LAST LOVE : 14

2188 Words
ฉันเริ่มรู้สึกตัวจากเสียงกระหน่ำเคาะที่ดังอยู่หน้าห้อง ไม่สิ…ต้องเรียกว่าทุบมากกว่า สมาร์ตวอตช์บนข้อมือซ้ายถูกยกขึ้นกลางอากาศในระดับสายตา ทุ่มครึ่ง! จากที่สะลึมสะลือในตอนแรก พอเห็นเวลาเท่านั้นแหละ ตื่นเต็มตาเลย เมื่อพบว่าตัวเองผล็อยหลับไปกว่าหกชั่วโมง ก่อนจะยันตัวลุกขึ้นนั่ง พลางใช้กำปั้นทุบไปที่หลังต้นคอเบาๆ เพื่อผ่อนคลาย แล้วจึงพาร่างกายกึ่งไร้เรี่ยวแรงไปเปิดประตู พอสภาพของฉันปรากฏต่อสายตาเพื่อนรักเท่านั้นแหละ มันก็จัดชุดใหญ่มาให้เลย “โหย…อีมิ! อีเพื่อนเวร กูนึกว่าตายห่าไปละ ถ้ามึงจะนอนขนาดนี้ ช่วยแชทมาบอกกูก่อนด้วยค่ะ แม่ง! เคาะเรียกจนมือจะ…” “มีอะไร!” ฉันขัดขึ้นเสียงแข็ง เพราะถ้าปล่อยให้พูดก็หาจุดสิ้นสุดไม่ได้สักที “ตอนแรกกูว่าจะชวนไปข้างนอก แต่เห็นสภาพมึงแล้ว กลับไปนอนต่อเหอะ” “อือ” ประตูถูกดันปิดอย่างไร้เยื่อใยในเวลาต่อมา และต่อให้ร่างกายปกติดี ถ้าไม่อยากไป เอาช้างมาลาก ฉันก็ไม่ขยับ ก๊อก…ก๊อก “จิ๊...!” ฝีเท้าหยุดชะงัก หลังจากที่เดินออกมาได้เพียงสองก้าว ฉันถอนหายใจแรง ยกมือขยี้ผมตัวเองด้วยความหงุดหงิด แล้วหมุนตัวกลับไปดึงประตูเปิดอีกครั้ง “อะไรอี๊ก!!” น้ำเสียงเกรี้ยวกราดถูกส่งไปตอกหน้าผู้มาเยือนเต็มเปา ด้วยความมั่นใจว่าคนที่อยู่หลังประตูต้องเป็นเพื่อนสนิทของตัวเอง ทว่า…กลับกลายเป็นเพื่อนสนิทของพี่ชายแทน “หงุดหงิดอะไรขนาดนั้น” หัวคิ้วหนาย่นขึ้นเล็กน้อย ขณะเอ่ยถามด้วยน้ำเสียงกึ่งหยอกล้อ “ขอโทษค่ะ” ฉันกล่าวไปตามมารยาท พลางหลุบมองถุงหลายใบที่เขาถือมาด้วย เพราะหนึ่งในนั้นมันมาจากร้านไก่ทอดเกาหลีชื่อดังสุดโปรดปราน จนฉันเผลอลอบกลืนน้ำลายอึกใหญ่ “หลายชั่วโมงแล้วนะ ยังนอนไม่เต็มอิ่มอีกเหรอ” น้ำเสียงทะเล้น ดึงความสนใจฉันไปจากอาหารที่เขาตั้งใจเอามาหลอกล่อ แต่วินาทีต่อมาเขาเอื้อมหลังมือข้างที่ว่างมาอังบริเวณหน้าท้องแบนราบ ส่งผลให้ฉันรีบปัดออกด้วยความตกใจ ลากสายตาขึ้นมาจ้องหน้านายแพทย์หนุ่มอย่างเอาเรื่อง “จะทำอะไรคะ!” “หายปวดท้องรึยัง” ไม่ได้รู้สึกรู้สา แถมยังตั้งคำถามหน้าตาเฉย เหอะ!...ให้มันได้อย่างงี้สิ “เฮียไม่ต้องมายุ่ง” ฉันเริ่มหัวเสียนิดหน่อย “งั้นก็ไปอาบน้ำ จะได้มากินข้าว” ริมฝีปากกำลังจะขยับปฏิเสธ แต่ไม่ทัน โดนคนรู้ทันดักขึ้นซะก่อน “ไม่มีแต่” ยิ่งไปกว่านั้น เฮียไวน์ทำท่าจะก้าวเข้ามาในพื้นที่ส่วนตัวโดยไม่ได้รับอนุญาต “ห้ามเข้ามานะ” ฉันดันประตูปิดได้เพียงเล็กน้อย ก็ถูกผลักให้เปิดกว้างกว่าเดิมด้วยแรงมหาศาลของคนตัวโต จนฉันเสียหลักเซถอยไปหลายก้าว “คิดว่าห้ามได้รึไง” เขาพูด ในตอนที่ร่างกายกำยำข้ามผ่านเข้ามาในอาณาเขตหวงห้ามของฉันเรียบร้อย ประตูถูกปิดในเวลาไล่เลี่ยด้วยฝีมือของแขกที่ไม่ได้รับเชิญ “ไม่!! เราไม่ให้เข้า” สองแขนเล็กยกขึ้นดันตัวผู้ชายแสนมึนตรงหน้าไว้ ถึงแรงจะไม่ค่อยมี ก็ยังสู้สุดชีวิต ซึ่งมันสูญเปล่ามาก เพราะเขาใช้เพียงฝ่ามือเดียวก็ดันหัวฉันออกห่างเพื่อเปิดทางได้แล้ว และปลายทางของเขาคือโต๊ะอาหารสี่เหลี่ยมเล็กสำหรับสองคนที่ห้องทางห้องพักเตรียมไว้ให้ ซึ่งอยู่ฝั่งขวามือบนพื้นที่แยกในส่วนของครัว ถุงทั้งหมดถูกวางไว้บนนั้น ส่วนฉันทำได้แค่ทิ้งแผ่นหลังกระแทกกำแพงด้วยความหงุดหงิดพลางเลื่อนแขนขึ้นกอดอกแน่น จ้องมองอดีตพี่ชายอย่างเอาเรื่อง ทั้งที่เป็นห้องตัวเองแท้ๆ แต่ทำอะไรไม่ได้สักอย่าง “กลัวเหรอ” คนตัวสูงหันกลับมาถามแบบกวนๆ ทว่า...ไม่ได้เว้นช่วงให้ฉันตอบ “ถ้าเฮียคิดจะทำ คงทำไปนานแล้ว น้องไม่ได้เพิ่งเป็นสาววันนี้ซะหน่อย” น้ำเสียงปรับเป็นนิ่งเรียบ แต่เหมือนมีอะไรแอบแฝง ขายาวขยับก้าวเข้ามาอย่างเชื่องช้า สถานการณ์เปลี่ยนไปโดยฉับพลัน ฉันขมวดคิ้วมองผู้ชายตรงหน้าไม่ละสายตา ร่างกายขยับถอยทั้งที่ไม่มีช่องว่างแล้ว แขนค่อยๆ คลายออกจากอกแล้วทิ้งลงข้างลำตัว ประโยคสิ้นสุดตอนที่เขาหยุดยืนระยะประชิด รอยยิ้มร้ายมุมปากถูกยกขึ้นพร้อมกับใช้ท่อนแขนทาบไปบนกำแพงเหนือศีรษะฉันเล็กน้อย “เฮียไม่ได้มีรสนิยมขืนใจผู้หญิงหรอกนะ” ลมหายใจฉันหยุดชะงักชั่วขณะ ที่อยู่ๆ เขาก็หยิบยกเรื่องแบบนี้ขึ้นมาพูด และมันผิดจังหวะไปหมด ไม่สามารถควบคุมอะไรได้สักอย่าง ไม่ใช่เพราะคำพูดเพียงอย่างเดียว แต่ใบหน้าหล่อเหลาก็ไม่หยุดเคลื่อนเข้าใกล้ ตอนนี้ฉันอยากจะฝังร่างกายฝังเข้าในกำแพง ถ้าทำได้... ความแคบระหว่างร่างกายบีบบังคับให้ต้องยกมือทั้งสองขึ้นดันไหล่กว้างเอาไว้เพื่อรักษาระยะห่าง นั้นจึงเป็นตอนที่ได้ยินเสียงหัวเราะหึในลำคอคนตัวสูง จากนั้นสายตาคู่คม ที่จับจ้องอยู่บนใบหน้าก็ค่อยๆไล่ต่ำลงไป “และที่สำคัญ วันนี้ร่างกายน้องไม่ได้พร้อมขนาดนั้น...” “เฮียไวน์!” ฉันตวาดเสียงลั่น ถลึงตาใส่เขาอย่างหมดความอดทน ทั้งปรามและเตือนสติในเวลาเดียวกัน คำพูดคำจาเขามันเข้าข่ายคุกคามขึ้นทุกวัน “แค่ล้อเล่นเอง ดุจังวะ” เขาผละออก แล้วหมุนตัวกลับไปที่โต๊ะตัวเดิม “เหอะ!...ล้อเล่น?” ฉันมองตามแผ่นหลังกว้างด้วยความประหลาดใจ คนอายุสามสิบกว่า เขาล้อเล่นกันด้วยคำพูดวาบหวามแบบนี้เหรอ “เฮียซื้อของกินมาไว้ให้เยอะแยะเลย มีแต่ของที่น้องชอบทั้งนั้น” เขายังพูดเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น พร้อมคว้าถุงบนโต๊ะ แล้วตรงไปเปิดตู้เย็น ย่อตัวลงนั่งหย่อง จัดการหยิบอาหารที่ต้องรักษาอุณหภูมิใส่เข้าไปในนั้น ฉันถอนหายใจแรงด้วยความเหนื่อยหน่าย พร้อมเปลี่ยนตำแหน่งไปยืนข้างๆโต๊ะอาหารแทน “เลิกทำแบบนี้เถอะ เราไม่ใจอ่อนหรอก” ฉันบอกน้ำเสียงจริงจัง “เหรอ” “...” คำเดียวสั้นๆ ทำฉันพูดไม่ออก ไปต่อไม่ถูก “จริงเหรอ ที่บอกจะไม่ใจอ่อนน่ะ” เขาย้ำอีกครั้ง พลางหยัดยืนขึ้นเต็มความสูง ปล่อยประตูตู้เย็นปิดลงสนิท ก่อนจะเดินกลับมาหาฉัน “จริงค่ะ…อ๊ะ!” ฉันเบิกตากว้างด้วยความตกใจ เมื่อร่างกายถูกอุ้มลอยขึ้นแบบไม่ทันตั้งตัว เพียงชั่วพริบตาก้นสัมผัสกับขอบโต๊ะไม้ โดยที่เขาดันตัวเข้าชิดหัวเข่าฉัน เพื่อกันไม่ให้โดดหนี “เฮีย ทำบ้าอะไรเนี่ย” มือไม้ปัดป่ายไปที่ผู้ชายตรงหน้าแบบไร้ทิศทาง หวังจะให้เขาถอยออก แต่ถูกสะกดให้นิ่งสนิทจากประโยคถัดไปของเขา “ไม่ใช่ว่า เพราะกลัวจะใจอ่อนหรอกเหรอ ถึงสั่งให้เฮียเลิกทำแบบนี้” “...” พอตั้งสติได้ ฉันผลักเขา แล้วเลื่อนมองไปทางอื่น แต่ร่างกายกำยำแค่เบี่ยงองศาไปเพียงเล็กน้อยเท่านั้น “แน่จริงอย่าหลบตาสิ” เฮียไวน์คว้าข้อมือฉันขึ้น ก่อนจะกดนิ้วหัวแม่มือลงตรงจุดที่สัมผัสได้ถึงชีพจร “ใจเต้นแรงเชียว” เขาว่า ก่อนจะเอื้อมอีกมือขึ้นประคองสันกราม ปลายนิ้วเกือบทั้งหมดแตะอยู่บริเวณหลังหู ความเย็นทำฉันสะดุ้งเล็กน้อย “โห่ หลังหูร้อนจัดเลย ไข้ขึ้นปะเนี่ย” “เฮียไม่มีสิทธิ์มาทำแบบนี้นะ” ฉันปัดป้องเป็นพัลวัน เขาจึงยอมปล่อยมือออก แล้วเปลี่ยนมายันไว้บนโต๊ะทั้งสองข้างใกล้ๆต้นขาฉันแทน ก่อนจะลดตัวลงเล็กน้อยเพื่อความเท่าเทียม “ไม่ต้องมาบอกให้เฮียเลิกทำอันนั้น เลิกทำอันนี้ เพราะเฮียไม่เลิก” เขายืนยันเสียงหนักแน่น “เหอะ เสียเวลาเปล่าค่ะ” ฉันว่า “มาลองดูกันสักตั้งไหมล่ะ” “ไม่” กลายเป็นเราทั้งคู่ก็ตอบโต้กันไปมาอย่างดุเดือด “ใจกล้าๆ ให้เหมือนปากหน่อยสิ มิรินดา” “อย่ามาท้าเรานะ” ฉันเลื่อนแขนขึ้นกอดอก ท่าทางขึงขัง “ขนาดหินที่ว่าแข็งนักแข็งหนา โดนน้ำเซาะทุกวัน มันยัง…” “รุ่นนี้หิน ไม่ใช่แค่รำคาญนะคะ หินหนีไปแต่งงานด้วยค่ะ” ฉันแทรกขึ้นกลางคัน “ก็ลองดูดิ” เขากดเสียงต่ำ “ถ้าน้องคิดว่าไอ้เจ้าบ่าวหน้าโง่นั้นมันจะอยู่ถึงวันแต่ง” “เฮียกำลังขู่เราอยู่เหรอ” “ลองดิ” เขาย้ำด้วยโทนเสียงเดิม “เราไม่กลัวเฮียหรอกนะ” “รู้ ว่าน้องไม่กลัว เพราะเฮียไม่กล้าทำอะไรน้องอยู่แล้ว...” เขาหยุดไว้แค่นั้น แล้วเคลื่อนใบหน้าเข้าใกล้เพิ่มอีกคืบ “แต่สำหรับไอ้ผู้ชายพวกนั้น มันอาจจะกลัวก็ได้นะ” “นี่หมอหรือหมาอะ โคตรดุเลย” ยังไม่ทันจบประโยคดี เฮียไวน์ยกมือขึ้นบีบแก้มสองข้างของฉันเข้าหากันจนริมฝีปากเปลี่ยนรูปเล็กน้อย น้ำเสียงช่วงท้ายๆ เลยติดอู้อี้ และฉันพยายามที่จะแกะมือเขาออกแต่ไม่สำเร็จ “ปากนี่นะ” เขาพูดลอดไรฟัน พลางหลุบมองตำแหน่งที่ถูกพูดถึงชั่วขณะ แล้วช้อนขึ้นสบตา “ขอกัดสักทีได้มะ” พูดจบเขาก็ทำแบบนั้นกับปากล่างของตัวเอง ฉันสตั้นนิ่ง ภาพตรงหน้าทำเอาขนลุกวูบวาบไปทั้งตัว ใจเต้นแรงยิ่งกว่าตอนโหมออกกำลังกายหนักๆ ซะอีก ไม่นาน ไอ้ตัวจับวัดอัตราที่อยู่บนข้อมือซ้ายก็เริ่มสั่นเตือนจนฉันได้สติ อันดับแรก ฉันดึงมันไปซ่อนไว้ข้างหลัง ป้องกันไม่ให้ฝ่ายตรงข้ามจับได้ และอีกข้างทุบไปที่ไหปลาร้าคนนิสัยเสียอย่างแรง ปึก! “อย่ามาทะลึ่งนะ!” เขายอมผละออกแต่โดยดี นั้นจึงเป็นตอนที่ฉันโดดลงจากโต๊ะ ถอยออกห่างจากบุคคลอันตรายหลายก้าว “ไปอาบน้ำ แล้วก็มากินข้าว” เฮียไวน์ออกคำสั่ง ขณะจัดแจงหยิบอาหารออกจากถุง วางเรียงบนโต๊ะอย่างเป็นระเบียบ “เราไม่ใช่เด็กสามขวบ รู้หรอกว่าต้องทำอะไร” ฉันแย้ง แต่ถูกสวนกลับทันควัน “นอนยาวแบบไม่กินข้าวกินปลา ของก็ยังไม่ได้เก็บ น้ำก็ยังไม่ได้อาบ ยาก็ไม่กิน เนี่ยนะ ที่บอกว่ารู้” ซึ่งมันเป็นเรื่องจริงที่เถียงไม่ออก แต่จะให้ทำไง คนหลับมันห้ามไม่ได้นิ “ก็…มัน หลับไปเองอะ” พอเสร็จจากการกระทำตรงหน้า เขาก็หันมาออกคำสั่งอีก “เอามือถือมา” “ไม่ให้” ฉันปฏิเสธเสียงแข็ง แต่เขาไม่ได้สนใจฟังที่ฉันพูดเลยสักนิด มิหนำซ้ำขายาวยังก้าวฉับๆ ไปทางห้องนอนอีกด้วย “ไม่นะ ห้ามเข้าไป” เท้าเล็กสาวตามไปดักหน้าไว้ แต่ก็เท่านั้นแหละ...ร่างฉันถูกดันออกไปด้านข้างอย่างง่ายดาย หลังจากนั้นผู้บุกรุกก็ตรงไปที่เตียง ก้มหยิบอุปกรณ์ที่เขาถามถึงขึ้นมากดหน้าจอหยิกๆ ราวกับสิ่งนั้นเป็นของตัวเอง “เฮียเอาคืนมานะ” ยิ่งฉันพยายามจะแย่งคืน เขายิ่งชูมันขึ้นสุดแขน ซึ่งปกติความสูงก็ห่างกันลิบลับอยู่แล้ว ทำให้สิ้นหวังเข้าไปใหญ่ “อยู่เฉยๆ อย่ากระโดด” เขาปรามเสียงเข้ม พร้อมเลื่อนท่อนแขนโอบรอบเอวฉันไว้ กระชับเข้าหาตัวแน่น จนไม่สามารถขยับเขยื้อนได้ “เฮียจะมายุ่งกับของส่วนตัวเราไม่ได้นะ” “แค่ปลดบล็อก ไม่รู้รึไงว่ามันอึดอัดแค่ไหน ห่วงจะตายห่า เคาะเรียกก็ไม่เปิด โทรก็ไม่ได้ ทำอะไรก็ไม่ได้” เขาตอบกลับด้วยความหงุดหงิด ก่อนจะปล่อยฉันเป็นอิสระและส่งมือถือคืนมา “เอาคืนไป ห้ามบล็อกอีกนะ แล้วถ้าจะไปไหน ทำอะไร ไลน์มาบอกด้วย” “ไม่” ทำไมต้องทำตามที่เขาบอก “มิเชล นี่มันไม่ใช่บ้านเรานะ ระวังตัวหน่อยก็ดี อย่าดื้อให้มาก” เขากำลังดุ สีหน้าและน้ำเสียงเริ่มเคร่งเครียด เมื่อไม่ได้รับการตอบกลับจากฉัน เฮียไวน์ถอนหายใจหนักๆ หนึ่งครั้ง ก่อนจะยื่นข้อเสนอใหม่ “รับปากก่อน แล้วเฮียออกไป” “ก็ได้ค่ะ” ฉันจำใจตอบรับ เพื่อเขาจะได้ออกไปจากห้อง แต่ร่างสูงยังนิ่ง ฉันจึงออกไปไล่อีกครั้ง “ออกไปซิค่ะ” “ขอลูบหัวหน่อยได้ไหม” ฝ่ามือหนายกขึ้นเหนือศีรษะฉันขณะร้องขอ “ไม่ได้” คำปฏิเสธเสียงแข็งไม่มีความหมาย เมื่อเขาวางมือลงมาแล้วออกแรงโยกไปมาหลายครั้ง “นี่! หมอเจ้าเล่ห์ ปล่อยนะ!”
Free reading for new users
Scan code to download app
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    Writer
  • chap_listContents
  • likeADD