CHAPTER 6

1335 Words
“รอฟังเขาก่อน ฟังสิว่า ป้องจะพูดอะไร” พ่อแม่ที่รักลูกมากกำลังรอคอยคำอธิบายจากลูกชาย สักขีพยานมากมายขยับตัวเข้ามาใกล้ สายตาจ้องมองคู่หนุ่มสาวที่ประคองกอดกันบนเวที “สวัสดีผู้มีเกียรติทุกท่าน วันนี้ที่คุณพ่อคุณแม่ของผมได้เชิญทุกท่านมาเพราะจะมีการเปิดตัวว่าที่เจ้าสาวของผม ทุกคนคงจะรู้จักดีอยู่แล้วว่าเธอเป็นใคร หลายคนคงเห็นเธอบ่อยผ่านทางหน้าจอทีวี เราสองคนรักกันมาก แต่ก็ไม่ได้เปิดเผยการคบหาในครั้งนี้ให้กับทุกคน หรือใคร ๆ ได้ทราบ ไหน ๆ ก็ไหน ๆ แล้ว วันนี้เป็นวันดี ฤกษ์ก็งาม ผมจึงขอประกาศให้ทุกท่านได้รู้ว่าคุณมธุรดาจะมาเป็นเจ้าสาวของผม ผมจะแต่งงานกับเธอ ผมขอสัญญากับเธอต่อหน้าทุกท่านว่า ผมจะดูแลและรักเธอเพียงคนเดียว จะไม่นอกใจ และมีผู้หญิงคนอื่น” นายแพทย์ปรมะกล่าวอย่างลื่นไหลราวกับว่าท่องบทมา ทั้งที่ความจริงแล้วด้นสด เสียงฮือฮาดังไปทั่วห้องจัดเลี้ยง แขกจากหลายมุมหันไปมองหน้าสามคนพ่อแม่ลูก ตอนแรกผู้คนเข้าใจว่าลูกสาวบ้านเลิศปรีชาจะเป็นว่าที่เจ้าสาวเสียอีก แสงแฟลชจากการกดชัตเตอร์ของช่างภาพสาดส่องมาที่คู่บ่าวสาว บรรดาคนมาร่วมงานต่างยกมือถือขึ้นมาจับช็อตเด็ด เรื่องนี้ต้องกลายเป็นข่าวใหญ่ในหน้าสื่อ นายแพทย์ปรมะที่ไม่เคยปันหัวใจให้กับสาวคนไหน กลับประกาศแต่งงานท่ามกลางผู้คนมากมาย ครู่ก่อนมธุรดาถูกนายแพทย์หนุ่มเจ้าของโรงพยาบาลแห่งนี้ดึงตัวมางานเลี้ยง นักข่าวที่ตามมาทำข่าวเรื่องเธอถูกเพื่อนโกงเงินและกลายเป็นคนมีหนี้สิบล้าน จึงได้ตามมาในห้องนี้ด้วย ข่าวการแต่งงานแบบสายฟ้าแลบของดาราสาว มธุรดากับนายแพทย์ปรมะ ที่ถูกขนานนามว่าเป็นสามีแห่งชาติ ทั้งหล่อ ทั้งรวย คุณสมบัติครบถ้วน ถูกเผยแพร่ไปในขณะนั้นผ่านการไลฟ์สดของช่องข่าวบันเทิงสำนักหนึ่ง แน่นอนว่าผู้คนให้ความสนใจไม่น้อย เพราะหมอหนุ่มเป็นที่ต้องตาต้องใจของสาว ๆ แล้วแบบนี้มธุรดาจะปฏิเสธได้อย่างไร ด้วยความที่มีจิตวิญญาณนักแสดงมืออาชีพ มธุรดาที่ยังปักใจว่าเหตุการณ์ตอนนี้คือฉากหนึ่งของการถ่ายทำ จึงยังยิ้มให้กล้องอย่างเป็นธรรมชาติ เมื่อมีจังหวะก็หันไปมองหน้านายแพทย์หนุ่มเพื่อขอคำตอบอีกครั้ง “นี่คุณทำอะไรกันคะ มันหมายความว่าอย่างไร” เธอถามกับเขาเบา ๆ หมอหนุ่มก้มลงมาฟังแบบที่ได้ยินกันสองคน มธุรดาคิดว่าเขานอกบท เธอได้รู้มาว่าการแสดงในวันนี้ เธอจะต้องเข้าฉากกับตัวละคร ซึ่งเป็นนักแสดงหน้าใหม่ ทว่าเขาทำให้เธองงเป็นไก่ตาแตก เพราะหลายอย่างไม่เป็นไปตามบทละครที่อ่านมาสักนิดเดียว “ฉันงงไปหมดแล้วเนี่ย” เธอหน้ายุ่งบ่นอุบอิบ “ไม่ต้องงง คุณ...เราสองคนค่อยคุยกันหลังจากจบพิธีการตรงนี้” ร่างสูงตอบโดยที่หันมองกล้องนู้นที กล้องนั้นทีตามเสียงเรียกจากบรรดาช่างภาพ “ฮึ...ทำไมฉันต้องคุยกับคุณคะ” เธอหน้านิ่วคิ้วขมวด สื่อผ่านสายตาว่าเธอไม่เข้าใจและไม่พอใจกับคำพูดของหมอหนุ่ม มธุรดาลองหันไปรอบ ๆ อีกครั้ง พยายามมองหาว่าอาจมีกล้องซ่อนอยู่มุมหนึ่งมุมใด ในเมื่อนักแสดงอีกคนนอกบทกระจุยกระจายขนาดนี้ คงไม่ใช่การถ่ายทำละครแต่เป็นรายการแกล้งอำอะไรทำนองนี้ก็ได้ “คุณมธุรดาครับ” “เจ้าสาวครับหันมามองทางนี้หน่อย” “ขอเก็บภาพก่อนนะครับ คุณหมอหันมามองทางนี้ด้วยครับ” “มธุรดา คุณเป็นพวกสปิริตสูง ดังนั้นหยุดหน้ามุ่ยแล้วช่วยฉีกยิ้มก่อนนะครับ แล้วก็ทำสีหน้าให้มีความสุขด้วยครับ” นายแพทย์ปรมะยิ้มกว้างให้กล้อง แต่เมื่อเห็นหญิงสาวเริ่มหน้าตึงจึงกระซิบเตือน ขณะขยับมาใกล้แล้วแนบใบหน้าสากลงไปที่ข้างแก้มนวล นึกถึงคำพูดของหมอดูที่ว่า เธอจะมีสามีอย่างกะทันหันและเป็นเจ้าสาวของใครสักคนขึ้นมา หรือจะหมายถึงตอนนี้กัน ได้เวลาที่ต้องมีสามีแล้วจริงหรือ? “ผมจะให้ค่าจ้างคุณสิบล้าน ถ้าคุณเออออห่อหมกไปกับผม ผมจะรับใช้หนี้ให้คุณทั้งหมด และจะยกย่องให้คุณเป็นเมีย หลังจากนั้นแล้วแต่คุณเลย คุณจะหย่าแล้วเรียกค่าเสียหายเท่าไรก็ได้ ผมพร้อมจ่าย” เขากระซิบใกล้ใบหูพร้อมกับหอมแก้มเจ้าสาวของตัวเองต่อหน้าทุกคน “สรุปว่านี่ไม่ใช่การแสดงใช่ไหม” “มันเป็นการแสดงทั้งหมดครับ คุณมธุรดา” เขาตอบเสียงหนักแน่น แถมยังเรียกชื่อเต็มยศ “ทั้งสองคนมองกล้องหน่อยค่ะ มองทางนี้ได้ไหมคะ” “พวกเราขอเก็บภาพหน่อยนะครับ เชิญคุณพ่อคุณแม่ด้านนี้ค่ะ” “นายแพทย์ปฐมเดชครับเชิญด้านนี้ครับ คุณนายชนาภาด้วยนะครับ ขอถ่ายรูปครอบครัวหน่อย” อิงธาราผู้รู้แผนการจับลูกชายใส่พานของบุพการีมาแต่ต้น ก็งงกับสถานการณ์ไม่น้อยกว่าใคร ถึงอย่างนั้นเมื่อโดนเรียกให้ไปรวมตัวเพื่อบันทึกภาพ ขาเรียวรีบก้าวขึ้นไปบนเวที “มันเกิดอะไรขึ้นคะคุณแม่ หนูงงไปหมดแล้วค่ะ” อิงธาราคล้องแขนของคุณชนาภาแล้วกระตุกเบา ๆ “เอาไว้ ไปถามพี่ชายแกดูเอง เรื่องนี้...ต้องมีใครสักคนแหละที่ถูกสอบสวน” ผู้เป็นแม่ใช่ว่าจะทราบ แต่ผลลัพธ์ออกมาตรงกับที่ต้องการจึงไหลตามน้ำเจ้าลูกชายไปก่อน “จะเป็นใครสักคนไม่ได้แล้วสินะคะ ต้องเป็นสองคนค่ะ” อิงธาราพยักพเยิดให้แม่ดูหน้าพี่ชายที่ยิ้มหน้าบานเป็นจานเชิง นักข่าวที่อยู่ข้างล่างก็ส่งเสียงขึ้นมาอยู่ตลอดเวลา “ยิ้มให้กล้องหน่อยนะคะทุกคน” ใครสักคนในฝูงชนกล่าวพร้อมเสียงชัตเตอร์ดังรัวต่อเนื่อง บรรยากาศในห้องจัดเลี้ยงชื่นมื่นเหมือนงานแต่งงานทั่วไป มธุรดาโปรยยิ้มให้ช่างภาพหลากหลายมุม รอยยิ้มหวานที่ทุกคนกล่าวขานว่าทำหัวใจหนุ่มน้อยหนุ่มใหญ่ไหวหวั่น “คุณคะ ฉันว่ามันจะเป็นเรื่องใหญ่” มธุรดาแอบกระซิบพลางเหลือบสายตาขึ้นสบอีกฝ่าย ปรมะฉวยมือเธอพร้อมประคองร่างบางไว้ไม่ห่าง ใครมองมาก็คงคิดไปว่าคู่นี้รักใคร่กันดี “มันสามารถกลบข่าวที่คุณเป็นหนี้ได้เลยใช่ไหม ถือว่าผมได้ช่วยเหลือคุณเหมือนกัน” เขายกใบหน้ากลับไปมองกล้องเหมือนเดิมและยิ้มอย่างมีความสุข มธุรดามองเสี้ยวหน้าหล่อเหลา นึกไม่ถึงว่าผู้ชายแสนมีเสน่ห์ดึงดูดใจสาว ๆ กำลังขอแถมบังคับให้ช่วยเออออห่อหมกในบทเจ้าสาว ถึงจะยังไม่ทราบเหตุผลแน่ชัด แต่เพราะข้อเสนอจะช่วยใช้หนี้ก้อนโตเธอจึงไม่ถามอะไรอีก ไว้รอคุยให้เคลียร์ทีเดียวตอนจบงาน ในเมื่อพ่อกับแม่ของเขาไม่เล่นตามกฎก่อน คิดจัดงานเพื่อประกาศการหมั้นระหว่างเขากับเกวลินโดยไม่ถามความสมัครใจ ปรมะบรรลุนิติภาวะมาสิบกว่าปีแล้ว สามารถคิด วิเคราะห์ แยกแยะ และเลือกสรรสิ่งต่าง ๆ ด้วยตัวเองได้ เมื่อโดนต้อนจนหลังชนฝา ก็ไม่จำเป็นต้องทำตามที่ทั้งสองต้องการอีก การแต่งงานหลอกคือทางออกที่ดีที่สุดในตอนนี้ เขาจะไม่ยอมให้มารดามาบงการชีวิตทั้งชีวิตเขาแน่
Free reading for new users
Scan code to download app
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    Writer
  • chap_listContents
  • likeADD