EPISODE 01.02 ทำความรู้จัก

2907 Words
EPISODE 01.02 ทำความรู้จัก “ผมคิดแบบที่พูดจริง ๆ นะ ต่อให้ผมเป็นอัลฟ่าแต่ผมก็ไม่เห็นจะรู้สึกว่าตัวเองวิเศษกว่าคนอื่นยังไง” “แล้วคุณฐามองว่าโอเมก้าคืออะไรในสายตาคุณล่ะ โอเมก้าน่ะเสียเปรียบด้านพละกำลังอย่างชัดเจน” “โอเมก้าสำหรับผมก็คือมนุษย์คนหนึ่งเหมือนผมนี่แหละครับ ไม่ได้มองว่าเสียเปรียบอะไร เหมือนที่ผมมองว่าคุณทอยเป็นคนเข้มแข็งมาก ๆ เก่งมากด้วย เรียนจบปริญญาโทที่อังกฤษแล้วกลับมาทำงานของตระกูล เก่งกว่าผมอีกที่มางานนี้คนเดียวได้ ผมยังมากับเลขาเลย ไม่มีผู้ช่วยผมก็ทำอะไรคนเดียวไม่เก่งหรอกครับ” เป็นอีกครั้งที่ทยากรมองอีกฝ่ายพลางขมวดคิ้วด้วยความสงสัย จู่ ๆ ฐากูรก็ถ่อมตัวใส่เขาอีกแล้วทั้งที่ก่อนหน้านี้ยังต่อปากต่อคำกันเรื่องธุรกิจอย่างไม่มีใครยอมใครอยู่เลย ตอนนี้ต่อให้ทยากรมีสติตั้งรับแค่ไหนก็จัดการได้ยากในเมื่อฐากูรมักจะแสดงออกในมุมที่เขาคาดไม่ถึงอยู่เสมอ ซึ่งความเป็นจริงคือฐากูรค่อนข้างจริงจังกับความเท่าเทียมระหว่างอัลฟ่า เบต้า และโอเมก้า เขาต้องการอธิบายให้ทยากรได้รู้ว่าตัวเขามีแนวคิดแบบนี้ ไม่ได้ถือตนข่มคนอื่นว่าเป็นอัลฟ่า และไม่อยากให้โอเมก้าอย่างทยากรต้องคอยระแวงเขา ทั้งที่เขาไม่ได้มีพิษมีภัยอะไรเลย ลำพังแค่อยู่กับคนของตระกูลคู่แข่งก็เข้ากันยากพอแล้ว ถ้ามีกำแพงเรื่องอัลฟ่ากับโอเมก้ามาอีกคงไม่มีทางได้สนิทกันแน่ แล้วถ้าสร้างมิตรภาพที่ดีไม่ได้จะล้วงความลับของอีกฝ่ายได้อย่างไร ฐากูรต้องทำทุกทางเพื่อไม่ให้ภาพที่เขาเห็นนั้นเป็นจริง เขาทนไม่ได้แน่ถ้าอีกฝ่ายจะได้เป็นเจ้าของแท่นขุดเจาะน้ำมันดิบแล้วเร่งฝีเท้าขึ้นมาเทียบเท่าอันดับหนึ่งของอุตสาหกรรมปิโตรเลียมอย่างองค์กรของเขา “มึงโอเคไหมเนี่ยไอ้แฝด?” “ซี้ดดด ครั่นตัวนิดหน่อย งั้นเดี๋ยวกูมานะ” สถานการณ์ระหว่างฐากูรกับทยากรนั้นปกติสุขดี เขาไม่แสดงท่าทีผิดปกติต่อสิ่งเร้าอย่างกลิ่นฟีโรโมนโอเมก้าออกมาให้เห็นเลย แต่ทางฝั่งของคินตะและจินตะนั้นค่อนข้างจะหนักหน่วงเพราะต้องอดกลั้นอย่างมาก ขนาดเติร์ดที่เป็นมนุษย์ธรรมดาเพียงคนเดียวยังดูออกเลยว่าเพื่อนของเขานั้นไม่เหมือนเดิม สุดท้ายเติร์ดก็ต้องพาอัลฟ่าแฝดออกไปเข้าห้องน้ำเพื่อระงับสติอารมณ์ เมื่ออัลฟ่าตรงหน้ามีอาการแตกต่างกันขนาดนี้ก็ยิ่งทำให้ทยากรแปลกใจมากกว่าเดิมอีก เขาไม่อยากจะเชื่อว่าฐากูรจะสงบนิ่งต่อฟีโรโมนโอเมก้าได้ขนาดนี้ อดไม่ได้ที่จะคิดว่าอีกฝ่ายกำลังเล่นละครตบตาเขาอยู่หรือเปล่า แสร้งทำเป็นคนดีทั้งที่ในใจคงอดทนอดกลั้นแทบแย่ ทยากรคิดว่าถ้าวันนี้ได้เห็นมุมที่ไม่ดีของฐากูรบ้างคงดีไม่น้อย แม้ว่าจะถกเถียงกันเรื่องงานแบบยอมกันไม่ลง แต่ก็มีวิธีที่จะทำให้อัลฟ่าอย่างฐากูรเสียภาพลักษณ์ต่อหน้าคนหมู่มากได้ ‘ไหนลองดูสักตั้งซิ ว่าจะเป็นพ่อพระจริงไหม?’ ดวงตากลมเหลือบมองอัลฟ่าหนุ่มที่กำลังก้มหน้าเล่นโทรศัพท์อยู่ ทยากรใช้จังหวะที่อีกฝ่ายสนใจอย่างอื่นนั้นปล่อยฟีโรโมนของตัวเองออกมาเพื่อล่อฐากูร เขาคิดไว้แล้วว่าถ้าอีกฝ่ายเผลอทำเรื่องไม่ดีอะไรขึ้นมาเขาจะตะโกนขอความช่วยเหลือสุดเสียง เอาให้คนสนใจมากที่สุด แล้วจะไปปั่นกระแสข่าวให้ออกไปทางที่ว่า ‘ทายาทตระกูลค้าปิโตรเลียมอันดับสองโดนอันดับหนึ่งรังแกกลางงานเลี้ยง’ แค่ข่าวเล็ก ๆ ก็ทำให้เป็นกระแสได้ไม่ยาก คนชอบเสพข่าวประเภทนี้อยู่แล้ว ทว่าเวลาผ่านไปนับนาทีฐากูรก็ไม่มีปฏิกิริยาใดเลยนอกจากเหลือบตามองทยากรด้วยความสงสัย ต่างคนก็ต่างรู้ว่าทยากรกำลังปล่อยฟีโรโมนยั่วยวนออกมาอยู่ เพียงแต่มันก็ยังไม่มีอะไรเกิดขึ้นระหว่างพวกเขาอยู่ดี ตึก ตึก ตึก “กลิ่นหอมดีนี่” ทยากรสะดุ้งเฮือกเมื่อจู่ ๆ ก็มีชายสูงวัยคนหนึ่งเดินตรงเข้ามาหาพร้อมเอ่ยชมกลิ่นฟีโรโมนของเขาด้วยสีหน้าหื่นกระหาย เสี้ยววินาทีนั้นทยากรต้องรีบกักเก็บกลิ่นให้มิดชิด เขากลัวจนไม่กล้าปล่อยมันออกมาอีกแล้ว สัญชาตญาณมันทำให้เขาต้องเป็นฝ่ายเกรงกลัวพวกอัลฟ่าที่มีท่าทีคุกคามแบบนี้อยู่เสมอเลย แต่ยังไม่ทันที่เขาจะขยับตัวหนีเพื่อปกป้องตัวเอง จู่ ๆ ก็ได้กลิ่นฟีโรโมนจากฐากูรกระจายออกมาอย่างรวดเร็ว มันหอมและแรงมากจนฟุ้งแสบจมูก กลิ่นฟีโรโมนจากอัลฟ่าสองคนปะทะกันรุนแรงจนทยากรคลื่นไส้ เป็นเขาเองที่ต้องเดินเลี่ยงมาอยู่อีกฝั่งหนึ่งแล้วมองทั้งคู่สบตากัน ‘นี่มันสถานการณ์ที่อัลฟ่าปล่อยฟีโรโมนข่มกันเพื่อแย่งโอเมก้าหรือเปล่าวะ’ ครู่ต่อมาชายสูงวัยคนนั้นก็ถอยหนีไปทางอื่นราวกับยอมแพ้ จากนั้นฐากูรก็หันมามองทยากรอย่างคาดโทษ “ถ้าจะทดสอบผมก็ลองปล่อยมันออกมาตอนที่เราอยู่กันสองคนนะ” ริมฝีปากบางเม้มเข้าหากันแน่น พอทุกอย่างผิดแผนเขาก็ชักทำตัวไม่ถูกเหมือนกัน ปกติก็ไม่ได้สุงสิงกับคนแปลกหน้านานขนาดนี้โดยเฉพาะพวกอัลฟ่า นี่ถ้าตอนแรกไม่เห็นภาพแปลกตอนจับมือกัน เขาก็คงไม่มายืนอยู่ตรงนี้แน่ ๆ “ผมว่าผมกลับก่อนดีกว่า” “รอพวกนั้นกลับมาก่อนสิ บอกลากันแล้วค่อยแยกย้ายก็ได้ ผมก็จะกลับเหมือนกัน” “เอางั้นก็ได้ครับ” ร่างผอมบางเดินไปยังซุ้มอาหารที่อยู่ใกล้ ๆ เพื่อเลี่ยงการสนทนากับฐากูร ตอนนี้เขารู้สึกเสียหน้าและไม่เป็นตัวเองมากจนแทบจะแทรกแผ่นดินหนี น่าเจ็บใจที่ดันเสียรู้ให้รูปลักษณ์ภายนอกของฐากูร นึกว่าจะเป็นพวกหัวอ่อนหลอกง่ายเสียอีก ที่แท้ฉลาดเป็นกรด ไม่ว่าทยากรคิดหรือกระทำอะไรออกมา อีกฝ่ายก็ดูเหมือนจะรู้ทันทุกอย่าง ซึ่งมีอีกสิ่งหนึ่งที่ทยากรต้องรับมือให้ได้หลังจากนี้ นั่นคือแผนการกระชับมิตรของฐากูร คนเจ้าแผนการอย่างเขาไม่มีทางปล่อยให้โอเมก้าตัวน้อยคนนี้หลุดมือไปง่าย ๆ หรอก อย่างน้อยก็จนกว่าจะหาคำตอบได้ว่าภาพที่เขาเห็นนั้นเป็นสิ่งที่คิดไปเอง THAKUN888 : พวกมึงไม่ต้องรีบเข้ามา ขอเวลาอีก 15 นาที เขาส่งข้อความเข้ากลุ่มไลน์เพื่อบอกเพื่อนทั้งสามคนที่ออกไปเข้าห้องน้ำ จากนั้นก็กวาดตามองหาเลขาของตัวเองเป็นระยะเพื่อรอรับสัญญาณว่าสิ่งที่สั่งให้ทำนั้นสำเร็จหรือไม่ ซึ่งจนถึงตอนนี้ยังไม่ได้รับสัญญาณใดเลย เขาจำเป็นต้องยื้อการแยกจากกันกับทยากรเอาไว้ก่อน เวลาผ่านไปจนเกือบยี่สิบนาที ทุกอย่างก็ดำเนินไปตามที่เขาวางแผนไว้ ริมฝีปากหยักฉีกยิ้มออกมาอย่างอารมณ์ดีเมื่อเห็นกลุ่มเพื่อนเดินกลับมา จนถึงตอนนี้ก็ยังไม่มีใครรู้ว่าฐากูรคิดจะทำอะไรกันแน่ “กลับกันไหมมึง กูกับคุณทอยว่าจะกลับแล้ว” ทั้งสามคนรับมือไม่ทัน คิดไม่ออกว่าฐากูรเปรยมาแบบนี้คือต้องการให้กลับพร้อมกันหรือจะขอตัวกลับกันไปสองคนก่อน แต่ก็น่าจะเป็นอย่างหลังเพราะดูเหมือนฐากูรจะยื้อเวลาเพื่อให้ได้อยู่กับทยากรนานขึ้น “เออ งั้นสองคนนี้กลับไปก่อนเลย เดี๋ยวกูเดินคุยกับผู้ใหญ่ในงานสักหน่อยค่อยกลับ” “งั้นผมกลับก่อนนะครับพี่ ๆ ยินดีที่ได้รู้จักอีกครั้งนะครับ” มือเรียวยื่นไปด้านหน้าเพื่อจับมือทีละคน คราวนี้ทยากรมีสติอย่างมาก เขาจดจำความรู้สึกตอนสัมผัสฝ่ามือได้ทุกคน เริ่มตั้งแต่เติร์ด จินตะ คินตะ จนมาถึงฐากูร... ภาพในหัวเกิดขึ้นอีกแล้ว คราวนี้ทยากรเห็นภาพตัวเองนั่งอยู่บนรถเคียงข้างกับฐากูรเลย ความตกใจที่ได้เห็นภาพแปลกประหลาดนี้ซ้ำสองทำให้เขารีบชักมือกลับอย่างรวดเร็ว ทางฝั่งของฐากูรก็ตกใจจนหน้าถอดสีเพราะภาพในหัวที่เขาเห็นคือภาพใบหน้าของทยากรถูกฝ่ามือหนึ่งตบเข้าที่แก้มจนหน้าสะบัด ทีแรกก็ทำใจไว้ว่าอาจจะได้เห็นภาพบางอย่างตอนที่จับมือกัน แต่เขาก็ไม่คิดว่าจะได้เห็นภาพรุนแรงแบบนี้ ทั้งสองคนเบือนหน้าไปคนละทางเพื่อเก็บอาการให้ได้มากที่สุด ต่างฝ่ายก็ต่างไม่รู้ว่าอีกคนก็เห็นภาพเหมือนกัน แล้วก็ไม่ยอมบอกในส่วนที่ตัวเองเห็นออกไปด้วย กว่าฐากูรจะตั้งสติได้อีกครั้งก็ตอนที่เลขาเดินเข้ามาหาพลางกระซิบบอกว่ากระทำสิ่งที่สั่งไว้เรียบร้อยแล้ว ร่างสูงถอนหายใจอีกครั้งก่อนจะหันมาโบกมือลาเพื่อนแล้วเดินเคียงข้างทยากรออกไปจากงานเลี้ยง ที่จริงวันนี้ก็ตั้งใจจะแจกนามบัตรให้ผู้ใหญ่ทั่วงานแต่ก็ไม่ได้ทำ ฐากูรเอาเวลาทั้งหมดมาสนใจโอเมก้าตัวน้อยคนนี้แทน ซึ่งถ้าทยากรไม่บังเอิญเป็นรุ่นน้องของเติร์ดก็ไม่รู้ว่าจะมีโอกาสได้ทำความรู้จักกันไหม “คนขับรถคุณทอยรออยู่ตรงไหนเหรอครับ?” “วันนี้ผมขับรถมาเองครับ จอดอยู่โซนเอนี่เองครับ” “ใกล้กันเลยครับ คนขับรถผมจอดรออยู่ตรงประตูฮอลล์ข้าง ๆ เพราะตรงนี้ต่อแถวกันยาว งั้นเราก็เดินออกไปด้วยกันนี่แหละ” เขาถามทั้งที่รู้อยู่แล้วว่าอีกฝ่ายขับรถมาเอง ทยากรก็ไม่เอะใจกับคำถามทั่วไปแบบนี้เลยสักนิด ทั้งที่ความจริงฐากูรเห็นภาพล่าสุดในอินสตาแกรมแล้วว่าวันนี้อีกฝ่ายขับรถคันไหนมา ก็เจ้าตัวเล่นถ่ายลงโซเชียลหราขนาดนั้น เดินต่อมาอีกหน่อยก็ถึงจุดที่ต้องแยกย้าย ทั้งคู่ค้อมตัวให้กันเล็กน้อยก่อนจะเดินไปคนละทาง ฐากูรเดินช้าหน่อยเพื่อยื้อเวลาบางอย่าง “เอาจริงเหรอครับคุณฐา แกล้งเขาแบบนี้ไม่ดีเลยนะครับ” “ใครบอกผมแกล้ง ทุกอย่างเป็นอุบัติเหตุต่างหาก” “ถ้าคุณท่านทราบ...” “คุณพ่อกับคุณแม่จะรู้แค่ว่าผมช่วยเหลือเขาเพราะรถเขาเกิดอุบัติเหตุก็เท่านั้น ถือเป็นน้ำใจที่พาไปส่งที่บ้าน ฮ่า ๆ” วายุส่ายหน้าด้วยความไม่เข้าใจ ทุกครั้งเจ้านายใช่จะสนใจใคร นอกจากเรื่องงานก็ไม่เคยวางแผนกลั่นแกล้งใครขนาดนี้ ถึงขนาดสั่งให้วายุจ้างรถมาถอยชนรถของทยากรแล้วทำให้เป็นอุบัติเหตุ ตอนนี้คนที่จ้างมาก็อยู่ตรงรถที่เกิดเหตุนั่นแหละ รอเรียกประกันอยู่ ทุกอย่างที่กล่าวมาเกิดขึ้นรวดเร็วมาก ฐากูรเพิ่งจะไลน์มาสั่งการเมื่อตอนอยู่ในงานเลี้ยงนี่เอง บอกว่าให้เวลาจัดการครึ่งชั่วโมงทั้งหารถของทยากร ทั้งหาคนมาชน ทุกอย่างดูรีบร้อนไปเสียหมดจนวายุเองยังไม่มีเวลาขบคิดเลยว่าเหตุใดเจ้านายถึงต้องทำแบบนี้ กระทั่งตอนนี้ที่ขึ้นมาบนรถตู้แล้วก็ยังดำเนินแผนการต่อ ฐากูรสั่งให้คนขับรถวนเข้าไปในแถวที่รถทยากรจอดอยู่ เหตุการณ์ความวุ่นวายตรงหน้าเลยประจักษ์ต่อสายตาทุกคน รถตู้สีดำคันหรูจอดเทียบกับรถคู่กรณี จากนั้นฐากูรก็เปิดประตูรถลงมาหาทยากรด้วยสีหน้าตื่นตระหนกราวกับไม่รู้เรื่องรู้ราวใด “เกิดอะไรขึ้นเหรอครับคุณทอย” “เฮ้อ พอดีเขาถอยมาชนรถผมน่ะครับ ตอนนี้เรียกประกันอยู่” “งั้นผมอยู่เป็นเพื่อนดีกว่า เผื่อช่วยเหลืออะไรได้บ้าง” “ไม่เป็นไรครับ ผมช่วยเหลือตัวเองได้” ถึงทยากรจะพูดอย่างนั้นแต่ฐากูรก็ไม่ยอมถอยออกไปสักก้าวเดียว เขายืนเคียงข้างอีกฝ่ายเงียบ ๆ จนเจ้าหน้าที่ของบริษัทประกันมาถึง ได้มีการถ่ายรูปรถทั้งสองคัน จุดปะทะ และพูดคุยกันนิดหน่อย ทางประกันของทยากรแจ้งว่าจะนำรถไปซ่อมที่ศูนย์ให้ โดยระหว่างนี้จะมีรถสำรองให้ใช้แต่ต้องรอรถมาส่งที่นี่ประมาณสามชั่วโมง เห็นว่าต้องเข้าไปทำเรื่องก่อนถึงจะปล่อยรถสำรองออกมาได้ “รอที่นี่นานขนาดนั้นคงไม่สะดวกมั้ง เอางี้ดีไหมครับ เดี๋ยวผมไปส่งคุณทอยเอง แล้วให้ประกันนำรถไปส่งที่บ้าน” “ถ้าให้ทางเรานำรถไปส่งที่บ้านก็ได้ครับ” สิ่งที่ทำให้ทยากรตกใจจนหน้าถอดสีตอนนี้ไม่ใช่การที่ต้องรอรถสำรอง ไม่ว่าจะรอที่นี่หรือรอที่บ้านเขาก็รอได้ แต่การที่ฐากูรบอกว่าจะไปส่งนี่สิที่น่าตกใจ เพราะภาพที่ทยากรเห็นตอนจับมือกันครั้งล่าสุดคือเห็นตัวเองนั่งรถไปกับอีกฝ่าย ถึงจำไม่แม่นว่าในภาพนั้นสวมชุดวันนี้กันหรือไม่ ทว่าเขาก็เริ่มเชื่อมากขึ้นแล้วว่าภาพเหล่านั้นอาจจะเป็นลางบอกเหตุล่วงหน้า เหตุการณ์แบบนี้มันแปลกมาก แปลกจนทยากรรับมือไม่ถูก เขาไม่เคยเห็นภาพแบบนี้หลังจากจับมือกับใครมาก่อน หรือต่อให้เป็นลางบอกเหตุแล้วควรทำอย่างไรต่อ ต้องทำตามที่เห็นหรือควรหลีกเลี่ยงกันแน่? “เอ่อ งั้นรบกวนนำรถสำรองไปส่งที่บ้านแล้วกันครับ แล้วผมก็ไม่รบกวนคุณฐาดีกว่า ผมเรียกแท็กซี่กลับเองได้ครับ” “ไม่รบกวนหรอกครับ กลับกับผมยังมีเพื่อนคุยตลอดทาง แต่ถ้าคุณทอยกลับคนเดียว คุณจะเหงานะครับ” ดวงตากลมโตหรี่มองอัลฟ่าหนุ่มอย่างจับพิรุธ เขารู้สึกได้ถึงความไม่ปกติบางอย่างภายใต้ใบหน้าที่ยิ้มแย้มและดูเป็นมิตรนั่น ถึงอย่างนั้นก็จับไม่ได้อยู่ดีว่ามันผิดปกติอย่างไร ‘ไอ้คุณฐานี่จะมาไม้ไหนอีกวะ’ ทยากรชั่งใจอยู่ครู่หนึ่ง เขาครุ่นคิดว่าจะเดินหน้าท้าชนหรือถอยหนีออกมาดี เพราะถ้าเขาก้าวขึ้นรถตู้คันนั้นไปก็ไม่รู้จะเกิดอะไรขึ้นบ้าง ซึ่งการให้อีกฝ่ายไปส่งก็มีผลดีตรงที่ได้มีเวลาพูดคุยทำความรู้จักกันมากขึ้น หากเป็นไปได้อาจจะได้จับมือกันอีกเป็นครั้งที่สาม ในใจลึก ๆ แล้วทยากรก็อยากรู้เหมือนกันว่าจะเห็นภาพอะไรอีกไหม ถ้าเห็นทั้งสามครั้งนี่คงไม่เรียกว่าบังเอิญแล้ว แต่ถ้าเขาตัดสินใจนั่งแท็กซี่กลับเองทุกอย่างก็จบ ไม่ต้องมานั่งคิดมากหรือเสียเวลาทำความรู้จักใครด้วย “อ่า...แล้วคุณฐาว่างเหรอครับวันนี้ ถ้าผมเบียดเบียนเวลางานคุณก็ไม่เป็นไรดีกว่า” “วันนี้ผมว่างนะ ว่างพอจะพาคุณไปกินมื้อเย็นอร่อย ๆ ด้วย คุณเพิ่งกลับไทยต้องยังไม่เคยกินร้านนี้แน่” ฐากูรรู้ว่าทยากรลังเลจึงยกเรื่องมื้อเย็นมาเป็นจุดสนใจเพื่อทำให้อีกฝ่ายสงบใจลง อย่างน้อยก็ไม่ได้คิดจะอยู่ด้วยกันสองคนนาน แต่จะพาไปในที่ที่คนเยอะและทยากรรู้สึกปลอดภัย แล้วมันก็ได้ผลเสียด้วยเพราะทยากรพยักหน้ารับในที่สุด “ก็ได้ครับ” เท่านี้ทั้งคู่ก็ได้มีเวลาทำความรู้จักกันมากขึ้นแล้ว ราวกับเปิดโอกาสให้ได้พูดคุยเรื่องที่ลึกซึ้งขึ้น โดยเฉพาะเรื่องงานที่ฐากูรมีคำถามมากมายอยู่ในหัวจะมาหลอกถาม เขายังข้องใจไม่หายว่าตระกูลของทยากรวางแผนฮุบบ่อน้ำมันที่ไหนไว้หรือเปล่า ถ้ามีเขาจะได้รีบขัดขวางได้ทัน แต่ทยากรก็ไม่ใช่คนหัวอ่อนถึงขนาดที่จะล้วงความลับกันได้ง่าย ๆ เขาทำเป็นคล้อยตามการเชิญชวนเพราะอยากทำความรู้จักฐากูรเช่นกัน คิดจะหลอกถามคำถามเรื่องการเซ็นสัญญาทางฝั่งยุโรปอย่างที่เขาเห็นตอนจับมือกันครั้งแรก การป้องกันตัวที่เขาคิดได้ตอนนี้คือเข้าไปเอามีดสั้นแบบพับที่ซ่อนอยู่ในรถติดตัวไปด้วย ถ้าฐากูรทำเรื่องไม่ดีต่อเขา คราวนี้มีการแทงกันยับแน่ ต่อให้จะปล่อยฟีโรโมนอัลฟ่าออกมาข่มขู่กัน เขาก็จะสู้สุดตัว มีมีดอยู่ในมือก็รู้สึกอุ่นใจกว่าไปตัวเปล่า
Free reading for new users
Scan code to download app
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    Writer
  • chap_listContents
  • likeADD