โปรดแค่ไหน...คุณก็ไม่รัก ตอนที่ 10
เมื่อกลับเข้าบ้านหญิงสาวก็รีบขึ้นมาบนห้องนอน เธอเพิ่งจะได้มีโอกาสแลกช่องทางการติดต่อกับเขาทั้งเฟสบุ๊ค ไอจี ไลน์และเบอร์โทรศัพท์ น่าตลกสิ้นดีที่สิ่งเหล่านี้มันได้รับหลังจากที่เราสองคนตกลงคบหากันเป็นแฟน แม้จะรวดเร็วแต่มันก็ทำให้เธอมีความสุขอย่างบอกไม่ถูก ผู้ชายในฝันที่ใครหลายๆ คนฝันหามาตกลงคบหากับเธอ ผู้หญิงที่แสนธรรมดาไม่ได้ร่ำรวยล้นฟ้าเท่าเขามันออกจะเป็นเรื่องเหนือจินตนาการไปหน่อย แต่เธอก็บอกกับตัวเองเอาไว้ ว่าครั้งนี้เธอจะทำให้ความรักของเธอเป็นความรักที่ดีที่สุด หากจะอ้อนเธอก็จะอ้อน จะทำทุกอย่างเหมือนที่คู่รักคนอื่นๆ เขาทำอย่างที่เธอฝัน
รักที่เป็นรักจริงๆ เป็นคนที่รักกันจริงๆ ไม่ใช่คนที่เธอต้องคอยวิ่งไล่ตามแบบที่ผ่านมาอีกแล้ว ไม่ใช่คนที่ถูกคบหาแบบหลบๆ ซ่อนๆ เพราะเขาอายที่ต้องมาคบหากับผู้หญิงเฉิ่มเชยใส่แว่นเรียบร้อยแบบเธอ รักวัยใสครั้งเก่ามันจะถูกฝังกลบไว้จนมิดไม่คิดที่จะไปนึกถึงมันอีกนับจากนี้
หญิงสาวทิ้งตัวลงบนที่นอนก่อนจะหยิบโทรศัพท์ขึ้นมากดเปลี่ยนชื่อที่เพิ่งบันทึกไว้ หล่อนทำท่านึกอยู่ชั่วครู่ก่อนจะพิมพ์ลงไปว่า ‘พ่อเตาปฏิกรณ์นิวเคลียร์’ หลังจากชื่นชมผลงานของตนเอง ชื่อที่เพิ่งบันทึกไว้ก็ปรากฏขึ้นบนหน้าจอจนหญิงสาวถึงกับสะดุ้ง ปล่อยโทรศัพท์หลุดมือด้วยความตกใจ
“ฮัลโหลค่ะ” เมื่อตั้งสติได้ก็รีบกดรับแทบจะทันที
“หึหึ บี๋ ทำอะไรอยู่ครับ” เสียงทุ้มนุ่มแปร่งหูเมื่อได้ยินผ่านช่องทางโทรศัพท์ ถึงอย่างนั้นก็ทำให้หญิงสาวฉีกยิ้มกว้างอย่างมีความสุข ยิ่งได้ยินเขาใช้เรียกชื่อเธอว่า บี๋ หัวใจของเธอก็เต้นแรง ซาบซ่านไปทั้งหัวใจเมื่อได้ฟัง
“กำ...ลังคิด...ถึง แด๊ดดี้อยู่ค่ะ”
“หึหึครับ แล้วนี่ยังไม่อาบน้ำหรอ”
“ยังค่ะ รอให้แด๊ดดี้ถึงบ้านก่อนค่อยอาบน้ำได้มั่ยคะ หนูอยากคุยต่อจนแด๊ดดี้ถึงบ้าน”
“ครับ...ว่าแต่อยากคุยอะไร”
“ถึงไหนแล้วคะ ใกล้ถึงหรือยัง”
“ใกล้แล้วครับ” นาฬิริณทร์คุยโทรศัพท์ในเรื่องทั่วๆ ไปกับเขาตลอดทางจนเขาถึงบ้าน ถึงได้แยกไปอาบน้ำ แล้วค่อยกลับมาหยิบโทรศัพท์กดเบอร์หาเขาอีกครั้ง ครั้งนี้เธอเลือกที่จะโทรแบบวีดีโอคอลไปหาเขารอสายไม่นานอีกสายก็กดรับ
“ว่าไงครับ” ทันทีที่อีกฝ่ายกดรับวีดีโอคอลของเธอหัวใจยิ่งเต้นแรงหนักกว่าเดิม เมื่อเห็นกายกำยำเผยแผงอกกว้างที่เต็มไปด้วยมัดกล้ามมีหยดน้ำพราวอยู่ทั่วลำตัว นุ่งเพียงผ้าเช็ดตัวผืนเดียวที่มัดบริเวณช่วงเอวอย่างหมิ่นเหม่ ฉีกยิ้มเพียงเล็กน้อยให้กับเธอผ่านกล้องโทรศัพท์ ในมือถือผ้าเช็ดตัวผืนเล็กขยี้เช็ดผมที่ยังเพิ่งเปียกหมาดๆ
“อะ...เอ่อ อะ...อา ภาคย์..คะ” น้ำเสียงตะกุกตะกัก แต่สายตานั้นจ้องเขม็งไปยังเรือนร่างของเขา จนอีกฝ่ายถึงกับหัวเราะเบาๆ เมื่อเห็นสายตาของคนรักหมาดๆ
“ทำไมเรียกว่าอาภาคย์ล่ะ ไม่เรียกว่าแด๊ดดี้แล้วหรอครับ”
“ก...ก็ แด๊ดดี๊โป๊ ทำไมไม่ใส่เสื้อผ้าก่อนละคะ” พุฒิภาคย์หัวเราะทันทีเมื่อได้ยินดังนั้น
“อ้าว ก็นึกว่าอยากเห็น เพิ่งอาบน้ำเสร็จ บี๋ก็โทรมานี่ครับ”
“งื้อ...งั้นแด๊ดดี้ไปใส่เสื้อผ้าก่อนมั่ยคะ เดี๋ยวไม่สบาย แล้วเดี๋ยวเราค่อยคุยกันใหม่”
“ไม่เป็นไร ถือสายไว้แบบนี้ก็ได้ เดี๋ยวพี่ไปใส่เสื้อผ้าแปบเดียว” พูดจบเขาวางโทรศัพท์ไว้บริเวณตรงใกล้หัวเตียง ก่อนจะเดินเช็ดผมหายเข้าไปทางห้องแต่งตัว ทิ้งให้หญิงสาวกรี๊ดไม่มีเสียงอยู่คนเดียวหลังจากที่ได้ยินเขาแทนตัวเองว่า ‘พี่’
หลังจากนั้นพุฒิภาคย์ก็กลับมาคุยโทรศัพท์ต่ออีกครู่ใหญ่ก่อนที่จะวางสายจากกัน
เสียงเพลงในคลับหรูของ Tonic Bar ไม่ได้ดังมากนักจนรบกวนการพูดคุยของเขา กับเพื่อนทั้งสองคนซึ่งนัดเขามาดื่มกิน พบปะสังสรรค์หลังจากที่ทำงานหนักจนต่างไม่ได้พบเจอกันนานพอสมควร
“วันนี้ไอ้ภาคย์มาแปลกว่ะ เอาแต่ดื่มไม่พูดไม่จา” จรินทร์ที่เห็นว่านายแพทย์หนุ่มเอาแต่นั่งเงียบตั้งแต่เข้ามานั่งในร้านจึงเอ่ยถามด้วยความสงสัย
“วันนี้ไม่ให้กูเรียกเด็กมานั่งด้วยอีก” สิงหาแสร้งว่าแต่ก็ไม่ได้อะไรมากนะ พลางหยิบแก้ววิสกี้ขึ้นจิบมองสีหน้าเพื่อนที่นั่งอยู่โซฟาฝั่งตรงหน้าอย่างพิจารณา
“มึงมีอะไรหรือเปล่าวะไอ้ภาคย์” ท้ายที่สุดสิงหาก็ทนเงียบไม่ไหว ต้องถามในที่สุด
“มึงยังได้ข่าวปริมอยู่ไหม”
“หึ กูนึกว่าเรื่องอะไร ได้สิ ได้เยอะด้วย แต่มึงจะอยากรู้ไปทำไมวะ ผ่านมาตั้งนานแล้วนะเว้ย”
“กูแค่อยากรู้” นายแพทย์หนุ่มพยายามบอกปัดแต่เป็นเพื่อนย่อมรู้ในนิสัยเพื่อนของเขาดีอยู่แล้ว
“มึงทำไม ถ้าแค่อยากรู้ มึงคงไม่เป็นแบบนี้ กินเหล้าคนเดียวจะครึ่งขวดอยู่แล้ว” จรินทร์ว่าอย่างรู้ทันนิสัยเพื่อนที่คบหามานานเกินยี่สิบปี
“กูเพิ่งคบผู้หญิงคนหนึ่ง”
“ก็ดีแล้วที่มึงมูฟออนได้ กูน่ะอยากให้มูฟออนได้ตั้งนานแล้วภาคย์ สี่ปีแล้วนะเว้ย หรือมึงกลัวว่าปริมจะกลับมาหามึงอย่างนั้นเหรอ”
“มึงไม่ต้องกลัวหรอกภาคย์ ว่าจะปริมจะกลับมา”
“ทำไมวะ” จรินทร์หันมาถามสิงหาด้วยความสงสัย
“กูไม่เคยบอกมึงสินะ ว่าสี่ปีก่อนปริมเกิดอุบัติเหตุเป็นอัมพฤกษ์อยู่สองปี เห้ย!!! อย่าทำหน้าแบบนั้นกูยังพูดไม่จบ!” สิงหาร้องบอกทันทีเมื่อเห็นท่าทีของพุฒิภาคย์ที่ทำตาลุกวาวใส่เขาราวกับไม่พอใจ
“กูก็คงเพิ่งรู้ไม่นาน แต่มึงไม่ต้องรู้หรอกว่ากูรู้จากไหน เอาเป็นว่าตอนนี้ปริมมันกลายเป็นเด็กเลี้ยงของคนใหญ่คนโตไปแล้วล่ะ มึงไม่ต้องห่วงหรอก”
“มึงรู้ได้ยังไง มึงอย่าพูดมั่วๆ นะไอ้สิง” พุฒิภาคย์ว่าอย่างเสียงดัง เริ่มไม่พอใจที่อีกฝ่ายกล่าวหาคนรักเก่าเขาง่ายๆ แบบนั้น อีกใจหนึ่งเขาก็ยังไม่อยากรับว่ามันจะเป็นเรื่องจริงๆ
“มึงอย่าเพิ่งโกรธกู กูรู้มาจากแหล่งข่าววงในที่เชื่อถือได้แล้วกัน แล้วมึงก็มีคนใหม่แล้วนะเว้ย ควรให้เกียรติคนที่มึงคบไม่ใช่มาทำเป็นฟืนเป็นไฟเรื่องเมียเก่ามึงแบบนี้”
“ว่าแต่คนนี้ใครวะ คราวนี้ตั้งใจจะคบกี่เดือน” จรินทร์แกล้งถามตั้งใจเปลี่ยนอารมณ์ อีกนัยหนึ่งเพราะเขารู้นิสัยเพื่อนเขาดีว่าตั้งแต่เลิกกับแฟนเก่าที่ชื่อปริมรดาไป เพื่อนเขาไม่เคยคบใครนานเกินสามเดือนอย่างมากที่สุดที่เขาเคยเจอคือหกเดือน และพวกเขาก็แทบจะไม่เคยได้เจอคนที่เพื่อนคบหรือได้ยินจากปากเองเลยสักครั้ง ยกเว้นครั้งนี้ที่เพื่อนเขาเป็นคนพูดออกมาเขาเองได้ยินยังอดแปลกใจไม่ได้
“คนนี้เป็นเพื่อนสนิทหลานกูเอง”
“อ้าวไอ้ภาคย์ นี่มึงหาเรื่องเข้าคุกหรือไง รุ่นหลานเลยนะเว้ย”
“หึ พ้นสิบแปดมาสามปีแล้ว ไม่คุกแล้วล่ะ”
“เออ แต่ระวังไว้แล้ว มึงเล่นคนใกล้ตัวระวังจบไม่สวย กูเตือนไว้ก่อน” สิงหาเอ่ยเตือน เพราะเห็นว่าเพื่อนคบกับคนสนิทใกล้ตัว หากเรื่องวุ่นวายขึ้นมาจะปวดหัวกันเสียเปล่าๆ พุฒิภาคย์เองได้ยินคำเตือนนั้นก็ไม่ได้พูดอะไรออกมานอกจากยกแก้วในมือขึ้นจิบ สายตามองเหม่อไปข้างหน้าอย่างใช้ความคิด