สิบปีก่อน
"ไอ้ขุนถึงไหนแล้ววะ"
หลังจากไปส่งอัสวิสหลานรักเข้าที่พักเสร็จแล้ว โรมหรือรังสิมันต์ อัศวเมธี ก็รีบออกมารับ เจ้าขุน วนารมย์ ไปยังโรงแรมที่จัดงานเลี้ยงเพื่อขอบคุณผู้บริหาร พนักงานรวมถึงลูกค้าโดยมีวนารมย์กรุ๊ปเป็นเจ้าของบ่อนกาสิโน ทีมบริหารเป็นชาวต่างชาติและมีคนของตระกูลอิซักเซ่นที่เป็นมาเฟียคอยดูแลกำกับที่นี่อีกที
ทั้งสองตระกูลเป็นพันธมิตรตั้งแต่รุ่นปู่ย่าและรักกันเหนียวแน่นเสมือนกับเป็นครอบครัวเดียวกันมาตั้งแต่ตอนนั้น ทรัพย์สมบัติรวมทั้งของคนทั้งสองตระกูลสามารถหยิบยืมเรียกใช้กันได้ตลอดเวลา และพร้อมจะยืนเคียงข้างกันตลอดไป
"เออ เรียบร้อยแล้วรอมึงหน้าโรงแรม เร็วๆหน่อยได้ไหม" ร่างสูงโปร่งของเจ้าขุนเดินออกมาจากโรงแรมหรูท่าทางไม่ได้เดือดร้อนหรือรีบเร่งบ้าจี้ไปกับคนที่นั่งหงุดหงิดรออยู่บนรถเลยสักนิด
"มึงคลานเป็นเต่าเย็นได้ใจกูจริงๆเลย สัส! ทำไมตาต้องมามีธุรกิจที่นี่ให้กูต้องลำบาก ลากกูมากับมึงด้วยวะห๊ะ!"
เขาอยากจะทึ้งหัวตัวเองเมื่อเห็นท่าทางของเจ้าชายน้ำแข็งอย่างเจ้าขุนแล้วก็ยกมือกุมขมับบีบนวดเบาๆเพื่อให้คลายความเครียดจะมีมนุษย์คนไหนทำอะไรเชื่องช้ายืดยาดเป็นเต่าเท่าผู้ชายคนนี้คงไม่มีอีกแล้ว
"ตามึงก็ปู่กูไหม!" คนตอบไม่นำพาคำพูดประชดประชัน หันไปกระตุกยิ้มเบาๆให้เพื่อนที่รู้ใจและยังพ่วงตำแหน่งเป็นทั้งญาติสนิทที่สุดอีกด้วย
"วุ่นวายชิบหายที่ต้องมานับญาติกับมึงเนี่ย"
คนบ่นชักสีหน้าเล็กน้อย เริ่มเคลื่อนรถออกจากหน้าโรงแรมหรูตรงไปยังสถานที่จัดงานเลี้ยงด้วยสีหน้าเบื่อหน่าย เขาไม่ชอบงานสังคมอะไรที่มันเสแสร้งแกล้งทำ อาจด้วยบุคลิกเป็นคนห่าม พูดตรง ปากร้าย ไม่สนหน้าใคร ไม่เหมือนเจ้าขุนที่ลักษณะตรงข้ามกันลิบ รายนั้นดูสุขุมเยือกเย็นและเข้าสังคมเก่งรู้จักเจรจาต่อรอง จึงเหมาะที่สุดที่จะเป็นผู้บริหารสูงสุดของวนารมย์ดูแลกิจการในรุ่นต่อไปแทนคุณตาของเขาและคุณปู่ของมัน
"บ่นอะไรนักหนากูละห่วงคนที่จะมาเป็นเมียมึงจริงๆ"
อายุจะเข้าเลขสามแล้วแต่รังสิมันต์ก็ยังครองตัวเป็นโสด หนุ่มเพลย์บอยรักสนุกไม่ยอมลงเอยกับใครสักคนทั้งที่มีหนุ่มหล่อสาวสวยมาให้เลือกมากมายแต่สุดท้ายก็ไม่เอาใครจริงจัง หล่อรวยเข้มอย่างนายหัวโรมใครก็อยากเข้าหา แต่ทว่ากลับไม่เคยสนใจใครมากไปกว่าแค่หลับนอนปลดปล่อยความใคร่ตามสัญชาติญาณทั่วไปของผู้ชาย
"จะเอามาทำไมให้เกาะแข้งเกาะขา อยากได้ก็ไปซื้อกินเอา"
รังสิมันต์ซื้อกินทุกครั้งที่มีความต้องการ มันสบายใจกว่าเป็นไหนๆถ้าอยากเปลี่ยนบรรยากาศก็แค่บินขึ้นมากรุงเทพกินอิ่มปรนเปรอตัวเองจนพอใจแล้วก็บินกลับ ไม่ได้ใส่ใจอะไรมากกว่าการร่วมรักแม้แต่ชื่อคู่นอนบางคนเขายังไม่เอ่ยเคยถามด้วยซ้ำ...
แล้วอย่างนี้ทำไมเขาต้องหาภาระใส่ตัวก็ในเมื่อที่เป็นอยู่ทุกวันนี้ก็มีความสุขดีอยู่แล้ว...
"ได้ข่าวว่าเลขามาร์ก็เข้าหาไม่ใช่เหรอ"
คนฟังถึงกลับขนลุก นึกไปถึงหน้าหนุ่มรุ่นน้องที่แก้ผ้ารอในห้องทำงานแล้วก็ปวดตับ ลีลายั่วยวนของเด็กหนุ่มคนนั้นยังจำติดตาจนถึงทุกวันนี้
ใช่! เขาไม่ปฏิเสธว่าไม่ชอบ ไม่มีผู้ชายทั้งแท่งคนไหนปฏิเสธหากมีสาวสวยหรือหนุ่มหล่อมานอนถ่างขาให้เอา แต่เขาก็สามารถไล่ตะเพิดออกไปได้โดยไม่มีอะไรเกิดขึ้นอย่างที่คนอื่นไม่คาดคิดว่าคนอย่างรังสิมันต์จะทำได้
"คนอย่างกูมีกฎเหล็กโว้ย"
"กฎปัญญาอ่อนอะไรของมึงอีก"
"เด็กในสังกัดกูไม่แตะอยู่แล้วโดยเฉพาะพนักงานและเด็กในปกครองของตัวเอง จ้างให้ยังไงกูก็ไม่กิน!"
เพราะเล็งเห็นแล้วว่าจะเกิดความยุ่งยากใจตามมาได้ในภายหลัง เพราะฉะนั้นจะสวยหล่อมานอนรอบนเตียง เขาก็ไม่หวั่นไหวกับสิ่งยั่วยุเพราะไม่อย่างนั้นจะปกครองคนยาก
"สมภารไม่กินไก่วัดซะด้วย ให้มันจริงเถอะเดี๋ยวจะเผลอเข้าสักวัน"
เจ้าขุนยิ้มขำนึกถึงใบหน้าของหนุ่มรุ่นน้องที่เป็นเลขาหน้าหวานแล้วเขาก็ไม่อยากจะคิด หากคืนนั้นไม่ฉุกใจกลับเข้าไปในห้องรังสิมันต์อีกรอบมีหวังญาติเขาคงเสร็จเด็กหนุ่มคนนั้นไปแล้วแต่จะไล่ออกไปก็ไม่ได้เพราะเป็นเด็กฝากจากหุ้นส่วนรายใหญ่
"เหอะ!ทำไมเห็นกูลูบดูไม่มีหางจะลากขึ้นเตียงงั้นสิ" เห็นอย่างนี้เขาก็เลือกกินเหมือนกัน
"หรือไม่จริง เอาเป็นว่ากูจะรอดู คนอย่างมึงขาดได้ซะเมื่อไหร่ละไอ้เรื่องอย่างว่าเห็นของสวยงามก็ถลาเข้าใส่ทุกที ไม่สนหน้าอิฐหน้าพรหม"
"สัส! รู้ทันกููทุกเรื่อง เอาเป็นว่ามึงก็คอยดูละกัน ว่ากูจะทำได้อย่างที่พูดจริงหรือเปล่า"
"แล้วกูจะคอยดูคนกลืนน้ำลายตัวเอง!"
บทสนทนาระหว่างพี่น้องต้องหยุดลงเมื่อรถวิ่งมาถึงโรงแรมที่จัดงานเลี้ยง รังสิมันต์เคลื่อนรถไปจอดตรงที่ส่วนตัวที่มีชื่อของเจ้าขุนโชว์เด่นเป็นสง่าอยู่ในช่องด้านในสุด พนักงานยืนตั้งแถวรอเป็นขบวนยาวเพื่อต้อนรับตัวแทนจากวนารมย์กรุ๊ป สำหรับคืนนี้มีงานเลี้ยงของหุ้นส่วนทั่วทุกมุมโลก จัดงานเลี้ยงอยู่ชั้นบนสุดของโรงแรม มีห้องรับร้องแขกที่หรูหราและเครื่องอำนวยความสะดวกครบครันให้กับทุกคน
"เชิญครับ" ผู้จัดการโรงแรมเดินมาต้อนรับทั้งสองหนุ่มด้วยตนเอง
"ลูกค้าและหุ้นส่วนมากันครบหรือยัง"
เจ้าขุนเดินลงมาจากรถหรูพร้อมกับรังสิมันต์ มือขยับเสื้อสูทให้เข้าที่สายตาเหลือบมองดูโดยรอบบริเวณมีรถจอดตรงลานแน่นขนัด รวมถึงที่จอดรถวีไอพีก็เต็มทุกช่อง
"ครับ"
"เน้นย้ำความปลอดภัย อย่าให้เกิดปัญหาภายหลัง"
"ครับ" ปากตอบรับอีกคน แต่สายตาก็เอาแต่จับจ้องรังสิมันต์ด้วยแววตาพราวระยับพร้อมเชิญชวนอยู่ในที
รังสิมันต์เบือนหน้าไปอีกทางเพราะไม่ค่อยชอบหน้าผู้จัดการที่นี่สักเท่าไหร่ พลันก็ชะงักเมื่อสบตากับเด็กผู้ชายหน้าตาดีคนหนึ่งอายุน่าจะประมาณหลานชายของตนหรือไม่ก็อาจจะน้อยกว่า ดวงตาเป็นประกายสีเหลืองอำพัน ผมสีดำสนิทราวกับคนเอเชีย ใบหน้าหล่อคมคายได้รูปมีจมูกโด่งเป็นสันมีรูปร่างสูงผอมกำลังโดนคนฝรั่งร่างโตรังแกอยู่ในมุมมืดของซอกตึก...แต่สายตาที่มองสบเพียงแวบเดียวนั้น...มันทำเขาสั่นใจเต้นโครมครามอย่างที่ไม่เคยเป็น
จากตรงนี้มองไปไม่ชัดเท่าไรนัก แต่ก็พอจะเห็นเลือนรางว่าตามเนื้อตัวของเด็กหนุ่มมีรอยฟกช้ำคิ้วเข้มหนาแตกมีเลือดซึมออกมา ปากที่เม้มเป็นเส้นตรงก็มีเลือดซึมตรงมุมปาก แต่มันก็ไม่สามารถบดบังความหล่อที่ซ่อนอยู่ในตัวของเด็กคนนี้ไปได้เลย ไอ้เด็กโชคร้ายคนนั้นหน้าตาดีไม่เบาแต่ท่าทางมันโคตรเถื่อน ใบหน้าดูร้ายๆของมันดูถือดีไม่ยอมใครโดยเฉพาะไอ้สายตาร้ายๆสีเหลืองอำพันของมันก็โคตรจะกวนตีน...ไม่แปลกใจสักนิดที่สภาพตอนนี้ของมันคือ เละ!!
ช่วงจังหวะเพียงเสี้ยววินาทีได้สบตากับเด็กหนุ่มนั้นเข้าพอดี...สายตาที่มองมาเพียงชั่วครู่บ่งบอกว่าต้องการความช่วยเหลือก่อนจะเปลี่ยนเป็นแข็งกร้าวแล้วหันหน้าไปอีกทางอย่างคนอวดดี
แต่ถึงอย่างไรมันไม่ใช่เรื่องที่เขาต้องยื่นมือเข้าไปยุ่ง ที่นี่ไม่ใช่เมืองไทย...แกล้งทำเป็นไม่รู้ไม่เห็นซะบ้างชีวิตจะง่ายกว่าเยอะ
"มึงเข้าไปคนเดียวเลยนะ กูจะไปหาอะไรดื่มสักหน่อย"
พอเข้ามาในเลาน์จ์ก็เจอของถูกใจจนก้าวขาไม่ออกเมื่อเจอสาวทรงโตอกสะบึมสุดเซ็กซี่เร่าร้อนขยี้ใจ เลือดในกายพลันสูบฉีดแล่นพล่านวิ่งลงไปยังส่วนล่างจนมันร้อนรุ่มปวดหนึบลำกายขยายดุนดันคับกางเกงขึ้นมาทันที ใบหน้าหวานตาสีฟ้ามาในชุดเดรสเกาะอกสีแดงเพลิงสั้นรัดรูปเหนือเข่าเผยให้เห็นเรียวขายาวสวยตัดกับผิวสีขาวจัด บั้นท้ายกลมกลึงน่าบีบขย้ำชวนให้อยากอัดกระแทกมันทำให้เขาไม่อาจปล่อยผ่าน ถ้าเป็นเรื่องเสียวเขาสู้ตาย
สาวทรงโตผู้เป็นเจ้าของใบหน้าสวยกำลังมองมาราวกับจะกินเขาไปทั้งตัวเช่นกัน หนุ่มเพลย์บอยอย่างเขาเจอเหยื่อชิ้นโตก็ไม่พลาดที่จะลิ้มลองเป็นเรื่องธรรมดา
"ขาวจนเอ็นกูแข็ง..สัส!"
เสียงสบถทำให้เจ้าขุนหันไปมองตามก็เลยเข้าใจว่าต่อไปรังสิมันต์จะไปอยู่ส่วนไหนของตึกทรงหรู
"มึงมาทำงานหรือมาเปลี่ยนบรรยากาศกันแน่ โคตรกินแรงกูชิบหาย!" เจ้าขุนส่ายหน้าอย่างเอือมระอา เห็นแล้วก็พ่นลมหายอย่างเซ็งๆที่ตนต้องขึ้นไปร่วมงานตามลำพัง
หากเป็นงานเลี้ยงรังสิมันต์จะอู้ตลอด ชอบปล่อยให้เป็นหน้าที่ของตนอยู่ฝ่ายเดียว ยิ่งหากเป็นเรื่องของวนารมย์ รังสิมันต์แทบไม่เอาตัวเข้ามายุ่งมากนัก ชอบปล่อยให้เขามีอิสระทางด้านความคิดและบริหารงานตามลำพัง เพราะลำพังแค่เหมืองที่เป็นธุรกิจของอัศวเมธี โรมหรือรังสิมันต์ก็หัวหมุนไม่มีเวลาแล้ว อีกทั้งยังเป็นคนไม่ค่อยชอบเข้างานสังคม หรือความวุ่นวาย แต่ก็ยังมีดีตรงที่ลากไปไหนมาไหนเป็นเพื่อนด้วยได้
"มันก็ต้องอย่างหลังสิวะ เนื้อนมไข่ซะขนาดนี้ปล่อยไปก็เสียดายของแย่" ขอเล่นของนอกสักครั้งก่อนกลับก็น่าจะดีไม่น้อย
"เออ..เสร็จแล้วก็โทรมาล่ะกัน"
คนมีศักดิ์เป็นพี่แค่ไม่กี่วันเลยเอ่ยบอกอย่างรำคาญก่อนจะแยกตัวเดินไปขึ้นลิฟท์ของผู้บริหารเพื่อไปยังงานเลี้ยงที่อยู่ด้านบนสุดของโรงแรมหรูแห่งนี้
สองวันแล้วที่เขาไม่ได้ปลดปล่อยอารมณ์ใคร่ มาเจอของถูกใจก็เลยเร่งรีบไม่อยากเสียเวลาก็เลยลากอีกฝ่ายออกมาเอาท์ดอร์ใกล้ๆกับบริเวณรถยนต์ที่จอดตรงมุมตึกที่ไม่ค่อยมีใครเดินผ่านไปมาหรือมีก็นานๆครั้ง ระหว่างทางเดินออกมาหญิงสาวใช้บั้นท้ายถูเป้ากางเกงของเขาที่กำลังขยายแทบปริออกมาด้านนอกอย่างยั่วอารมณ์ พอออกมาจนลับตาคนร่างสูงก็ดันร่างหญิงสาวจนติดผนังกำแพงแล้วประกบปากจูบอย่างหิวกระหาย เสียงบดจูบดูดดื่มเร่าร้อนและช่างดุดัน ลิ้นร้อนพัวพันจนลมหายใจขาดห้วง ชายหนุ่มดูดดึงแลกลิ้นสลับกับงับริมฝีปากบางสวยแทบไม่เว้นช่วงให้อีกฝ่ายได้หายใจ
"อ๊า...อืม"
รังสิมันต์ถลกชุดรัดรึงสีแดงขึ้นไว้บนบั้นเอว ส่วนอีกฝ่ายก็รีบปลดกระดุมเสื้อของเขาอย่างเร่งร้อนเช่นกัน สเปคของเขาไม่เคยเปลี่ยน คู่ขาของเขาต้องเร่าร้อนจัดจ้านและช่ำชองเรื่องอย่างว่ามันถึงจะถึงใจหนุ่มเพลย์บอยอย่างเขา
มือหนาลูบตรงกลางกายผ่านจีสตริงที่แทบจะปกปิดเนินสาวไม่มิดจนอีกฝ่ายเปียกเยิ้มฉ่ำแฉะ หลังจากนั้นนิ้วร้ายก็แหวกจีสติงไปไว้ด้านข้างแล้วบดบี้ติ่งกระสันของหญิงสาวจนเธอครางกระเส่าตรงมุมมืด มือสวยลูบไล้หน้าอกตัวเองเพื่อบรรเทาความเสียวกระสัน รังสิมันต์จับมือเล็กย้ายขยับลงมาสัมผัสตรงกลางเป้ากางเกงของตัวเองที่กำลังแข็งขืนรอเวลาปลดปล่อย
มือใหญ่หนาอีกข้างกำคอระหงจนเป็นรอยแดงแล้วก้มซุกซบตรงเนินอกขาวอวบที่ตนปลดเสื้อเกาะอกลงมาไว้ใต้ฐานอวบอิ่มก่อนจะดูดดึงยอดปทุมถันสีชมพูอย่างมูมมามสลับลากลิ้นเลียระรัวรอบฐานจนร่างสาวร้องครางกระเส่า ส่วนด้านล่างก็ขยับนิ้วเข้าไปในร่องสวาทน้ำหวานไหลเยิ้มชโลมนิ้วร้ายจนเปียกชุ่ม
"น้ำร่านเยอะ..ชิบหาย!"
เสียงครางของเธอที่แผดกระเส่าแอ่นอกบิดเร่าจนรังสิมันต์ทนทานไม่ไหว ชุดที่ใส่และผิวขาวจัดกระตุ้นอารมณ์ให้ดีดพล่าน จึงก้มมองกลางหว่างขา มืออีกข้างรีบปลดกางเกงตัวเองลง จากนั้นจับลำรักฟาดเธอดังปึกๆแล้วให้อีกฝ่ายสวมคอนดอมพอเสร็จก็ย่อตัวลงจากนั้นก็จับแก่นกายดันเข้าไปข้างในกลางร่องกลีบดอกไม้ที่มีน้ำฉ่ำเยิ้มบ่งบอกว่าพร้อมเต็มที่แล้วจึงเย่อกระแทกเสยขึ้นทันที…
"อื้อออ!!"
ชายหนุ่มขบกรามแน่นเมื่อรับรู้ถึงแรงตอดรัดด้านใน เธอดูดของเข้าไปอย่างสวาปามรัดแน่นเกร็งจนเขาต้องขยี้เอวสอบขยับกระแทกเข้าหว่างขาอย่างแรงจนร่างสาวสั่นคลอน
รังสิมันต์จับเรียวขาอีกฝ่ายเกี่ยวเอวเขาไว้ สายตาคมก้มมองการเข้าออกตรงกึ่งกลางกลีบกุหลาบงามและตัวตนของตัวเองที่มุดหัวเข้าออก ก่อนจะเร่งจังหวะกระแทกเธอจนตัวสั่นเทิ้ม
สัญชาติญาณดิบถูกกระชากออกมาเมื่อรับรู้ถึงแรงตอดรัดจากร่องสวาท รังสิมันต์กัดฟันกรอดตอกตรึงหญิงไร้นามอย่างบ้าคลั่งจนสาแก่ใจแล้วก็จับอีกฝ่ายพลิกตัวให้หันหน้าเข้ากำแพงแล้วจากนั้นก็ดันลำกายเข้าไปใหม่รวบสะโพกกลมกลึงให้ลอยเด่นแล้วสาดอารมณ์เข้าใส่อย่างไม่ยั้งแรง เสียงเนื้อกระแทกกระทั้นดังระงมผสมกับเสียงครางของคนทั้งคู่อยู่ตรงใต้ตึกบริเวณลานจอดรถ จนกระทั่งเขาใกล้จะถึงปลายทาง แต่ทว่า...
"ช่วยผมก่อน!!"
"เชี้ย!!"
โรมสบถอย่างหัวเสียกิจกรรมเข้าจังหวะอย่างเร่าร้อนเร่งรีบกำลังจะถูกปลดปล่อยในอีกไม่กี่อึดใจ สะโพกสอบที่หยัดกายกระแทกใส่ร่างสาวหยุดขยับลงกะทันหัน เมื่อมีบุคคลที่สามยื่นหน้าเข้ามาขอความช่วยเหลือในระยะกระชั้นชิด ไม่สิ...ต้องบอกว่ามันแทบเอาหน้ามาชนเขาอยู่รอมร่อ
ร่างสูงจำต้องขยับลำกายออกจากร่องสวาทอย่างแสนเสียดาย ก่อนจะขบกรามแน่นมองบุคคลที่สามอย่างเข่นเขี้ยวที่อีกฝ่ายกล้าเข้ามาขัดจังหวะเสียว
"บ้าชิบ สัสเอ้ย! มึงเห็นไหมกูกำลังทำอะไร"
โรมหันตวาดเด็กโข่งที่ยื่นทำหน้าหล่อใกล้ๆ ใบหน้าร้ายๆของมันมีรอยแตกฟกช้ำยังคงยื่นหน้าเข้ามาใกล้จนทำให้เขาเสียอารมณ์ที่จะทำมันต่อ ที่สำคัญไอ้เด็กบ้านี่มันพูดไทยชัดแจ๋วอีกด้วย…
ชายหนุ่มปลดคอนดอมทิ้งดึงกางเกงขึ้นสวมพร้อมกับช่วยฝ่ายหญิงแต่งตัวให้เรียบร้อยก่อนที่เธอจะวิ่งหนีออกไปจากบริเวณนั้นด้วยความอาย รังสิมันต์มองตามอย่างแสนเสียดายก่อนจะหลับตาลงอย่างช้าๆเพื่อข่มอารมณ์ที่มันกำลังจะระเบิดต่อจากนี้
"เอาน่า ช่วยผมก่อนแล้วคุณค่อยเอาต่อ"
"เอากับผีนะสิ ไอ้เด็กเปรต กูคงมีอารมณ์ต่อไอ้สัส!" อารมณ์ค้างเติ่งทำให้รังสิมันต์โกรธจนควันออกหู หันมาเท้าสะเอวด่ากราดไอ้เด็กบ้าด้วยความโมโห
"ช่วยผมก่อน"
คนพูดหันไปมองทางตึกหลังโรงแรมตรงที่มันโดนซ้อม เขาจำหน้าไอ้เด็กคนนี้ได้โดยเฉพาะใบหน้าร้ายๆกวนอวัยวะเบื้องล่างของมันและท่าทางไม่ยอมลงให้ใคร แต่กำลังมาขอร้องให้เขาช่วย มือเล็กเกาะแขนเขาไว้แน่นพยายามจะแกะออกแต่ไอ้เด็กนี่ก็ไม่ยอมปล่อย
"มันอยู่ไหน!!"
เสียงดังวิ่งมาจากทางด้านหลังโรงแรมจากที่ฟังเสียงน่าจะไม่ต่ำกว่าสิบ รังสิมันต์จิ๊ปากอย่างไม่ชอบใจ ไอ้ลูกหมามันนำความซวยมาให้เขาจนได้ เร็วเท่าความคิดก่อนที่กลุ่มคนพวกนั้นจะวิ่งมาถึง รังสิมันต์จึงรีบปลดล็อกรถหรูทันที
"มึงเข้าหลบอยู่ในรถกูก่อน"
พลั่ก!
เมื่อเด็กไม่ขยับ รังสิมันต์จึงรีบดึงร่างผอมโซอย่างแรงจนเด็กยักษ์กระเด็นมากระแทกอกแกร่งดังปั่ก เขารีบจับมันไว้ไม่ให้ล้มกลายเป็นกอดอีกฝ่ายจากทางด้านหลัง กึ่งกลางกายที่ยังไม่สงบเสียดสีกับสะโพกเล็กกว่าแต่หนั่นแน่นด้วยกล้ามเนื้อของอีกฝ่ายอย่างไม่ทันระวังตัว มันดูจะตกใจกับสิ่งที่แข็งขืนเบียดสะโพกจึงรีบหันหน้ามามองด้วยดวงตาเบิกโต ใบหน้าร้ายๆเร้าใจดึงดูดสายตาชะมัด! ความชิดใกล้ทำเอาหัวใจหนุ่มใหญ่ที่เคยสงบพลุ่งพล่านเต้นโครมครามอย่างไม่น่าให้อภัย...
รังสิมันต์ไม่มีเวลาพิศอีกฝ่ายนานๆจึงรีบยัดเด็กหนุ่มเข้าไปในรถหรูทันทีเมื่อเสียงดังของกลุ่มคนใกล้เข้ามา
"หลบอยู่ในนี้ แล้วอย่าเสือกออกมาล่ะ ภาระกูชิบหาย!!"