“นี่มันอะไรเนี่ย…” ฉันพึมพำขณะคลี่ม้วนกระดาษนั่นออกช้า ๆ พร้อมกับอ่านข้อความด้านในด้วยความแปลกใจ ใครกันนะที่เป็นเจ้าของข้อความบ้า ๆ นี่...
‘You’ re my girl’
“เธอคือผู้หญิงของฉัน...”
“อ๊ะ!”
แกร็ง!
เสียงกระซิบข้างใบหูทำให้ฉันตกใจจนเผลอปล่อยกระป๋องในมือให้ร่วงหล่นสู่พื้นอีกครั้ง ฉันนิ่งไปหลายวินาทีก่อนจะรีบเอียงตัวหนีลมหายใจอุ่นร้อนข้างแก้ม โดยไม่ลืมหันกลับมองเจ้าของการกระทำอันไร้มรรยาทด้านหลังทันที
“นะ… นาย!”
“ไง เจอกันอีกแล้วนะ”
รอยยิ้มปีศาจปรากฏขึ้นพร้อมกับใบหน้าหล่อที่จงใจยื่นเข้ามาใกล้นั่นไม่ได้ทำให้ฉันหงุดหงิดเท่ากับการที่ฉันต้องมาพบเจอผู้ชายคนนี้อีกเป็นครั้งที่สอง!
“เหอะ วันนรกแตกของฉันสินะ” ฉันบ่นกับตัวเองอย่างหัวเสียเล็กน้อยก่อนจะลุกขึ้นยืนเพื่อจะเดินหนีเป็นรอบที่เท่าไหร่ของวันแล้วก็ไม่รู้
ให้ตายสิ! ทำไมชีวิตฉันถึงได้เลวร้ายขนาดนี้กันนะ หนีเสือปะจระเข้ชัด ๆ!
“เดี๋ยว จะรีบหนีไปไหนล่ะ ไม่อยู่คุยกันก่อนหรือไง นี่นับพันคนหล่อเฟี้ยวจนสาวเสียวเลยนะเออ”
ร่างสูงเร่งฝีเท้าตามหลังฉันมาติด ๆ ไม่ต้องบอกก็คงจะเดากันออกใช่ไหมว่าไอ้ผู้ชายมั่นหน้าที่กำลังเดินตามฉันอยู่นี่เป็นใคร ในกาแล็กซีนี้ผู้ชายที่ชอบอวดสรรพคุณอันทุเรศของตัวเองที่ฉันเคยพบเจอมาก็มีหมอนี่คนเดียวเท่านั้นแหละ!
นับพันไงล่ะ!
“อย่ามายุ่งกับฉัน”
“ไม่ให้ยุ่งได้ไง เรื่องของเรามันยังค้างคาอยู่เลยนะ”
“เรื่องของเรางั้นเหรอ?” ฉันหยุดเดินกะทันหันพร้อมกับหันไปจ้องหน้านับพันเขม็ง ส่วนเขาน่ะเหรอ ยืนฉีกยิ้มกว้างลอยหน้าลอยตามาก “ฉันคิดว่าฉันไม่เคยรู้จักกับนายนะ”
“ไม่จริงมั้ง เธอกับฉันยิ่งกว่ารู้จักกันอีก ทั้งซุก ทั้งไซ้ ทั้งดูด ทั้งเม้ม…”
ปึก
“หุบปากนะ! แล้วก็เลิกตามฉันด้วย” ฉันทุบเข้าที่ไหล่เขาเต็มแรง ดีเท่าไหร่แล้วที่ไม่ตบหน้าเขาน่ะ เห็นว่าที่นี่เป็นมหาวิทยาลัยหรอกนะ ไม่อย่างนั้นฉันตบเขาเลือดกบปากไปแล้ว ปากพล่อยดีนัก!
“หึ งั้นก็ยอมรับแล้วสิว่าเรารู้จักกัน” นับพันยิ้มเจ้าเล่ห์ สีหน้าเขาดูสนุกกับการปั่นประสาทฉันมาก แล้วดูนักศึกษารอบข้างตอนนี้สิ ทำไมพวกนั้นต้องมองมาทางนี้ราวกับสนอกสนใจกันเสียเต็มประดา โดยเฉพาะสาว ๆ นี่มองกันตาลุกวาวเลยล่ะ!
เหอะ! หมอนี่คงจะฮอตไม่เบาเลยสินะ!
“นายต้องการอะไร” ฉันถามกลับเสียงนิ่ง ไม่เข้าใจไงว่าเขาต้องการอะไรจากฉัน เรื่องวันนั้นมันก็จบไปแล้วนี่ มันก็แค่เรื่องเข้าใจผิด ฉันไม่เอาเรื่องเขาก็ดีแค่ไหนกันแล้ว
“เธอไง”
“ตลกเหรอ ถามดี ๆ อย่ามาเยอะ ไม่ใช่เพื่อน ไม่สนิท เก็ทนะ”
“ไม่ได้เยอะ แต่ ‘อยากเอา’ เธอจริง ๆ จบป่ะ” นับพันโต้ตอบกลับ ทำเอาฉันนิ่งไปหลายวินาทีเลย
ให้ตาย… หมอนี่มันโรคจิต คำพูดคำจาน่าเอาของแข็งฟาดซะจริง!
ไม่รู้ว่าฉันยืนจ้องหน้าเขานานแค่ไหน รู้สึกตัวอีกทีก็ตอนที่เขาขยับใบหน้าเข้ามาใกล้พร้อมกับจ้องตาฉันราวกับกำลังค้นหาอะไรบางอย่างนั่นแหละ ฉันเม้มริมฝีปากเล็กน้อย ไม่ได้ขยับหนี เพียงแค่จ้องกลับด้วยสายตาเย็นชา ไร้ความรู้สึกตามเดิม
“ทำบ้าอะไร…”
“เธอน่ะ… เป็นเมียไอ้อาร์มี่จริงป่ะ”
“...” ฉันเงียบเพราะไม่รู้จะตอบกลับว่าอะไร ในเมื่อความจริงฉันไม่ได้เป็นอะไรกับอาร์มี่ แต่ถ้าตอบแบบนั้นไปมันคงจะเรื่องยาวอีกแน่ ๆ ดูจากสายตาและท่าทางของนับพัน เขาคงไม่ยอมปล่อยให้เรื่องนี้จบลงง่าย ๆ แน่นอน
“ว่าไง เธอเป็นเมียมันจริง ๆ อ่ะ?”
“ถ้าใช่… แล้วจะทำไม?”
“หึ… ก็ไม่ทำไม” นับพันชะงักไปเล็กน้อยก่อนจะเค้นหัวเราะในลำคอ สีหน้าเขานิ่ง น้ำเสียงเขาก็นิ่ง ซึ่งมันแปลกไปจากเดิมอย่างเห็นได้ชัด
“...”
“แค่อยากจะลอง ‘แย่ง’ เมียเพื่อนดูสักครั้ง”
ฉันอึ้งไปเลยเมื่อฟังประโยคถัดมาของผู้ชายตรงหน้า รอยยิ้มปีศาจนั่นช่างน่ารังเกียจเสียจริง ทำไมเขาถึงมีความคิดชั่ว ๆ ได้ขนาดนี้กันนะ
แย่งเมียเพื่อนงั้นเหรอ… สารเลวสิ้นดี!
“สนใจเป็น ‘ชู้’ กับ ‘เพื่อนผัว’ ดูไหมครับ”
“สารเลว…”
“แหม… มันก็น่าตื่นเต้นดีนะว่าไหม?”
ใบหน้าหล่อ ๆ ยื่นเข้ามาใกล้มากกว่าเดิม รอยยิ้มกว้างจนเห็นฟันขาวน่ามองนั่นเห็นแล้วมันน่าโมโหที่สุด
“ตื่นเต้นบ้านนายสิ! หลบไปเลยไอ้โรคจิต!” ฉันผลักเขาให้หลบทาง นับพันถอยหลังไปเล็กน้อย แต่ก็ยังไม่วายยืนขวางทางเหมือนเดิม
“โรคจิตที่ไหนจะหล่อขนาดนี้เธอก็”
“เหอะ! หลงตัวเอง!”
“หลงทางเสียเวลา แต่หลงสบตาเฮียน่ะเสียตัวนะครับ”
“แหวะ ไปเสี่ยวไกล ๆ เลย! น่ารำคาญ!” ฉันเบะปากใส่ผู้ชายร่างสูงที่โชว์มุกเสี่ยวออกมา ไม่เข้าใจตัวเองเหมือนกันว่าทำไมต้องมายืนเถียงบ้าบออะไรกับเขาตรงนี้ด้วย
“ถึงเฮียจะเสี่ยวแต่ก็ทำให้เสียวได้นะเออ” นับพันยังคงไม่หยุดเสี่ยวใส่ฉัน ใบหน้าหล่อเหลาตรงหน้าฉันกับมุกเสี่ยวที่เขาพ่นมันออกมา บอกตรง ๆ โคตรไม่เข้าอ่ะ! หมอนี่มันบ้าจริง ๆ ใช่ไหม?! เขาต้องการอะไรจากสังคมกันเนี่ย!
“หยุดเสี่ยวใส่ฉันสักที จะอ้วก!”
“เสี่ยวอะไร นี่ฉันกำลังจีบเธอนะ”