจะหยุดนิ่งที่ใบหน้าร้ายๆของเด็กที่เขายอมช่วยทั้งที่ไม่รู้จักหน้าค่าตาเลยสักนิดเดียว... "ไปขโมยอะไรของพวกมันมา!" สายตาจ้องอีกฝ่ายอย่างคาดคั้น "เปล่าขโมย" "โกหก! ริอาจเป็นหัวขโมยตั้งแต่เด็กเหรอ ไอ้ลูกพ่อแม่ไม่สั่งสอน" "พ่อแม่ไม่มี และก็ไม่ได้ขโมยของพวกมันมา ไม่เชื่อก็ตามใจ" พูดออกมาด้วยน้ำเสียงไม่พอใจแต่แววตาไหววูบจนเขาสังเกตเห็น "ถอย! ผมจะลง" รังสิมันต์จึงเบี่ยงตัวหลบแต่จังหวะที่เด็กลูกเสี้ยวเดินลงมาก็สะดุดขาตัวเองจนเกือบล้มหัวคะมำ ร่างสูงจึงตวัดวงแขนโอบกระชับไว้ได้ทัน ทั้งคู่สบตากันครู่เดียวเพียงเสี้ยววินาทีที่รังสิมันต์เผลอมองใบหน้าหล่อที่มีแต่รอยฟกช้ำแล้วก็รู้สึกขัดใจ ก่อนจะปล่อยให้อีกฝ่ายได้เป็นอิสระ "แล้วนั่นจะไปไหน!" รังสิมันต์มองเด็กที่ไม่รู้จักสำนึกบุญคุณกำลังเดินส่ายก้นหนีอย่างฉุดจัด ไอ้เด็กบ้านี่! คำว่าขอบคุณสักคำก็ไม่มี... คนที่กำลังจะเดินออกไปหยุดชะงัก แล้วหันกลับมามองเขาอย่างกวนประสาทสีหน้าของมันบ่งบอกว่าโคตรจะรำคาญเขาอีกด้วย..มันจะมากไปเกินไปไหม เห็นแล้วรังสิมันต์ยิ่งฉุนจัด "ใครจะโง่อยู่ให้พวกมันมาจับได้ล่ะ" "เดี๋ยว! มึงยังไปไหนไม่ได้" "อะไรอีก!!" ดูเอาเถอะมันยังไม่สำนึก อีกทั้งทำหน้าเหมือนรำคาญนิดๆ "กูช่วยมึง ขอบคุณกูก่อน" "เรื่องมาก" ไอ้เด็กเปรต! "ขอบคุณ! พอใจยัง" ดูมันสิ! สำนึกบุญคุณอย่างจริงใจก็ไม่มี นี่ยังกล้ากระแทกเสียงใส่อีก อย่างน้อยๆเขาก็เพิ่งช่วยชีวิตมันไว้ไม่ให้โดนกระทืบจากนักเลงพวกนั้น "เดี๋ยว!" กึก! คนโดนเรียกครั้งที่สองหยุดชะงัก ร่างผอมสูงตัวแข็งทื่อยืนนิ่งไม่ขยับ ไม่แม้แต่จะหันหลังกลับมามองคนที่ออกคำสั่งเสียงห้วน รังสิมันต์จึงเดินช้าๆอ้อมไปหยุดยืนอยู่ตรงหน้า พร้อมกับแบมือหนายื่นออกไป "อะ.. อะไร" เด็กแสบมองมือของเขาด้วยท่าทางอึกอักแล้วตวัดสายตาสีอำพันที่สั่นระริกขึ้นมาสบตา ก่อนแววตาจะแปรเปลี่ยนเป็นนิ่งสงบในเวลาอันรวดเร็วทำเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น ไอ้เด็กคนนี้มันร้ายกว่าที่เขาคิด... "นาฬิกา" คนถูกจับได้นิ่วหน้าแล้วพ่นลมหายใจออกมาอย่างขัดใจ แต่ก็ยอมล้วงเอาของบางอย่างออกมาจากกระเป๋ากางเกงวางกระแทกใส่มือเขาอย่างไม่เต็มใจเท่าไรนัก แววตามองตามนาฬิกาอย่างแสนเสียดาย รังสิมันต์มองใบหน้าที่มีรอยฟกช้ำ คิ้วเข้มที่แตกกับมุมปากที่ยังมีเลือดเกรอะกรังแต่ยังทำตัวซ่า ริอาจขโมยของคนอื่น คงมีนิสัยลักขโมยจนเป็นสันดานสิท่า มิน่าสภาพถึงได้เป็นแบบนี้ "ยืมใส่แค่นี้ไม่ได้หรือไง งก!!" พอว่าเสร็จไอ้เด็กแสบก็สะบัดตูดเดินหนีไปทันที ไม่รอฟังคำด่าทอจากเขาก่อนเลย ช่างไม่มีความยุติธรรมอย่างน้อยก็น่าจะยืนให้เขาด่าสักหน่อย "งกพ่อง!! ที่บ้านมึงเรียกยืมหรือไง" รังสิมันต์ตะโกนตามหลังไปอย่างหงุดหงิดนี่เขาช่วยสนับสนุนให้เด็กลักขโมยหรือไง น่าจะจับส่งตำรวจจะได้ไม่ก่อความเดือดร้อนให้คนอื่น "หึหึ แสบไม่เบา นี่ถ้าไอ้โรมมันรู้ว่าตัวเองโดนตกทรัพย์โดยไม่รู้ตัวคงหัวร้อนน่าดู" เจ้าขุนมองลงมาจากชั้นบนอยู่นานแล้ว เขาเห็นว่าเด็กคนนี้ฉลาดเป็นกรดทีเดียว นาฬิกาเรือนหรูแบรนดังระดับโลกว่าแพงมากแล้ว แต่เข็มกลัดวนารมย์ที่ประดับด้วยเพชรน้ำดีที่หายากที่สุดในโลกมีเพียงแค่สามชิ้น แพงกว่านาฬิกาเรือนนั้นอีกหลายเท่าตัว โดนเด็กหนุ่มตกไปเรียบร้อยแล้ว... "ให้ผมไปจับมันมาไหมครับนาย" "ไม่ต้อง ปล่อยไปก่อน" เจ้าขุนยืนมองเหตุการณ์อยู่เงียบๆตั้งแต่ที่เด็กคนนั้นวิ่งเข้าไปขอความช่วยเหลือแล้ว เขายืนดูอยู่ชั้นบนตั้งใจว่าจะลงมาเอาของที่ลืมไว้ในรถแต่เห็นรังสิมันต์กำลังทำกิจกรรมเข้าจังหวะจึงไม่อยากเข้าไปขัด กลัวว่าญาติสนิทจะกระโดดกัดคอแล้วทุ่มเขาน่วมไปเสียก่อน แต่ทว่าไอ้เด็กคนนั้นกลับไม่กลัวตายเลยสักนิด "พวกนั้นเป็นใคร" "พวกนักเลงประจำถิ่นครับนาย อย่าสนใจเลย" แต่สายตาของเด็กคนนั้นเหมือนมีอะไรบางอย่างสะกดให้เจ้าขุนไม่อาจปล่อยผ่าน "ส่วนไอ้เด็กที่พวกมันตามไล่จับชื่อรันเวย์ พ่อแม่เอามาขายตั้งแต่ตอนมันอายุหกขวบเพราะไม่มีเงินมาใช้หนี้แล้วก็หายสาบสูญไปเลย ไอ้รันเวย์ก็หนีทุกครั้งที่มีโอกาส ถึงหนีไปได้สุดท้ายก็ถูกพวกมันจับมาเหมือนเดิม ถ้าผมจำไม่ผิดนะครับรู้สึกพ่อมันจะเป็นลูกครึ่งอะไรสักอย่างส่วนแม่เป็นคนไทย" "ลูกเสี้ยวสินะ.. มึงไปสืบดู และจัดการเอาเด็กนั่นออกมาให้กู!! " "ครับนาย"
Free reading for new users
Scan code to download app
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    Writer
  • chap_listContents
  • likeADD