ซัมเมอร์หรี่ตาหลบแสงตะวัน เผลอก้าวถอยหลังออกไปนอกสะพานไม้ ชายหนุ่มใช้สองมือใหญ่รวบเอวบางยกขึ้นแนบแผ่นอกแกร่ง สองเต้าหยุ่นนุ่มทาบสนิทแม้แต่อากาศก็หมดสิทธิ์ผ่าน
"โอ๊ะ!"
ซัมเมอร์ร้องออกมาเบาๆ รู้สึกได้ว่าขาทั้งสองข้างลอยพ้นจากสะพานไม้ มือนุ่มจับยึดไหล่กว้างอัตโนมัติ กล้ามเนื้อแข็งแกร่งราวหินผาใต้เสื้อเชิ้ตที่เปิดเปลือยตั้งแต่ต้นคอจนเกือบถึงเอว ผิวขาวเนียนตัดกับผิวสีเข้มอย่างชัดเจน
ลมหายใจติดขัด เพิ่งเคยสัมผัสเนื้อแท้ของผู้ชายเป็นครั้งแรก ใต้ฝ่ามือคือผิวลื่นๆสีเข้มร้อนจัดและแข็ง ค่อยๆช้อนตาขึ้น ถูกตรึงเอาไว้ด้วยดวงตาสีดำสนิทเหมือนคืนอันมืดมิดไร้แสงดาว
"ใครอนุญาตให้ลงมาที่นี่!?"
เสียงทุ้มกระด้างแผดข้างหู
"...."
ซัมเมอร์ตะลึงในความหล่อปนเถื่อน เผลอไผลไปกับการมองสำรวจใบหน้าคล้ามเข้มไรเครารกครึ้ม ลืมสิ้นทุกสิ่งรอบตัว แม้แต่เสียงคำรามก็ไม่ได้ยิน
"นายหัวเป็นอะไรมั๊ยครับ?"
สนผละออกจากกลุ่มคนงาน ปรี่เข้ามาหาเจ้านายหนุ่ม
"นะ นายหัว!"
ฝ้ายตะลึง ไล่สายตาสำรวจร่างกำยำใหญ่โตแบบละเอียดถี่ถ้วน
"อะ เอ่อ.."
ซัมเมอร์หลุดออกจากภวังค์มนต์ขลัง รับรู้ได้ถึงร่างของตัวเองที่กำลังไถลลงมาตามร่างกำยำร้อนจัด จนกระทั่งขาทั้งสองข้างยืนอย่างมั่นคงบนสะพานไม้
ก้มหน้าแดงก่ำมองมือใหญ่ที่ค่อยๆคลายออกจากเอวบางของตัวเอง
"พวกคุณเป็นแขกมาจากกรุงเทพฯลงมาทำอะไรที่ฟาร์มมุก?"
สนนิ่วหน้าไม่พอใจ แผลเป็นบนใบหน้าเด่นชัดน่ากลัว
"อ๊ะ! ฝ้ายก็แค่อยากเห็น แต่ซัมเมอร์ซิคะเดินซุ่มซ่ามจะตกลงไปในน้ำ"
ฝ้ายหน้าซีด ร้อนรนโยนความผิด
"ขะ ขอโทษ"
ซัมเมอร์พึมพำ ก้มหน้าจนคางชิดติดอก ไม่อาจหาญสู้กับดวงตาสีดำที่พร้อมจะดึงดูดให้จมหายลงไปในความมืดที่ไร้ทางออก ร่างทั้งร่างสั่นสะท้าน
"ยินดีที่ได้รู้จักครับ ผมตะวัน"
เสียงทุ้มๆน่าฟังดังขึ้น ตะวันเปลี่ยนจากสีหน้าเย็นชามาเป็นราบเรียบไร้ความรู้สึก
"ยินดีเหมือนกันค่ะ คนนี้พี่ชายฝ้ายชื่อป่าน ส่วนยัยซุ่มซ่ามคนนี้ เป็นแค่เด็กช่วยงานในบ้านชื่อซัมเมอร์"
ฝ้ายเกือบละลาย ชายหนุ่มใบหน้าหล่อเหลาคมเข้มมีลักษณะเหมือนนักรบโบราณ แถมยังมีดีกรีเป็นถึงเจ้าของเกาะ
------------------$$-♤-$$-----------------
~ชั่วโมงต่อมา~
"ไม่ได้เจอกันหลายเดือน อืมม.. ยังหล่อเหมือนเดิมเลยครับนายหัวตะวัน"
วิชาญพูดยิ้มๆ เกือบสี่เดือนนับตั้งแต่วันที่ได้เซ็นสัญญาร่วมลงทุน จากวันนั้นถึงวันนี้ไม่ได้เจอกันอีกเลย
"ผมเป็นแค่ชาวเกาะ สู้คนกรุงไม่ได้"
ตะวันพึมพำ
"นายหัวถ่อมตัวอยู่เรื่อย ขอบคุณนะครับที่เชิญพวกเรามา อืมม.. นับเป็นโอกาสดีที่เราจะได้ทำความรู้จักสนิทสนมกันมากยิ่งขึ้น"
"ครับ ผมก็หวังอย่างนั้น"
ตะวันตอบรับ ดวงตาปิดบังซ่อนเร้นความรู้สึก
'ยิ่งรู้จักมากยิ่งดี โดยเฉพาะใครบางคน'
"ผมดีใจมากที่มีโอกาสมาดูฟาร์มไข่มุกที่ร่วมลงทุนกับนายหัวตะวัน"
วิชาญรู้สึกภาคภูมิใจที่ได้พูดถึงการลงทุนที่มีร่วมกัน ไม่มีใครรู้แน่ชัดในที่มาของเงินที่นำมาลงทุน
เงินลงทุนเป็นเงินที่ได้มาจากการเสียชีวิตของพ่อแม่ซัมเมอร์ เบ็ดเสร็จรวมทรัพย์สินและประกันชีวิตมีมูลค่าสูงถึงหนึ่งร้อยห้าสิบล้านบาท
ซัมเมอร์ต้องรอจนกว่าจะบรรลุนิติภาวะจึงจะนำเงินและทรัพย์สมบัติออกมาใช้ได้ ซึ่งจะมีอายุครบ20ปีบริบรูณ์ในอีกหนึ่งเดือนข้างหน้า
"คุณวิชาญ ผมเคยได้ยินมาว่าคุณมีน้องสาว ครอบครัวของเธอไม่มาด้วยเหรอครับ?"
ตะวันถามด้วยน้ำเสียงปกติ คาดหวังว่าจะได้พบกับเป้าหมายที่รอคอยมานาน
คำเชิญที่ถูกส่งไปถึงวิชาษเป็นคำเชิญที่เปิดกว้าง ไม่จำกัดจำนวนคนซึ่งพราวฟ้าเป็นน้องสาวคนสวยของวิชาญ ไม่มีใครในแวดวงสังคมไม่รู้จัก
"อ้อ.. เอ่ออ... นายหัวคงหมายถึงพราวฟ้าแม่ของซัมเมอร์ พราวฟ้ากับสามีประสบอุบัติเหตเครื่องบินตกเมื่อสี่ปีก่อน เราพยายามปิดข่าวให้มากที่สุดเพราะสงสารซัมเมอร์ไม่อยากให้สื่อขุดคุ้ย เอ่อ.. นายหัวตะวันมีอะไรรึเปล่า?"
วิชาญตกตะลึงในนาทีแรก ก่อนจะปรับเปลี่ยนสีหน้าให้เป็นปกติ คำถามที่ไม่คิดว่าจะได้ยินทำให้ร้อนรนปฏิเสธแทบไม่ทัน
หลังจากที่ได้เห็นยอดทรัพย์สินจำนวนมหาศาลที่ซัมเมอร์จะได้รับ ความโลภก็เริ่มครอบงำทั้งผัวและเมีย
วิชาญปิดข่าว ปิดทุกการเคลื่อนไหว ไม่มีใครรู้ว่าวิชาญเป็นญาติที่เหลือเพียงคนเดียวของซัมเมอร์ และเป็นผู้แทนโดยชอบธรรมถือครองทรัพย์สินทั้งหมดของหลานสาวที่ยังไม่บรรลุนิติภาวะ
"ไม่มีอะไรครับ เราทานอาหารกันดีกว่า"
ตะวันยังคงรักษาระดับน้ำเสียงและสีหน้าให้เป็นปกติราบเรียบ มีเพียงแววตาแข็งกระด้างเย็นชาเท่านั้นที่วูบไหวเล็กน้อย ฝ่ามือกำแน่นค่อยๆคลายออก
-----------------$$-♤-$$------------------