[Part of Narnia]
10 ปีผ่านไป...มหาวิทยาลัย L
“เนียร์ วันนี้ไปแดกชาบูด้วยกันไหม”
ต้นกล้าเพื่อนชายที่สนิทที่สุดของฉัน เอ่ยชวนเมื่อพวกเราหลังเดินออกมาจากอาคารเรียนคลาสเรียนสุดท้ายของวัน
“เนียร์ คณบดีให้มาตามอะ”
เสียงธารน้ำดังมาจากข้างหลัง ธารน้ำเป็นเพื่อนสาวที่ฉันสนิทด้วยอีกคน ซึ่งหน้าตาเธอก็เหมือนกับต้นกล้าทุกมุมเว้นแต่เพศที่ไม่เหมือนกัน...ฉันมีเพื่อนเป็นฝาแฝด
“เรื่องเดิมอีกแล้วแน่เลย พวกแกไปกินเลย ฉันต้องทำงานพิเศษเพิ่มวันนี้ไม่ว่าง”
ฉันบ่นอิดออดบอกลาแฝดแล้วเดินกลับขึ้นไปชั้นสองของตึกคณะอีกครั้ง
“ขออนุญาตค่ะ”
ฉันเคาะประตูแล้วเปิดเข้าไปเจอกับคณบดีผู้แสนใจดีของคณะบริหาร
คณบดีชัยชนะเขากำลังนั่งยิ้มรอฉันที่โต๊ะเหมือนรู้ว่าคนที่จะต้องเข้ามาเป็นฉันแน่ๆ
“เป็นไงบ้างละเรา....อะนี่”
คณบดียื่นซองสีขาวให้ฉันแล้วยิ้มให้อย่างเอ็นดู ฉันเปิดดูมันเป็นใบเสร็จค่าเทอม เทอมสุดท้ายของการเรียนมหาวิทยาลัยแห่งนี้
“เนียร์ บอกแล้วว่าเนียร์ไม่อยากรบกวน เดี๋ยวเนียร์จะรีบหาเงินมาจ่ายคืนสิ้นเดือนนี้นะคะ”
“ไม่เป็นไรอาบอกแล้วว่าอาจะช่วย”
“แต่เนียร์ไม่อยากให้คุณอามีปัญหากับคุณอาหญิง”
คณบดีชัยชนะเป็นเพื่อนสนิทของแม่ฉัน แต่ฉันคิดว่าสำหรับแม่ แม่คิดกับเขาแค่เพื่อนสนิท แต่คุณอาคงเป็นเพื่อนสนิทที่คิดไม่ซื่อกับแม่ ฉันพอจะดูออกหรอก ก็เลยไม่อยากจะสนิทกับเพื่อนแม่คนนี้สักเท่าไหร่นัก ฉันไม่อยากมีปัญหากับครอบครัวของคุณอาเขาด้วย
“เงินที่แม่เราทิ้งไว้ให้มันพอแค่ค่าเทอมเทอมที่แล้วไม่ใช่เหรอนาเนียร์ ไหนจะค่ากินค่าอยู่อีกให้อาช่วยเถอะ”
ที่คุณอาชัยชนะพูดก็ถูกอีกตั้งแต่แม่เสีย ฉันก็หนีออกมาอยู่ตัวคนเดียวถาวรไม่กลับบ้านอีก จนมารู้ทีหลังจากงานศพของแม่ว่าบ้านที่อยู่มาตั้งแต่เด็กโดนลุงแท้ๆ ขายเอาเงินไปถลุงให้กับบ่อนการพนันจนไม่เหลือสักสตางค์เดียวส่งมาถึงฉัน
“ขอบคุณนะคะ แต่หนูขอยืนยันว่าหนูจะหามาคืนคุณอาให้ได้ค่ะ”
“ตามใจเราละกัน”
“หนูขอตัวก่อนนะคะ...ขอบคุณอีกครั้งค่ะ...สวัสดีค่ะ”
ฉันเดินออกจากห้องคณบดีแล้วตรงกลับหอพักทันทีเพื่อรีบเปลี่ยนเสื้อผ้าไปทำงานพิเศษต่อ
ฉันเปลี่ยนเป็นกางเกงยีนขายาว รองเท้าผ้าใบและสวมเสื้อแจ็คเก็ตแขนยาวยูนิฟอร์มของบริษัทส่งอาหารเดลิเวอร์รี่เจ้าดัง
“หนู..หนูจ๊ะ”
ป้าเจ้าของหอเรียกฉันทันทีที่เห็นฉันเดินออกห้อง
“คะ..ป้า”
“นี้ใบเสร็จค่าเช่าห้อง ป้าจะเอาให้หลายวันแล้วแต่ไม่ทันเห็นจะสอดไว้ใต้ประตูก็กลัวไม่ถึงมือ”
“ใครจ่ายให้หนูคะ”
“เห็นบอกว่าเป็นเพื่อนสนิทหนูนะ”
ฉันยกมือขอบคุณป้าดูแลหอและรับใบเสร็จนั้นไว้ รีบต่อสายหาแฝดคนน้องทันที
“น้ำ...นี่แกจ่ายค่าห้องให้ฉันเหรอ”
(ใช่ ฉันก็ไปนอนกะแกออกบ่อย ไม่เป็นไรเอาเถอะ..แกกำลังจะไปทำงานเหรอ)
“อืม...ขอบใจนะไว้ฉันจะหามาคืน”
(ไม่เป็นไร..แค่นี้ก่อนนะ)
ธารน้ำวางสายทันทีที่พูดจบ หากจะต่อกลับไปธารน้ำก็คงไม่ยอมรับเงินจากฉันอยู่ดี ฉันรีบเอาโทรศัพท์ยืดติดกับแท่นวางตรงแฮนด์รถ บิดกุญแจสตาร์ทรถเริ่มออกทำงานเดลิเวอร์รี่ส่งอาหาร
ฉันจะทำงานนี้ทุกวันหลังเลิกเรียนจนถึงเที่ยงคืนเป็นงานพิเศษ งานนี้พอทำให้ฉันมีค่ากินค่าอยู่ได้ดีเลยถ้าลุงตัวดีของฉันไม่ชอบมาปล้นเอาเงินของฉันไป
วันนี้ออเดอร์ที่ได้ไม่เยอะเท่าที่ควรฉันจึงออกงานก่อนกำหนด แล้วกลับหอไปอาบน้ำนอนเพราะพรุ่งนี้มีเรียนเช้า
พอถึงหอฉันก็รีบดับรถหน้าประตูหอแล้วจูงรถเข้าไปจอดในโรงรถ เพราะกลัวเสียงดังรบกวนเพื่อนร่วมหอพัก พอจอดรถเสร็จสรรพก็รีบหยิบกระเป๋าเก็บอาหารออกจากรถ แต่ก็มีเสียงคุ้นหูดังมาจากทางข้างหลังซะก่อนที่จะเดินขึ้นห้อง
“อีเนียร์”
“ลุง!! มาได้ไงเนี่ย”
“ไม่ต้องถามมาก มีเงินให้กูยืมหน่อยไหม”
“ไม่มี!”
“แล้วที่คาดเอวมึงนั้นอะไร เร็ว! เอามาให้กูก่อน”
ฉันยอมรับในความสามารถของลุงฉันเลย นี่ฉันเปลี่ยนหอแล้วยังจะตามมาเจอได้อีก แต่พอมาคิดๆ ดูแล้ว ฉันพลาดเองที่เคยให้ที่อยู่ใหม่กับป้าข้างบ้านเก่า เพราะกลัวจะมีเอกสารของแม่ที่เหลือส่งมา ฉันจึงขอรบกวนให้เขาส่งมาให้ฉันที่นี่แทน
แต่ทำไมวันนี้ฉันรู้สึกว่าแกจะดูร้อนรนผิดปกติหน้าตาก็มีแต่รอยฟกช้ำเต็มไปหมด
“เร็วๆซิอีเนียร์”
ลุงย้ำอีกครั้งแล้ววิ่งเข้ามากระชากกระเป๋าคาดเอวของฉันออกแต่มันล็อกแน่นจนสายคาดมันบาดเอวฉันจนเจ็บ
“โอ๊ยลุง!! ถ้าจะเอาเงินก็ออกไปคุยกันข้างนอกหอ มันรบกวนคนอื่น เดี๋ยวฉันให้”
“เร็วๆ”
ลุงเดินออกไปทันทีที่ฉันบอกฉันเดินตามไปอย่างช้าๆ ทำไมวันนี้แกดูร้อนรนและเร่งรีบจังนะ
“กระทืบมัน!!”
อยู่ๆผู้ชายสามคนใส่หมวกกันน็อกก็วิ่งออกจากมุมกำแพงข้างๆ หอพักแล้วตรงปรี่มาหาลุงของฉันทันที
ตุบ ตับ ตุบ ตับ
เสียงกระทืบเท้ารุมกระหน่ำที่คนแก่ ลุงนอนขดงออยู่ท่ามกลางดงตีนนั้น ฉันมองอย่างอึ้งๆแต่พอตั้งสติได้เลยรีบเข้าไปช่วยลุงทันที
“โอ๊ย”
ฉันโดนพวกมันผลักออกมาอย่างแรง ดีที่ใส่เสื้อแขนยาวกับกางเกงยีนเลยไม่เป็นอะไรมาก แค่มือถลอกเล็กน้อย
“หยุดนะโว้ย!!”
เสียงต้นกล้าดังจากทางข้างหลังฉัน ต้นกล้ายืนพิงรถหรูของมันอยู่ ข้างๆมีเพื่อนอีก 2 คน ซึ่งฉันไม่รู้จัก หนึ่งในนั้นกำลังเล็งปืนมาทางฉันกับพวกที่รุมกระทืบลุงของฉันอยู่
“เฮ้ย!! ปืน”
ฉันตกใจตะโกนออกมา พวกมันจึงรีบวิ่งหนีไปอีกทาง
“ลุง!! เป็นยังไงบ้าง?”
ฉันรีบเข้าไปประคองลุงทันที
“เป็นอะไรบ้างเปล่ามึง”
ต้นกล้าเดินมาถามฉัน ฉันส่ายหน้าตอบแล้วก้มมองดูลุงตัวเองที่สลบไปแล้ว
“รีบเรียกรถพยาบาลเถอะ ดูท่าลุงเพื่อนมึงไม่ไหวแล้ว”
เพื่อนของต้นกล้าที่ถือปืนขู่พวกมันบอกให้ต้นกล้า ไม่นานก็มีรถพยาบาลมารับเรา ต้นกล้านั่งมากับฉันแล้วทิ้งรถให้เพื่อนขับตามมา
“เพื่อนแกพกปืนด้วยเหรอ”
ฉันกระซิบถามเสียงเบากลัวพี่พยาบาลที่นั่งมาด้วยได้ยิน
“ของจริงที่ไหน”
ต้นกล้าตอบแล้วเงียบไป
ลุงฉันเข้าห้องฉุกเฉินทำแผลได้ไม่นานก็ฟื้น พอฟื้นปุ๊บก็ลุกขึ้นปั๊บ ฉันจึงเดินเข้าไปถามเรื่องราวทั้งหมดทันที
“พวกมันเป็นใคร...เจ้าหนี้?”
“เออดิวะ!”
“จะรอให้ตัวเองตายก่อนไง..ถึงเลิกเล่น?”
“มึงไม่ต้องมาสอนกูอีเนียร์”
“ปากดีแบบนี้หายเจ็บแล้วใช่ไหม”
“กูจะกลับบ้านแล้ว...ไปละ”
ลุงฉันเดินลงจากเตียงแล้วเดินกะเผลกออกห้องฉุกเฉินไป เรียกแท็กซี่แล้วหายไปเลย ฉันก็เลยต้องไปเคลียร์ค่าใช้จ่ายให้
“มึงจ่ายแล้วเงินพอแดกเหรอ”
ต้นกล้ายืนคุยอยู่ข้างหลังฉันด้วยท่าทางที่สุดจะกวน
“ไม่มี”
“กูจ่ายให้”
“ไม่เอา...ตอนเช้าน้องแกก็จ่ายค่าหอให้ฉัน เข้าใจว่ารวยแต่ฉันแบกรับความช่วยเหลือจากพวกแกไม่ไหวแล้ว”
“เออ...ไม่มีแล้วหยิ่งอีกนะมึง”
ต้นกล้าบ่นฉันแบบไม่จริงจังนักแล้วเดินไปนั่งรอฉันที่เก้าอี้ข้างหลัง