ตอนที่ 5/1 สืบสาว

1006 Words
“ผมต้องไปก่อนนะวีร่า” ภูชิตเอ่ยเสียงเรียบ ทว่าภายในใจกลับแอบลุ้นอยู่เงียบๆ เพราะกลัวว่าวีร่าจะรู้สึกผิดสังเกต “ค่ะ พรุ่งนี้วีร่าจะไปหาภูนะคะ” พูดจบวิราณีก็เขย่งปลายเท้าไปจุ๊บแก้มสากแรงๆ เมื่อเสร็จแล้วภูชิตเองก็รีบเดินไปที่ประตูรถ ด้านนนทรีเองก็รีบหันไปเปิดประตูรถให้เจ้านายตามหน้าที่ของคนขับรถด้วยท่าทางเป็นปกติ และในจังหวะนั้นเอง ร่างบางของญานินกลับแสร้งเซนิดๆ ไปใกล้เจ้านายของเธอ ทำให้ภูชิตจำเป็นต้องจับมือเล็กเอาไว้จนทั้งคู่ต้องมองสบตากัน “ไหวมั้ย?” ภูชิตเอ่ยถามเสียงเบาเพื่อที่จะให้พอได้ยินกันแค่สองคน ด้านนนทรีที่ยืนอยู่ใกล้ๆ น้องสาวรีบพยักหน้าพลางกลืนน้ำลายเพื่อเพิ่มความชุ่มชื้นในลำคอหลังจากเพิ่งหวิดตายมาหมาดๆ ภูชิตไม่รีรอรีบขึ้นไปนั่งด้านในรถทันที “คุณภูคะ…” ด้านญานินเรียกคนทั้งสองด้วยความสงสัย และก่อนที่สาวเจ้าจะขยับตัวเอ่ยถามอะไรไปมากกว่านี้ ด้านนายตำรวจหนุ่มอย่างนนทรีก็รีบขึ้นไปนั่งหลังพวงมาลัย ก่อนจะรีบขับรถออกห่างคฤหาสน์ของนายปรเมศไปไกลพอสมควร บรรยากาศภายในรถที่แสนตึงเครียดจึงค่อยๆ คลายตัวลง “พี่นนท์!” ญานินเห็นพี่ชายใบหน้าเริ่มจะซีดลงๆ หญิงสาวจึงเรียกด้วยความเป็นห่วง ด้านนนทรีที่ฝืนทนต่อไปไม่ไหวจึงเลี้ยวรถเข้าไปจอดข้างทาง ส่วนภูชิตรีบลงไปเปิดประตูฝั่งคนขับ จึงเห็นหยดเลือดสีแดงสดซึมออกมาจากเสื้อของนายตำรวจอย่างนนทรีจังๆ “นายถูกยิงเหรอ?” ไม่รีรอ ภูชิตรีบเปิดเสื้อของผู้กองหนุ่มดูด้วยความเป็นห่วง เมื่อเห็นหยดเลือดมากมาย ชายหนุ่มก็รีบหยิบผ้าเช็ดหน้ามากดทับไว้ที่แผล จากนั้นเขาก็ประคองนนทรีไปนั่งลงที่หลังเบาะด้วยความเป็นห่วง “นินมากดแผลห้ามเลือดไว้ให้เร็ว” ภูชิตรีบกดแผลจนกระทั่งญานินมานั่งลงข้างๆ พี่ชาย ภูชิตจึงเปลี่ยนหน้าที่ไปขับรถแทน “พี่นนท์ทำใจไว้ดีๆ นะคะ” หญิงสาวบอกพี่ชายด้วยน้ำเสียงสั่นเครือ นนทรีเองก็ฝืนยิ้มทั้งๆ ที่นัยน์ตาเริ่มพร่ามัว มือหนาพยายามเอื้อมมาจับมือเล็กของน้องสาวไว้แน่น “พี่ไม่ตายง่ายๆ หรอกนะ จะอยู่เป็นจระเข้ขวางคลองคนแถวนี้ไปอีกนาน…” ว่าแล้วผู้กองหนุ่มยังไม่วายเล่นมุกแซวภูชิต จนคนที่ทำหน้าที่ขับรถต้องมองกระจกหลังอย่างหมั่นไส้ “ไอ้ปากเสีย บอกให้หมอผ่าหมาออกจากปากด้วยเลยดีมั้ย?” ภูชิตเค้นเสียงแช่ง จนผู้กองหนุ่มถึงกับหัวเราะร่วนๆ “และไปทำอีท่าไหนถึงโดนยิงได้ล่ะ ไหนบอกว่าฝีมือดีนักไม่ใช่เหรอ?” “ไปหาหลักฐานเส้นทางยาเสพติดของนายปรเมศมา…” นนทรีบอกเสียงสั่นๆ ด้วยความเจ็บปวด ทว่าริมฝีปากกลับคลี่ยิ้มกับความสำเร็จในครั้งนี้ของตน ก่อนที่เขาจะหยิบโทรศัพท์มือถือออกมาอย่างภูมิใจแล้วรีบส่งหลักฐานไปยังต้นสังกัด “ยาเสพติดเหรอ?” ภูชิตเลิกคิ้วถาม “ใช่ นายปรเมศกับลูกสาวกำลังถูกป.ป.ส.ร่วมกันจับตามาหลายปีแล้ว แต่กลับไม่มีหลักฐานสักที ทางสายสืบได้ข่าวว่ามันจะระบายของออกนอกในช่วงนี้ ฉันจึงอาสามาทำงานนี้เอง และอีกไม่นานมันคงน่าจะหาทางส่งของออกนอกประเทศแน่ๆ ซึ่งประจวบเหมาะกับวันนี้ฉันมีโอกาสได้มาที่บ้านของพวกมัน ก็เลยเข้าทางเลย…” นนทรีพูดเสร็จก็ถึงกับหอบหายใจตัวโยน ญานินถึงกับตาโตรีบหันไปมองเจ้านายของเธอ “หรือว่าจะเป็นสินค้าล็อตที่พวกเขาจะส่งไปน่านน้ำสากลคะเจ้านาย?” “มันจะส่งสินค้าอะไร?” นนทรีรีบเอ่ยถามทันที “อาปรเมศให้ฉันส่งสินค้าไปที่น่านน้ำสากล ฉันได้กลิ่นไม่ค่อยดีก็เลยดึงเวลาอยู่ แต่ไม่รู้ว่าจะได้นานแค่ไหน นายรีบให้คนเข้าไปค้นโกดังที่ท่าเรือดู…ไม่แน่อาจจะเจอก็ได้นะ…” ภูชิตรีบพูดขึ้น “นายจะส่งของเมื่อไหร่ล่ะ?” นนทรีพยายามข่มกลั้นความเจ็บเอ่ยถาม “อีกสามอาทิตย์ แต่ฉันจะไปตรวจสินค้าด้วยตัวเอง” ภูชิตพูดขณะเลี้ยวรถเข้าไปจอดหน้าตึกฉุกเฉินของโรงพยาบาล ด้านเจ้าหน้าที่ก็รีบช่วยกันยกร่างนนทรีเข้าไปด้านในอย่างรู้งาน “ฝากยายนินด้วยนะ…” นนทรีรีบพูดก่อนจะถูกเข็นตัวเข้าไปในห้องผ่าตัด “พี่นนท์…” ด้านญานินทำท่าจะเดินตามเข้าไป ทว่ากลับถูกภูชิตจับตัวเอาไว้ แล้วถูกรวบเข้าไปกอดปลอบจากทางด้านหลัง “นายนนท์ไม่เป็นไรหรอก เชื่อฉันนะ…” ภูชิตลูบแผ่นหลังบางไปมาเบาๆ เล่นเอาญานินเองถึงกับสะอื้นไห้กับอกกว้าง จนเสื้อของชายหนุ่มชุ่มไปด้วยหยาดน้ำตาของเธอ “ฉันก็ภาวนาให้เป็นอย่างนั้นค่ะ” หญิงสาวสะอื้นไห้ไม่หยุด ก่อนจะเอนตัวออกห่างภูชิต ดวงตากลมพยายามมองไปยังประตูห้องฉุกเฉินด้วยความเป็นห่วงพี่ชายของเธอสุดหัวใจ ภูชิตจับมือเล็กก่อนจะพาหญิงสาวไปนั่งทางโซฟาที่ทางโรงพยาบาลจัดไว้ให้ญาติคนป่วย “อย่าร้องสิ ผมไม่อยากเห็นน้ำตาของคุณนะ” ภูชิตรีบเปลี่ยนสรรพนามแทนตัว หญิงสาวเช็ดน้ำตาออกจากแก้มราวกับเด็กเล็กๆ จนภูชิตถึงกับยิ้มอย่างเอ็นดู ก่อนจะซับหยาดน้ำนั้นออกให้ซะเอง “ฉันกลัวนี่คะ กลัวว่าพี่นนท์จะเป็นอะไรไป” ญานินเอ่ยด้วยน้ำเสียงสั่นเครือ เพราะตอนนี้เธอเหลือเพียงพี่ชายเพียงคนเดียวที่เป็นญาติของเธอบนโลกใบนี้
Free reading for new users
Scan code to download app
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    Writer
  • chap_listContents
  • likeADD