บทนำ
บทนำ:
โรงพยาบาลภัทรเมฆิณฑ์
ตอนนี้...
คำพูดของหมอที่บอกด้วยสีหน้าเรียบเฉยแต่แฝงไปด้วยน้ำเสียงที่จริงจังยังไม่สามารถหลุดออกไปจากหัวผมได้ ทำไมทุกอย่างในชีวิตผมถึงได้กลายเป็นแบบนี้นะช่างเป็นชีวิตที่น่าสมเพชสิ้นดี ยิ้มทั้งที่ในใจมันอึดอัดจนเริ่มรู้สึกร้อนวูบไปทั่วเบ้าตา...
ใครที่กำลังอยากได้ชีวิตผมอยู่ช่วยมาเอาไปมันใกล้ถึงขีดสุดที่ผมจะรับไหวแล้ว
ปึก!
ตัวผมชนกับคนที่เดินสวนมาเต็มแรงจะโทษว่าเป็นความผิดอีกฝ่ายก็ไม่ได้เพราะผมเป็นฝ่ายเดินไม่ได้ดูทางเอง
"ขอโทษครับ" ผมรีบก้มหัวให้เล็กๆก่อนจะก้าวเดินต่อไป
"โช!...."
ใคร?...
เรียกชื่อผม?...
ความสงสัยทำให้ค่อยๆหันหลังกลับไปมองคนเรียกสายตาสำรวจพิจารณาคนตรงหน้าที่แต่งตัวดีตั้งแต่หัวจรดเท้าสวมใส่เสื้อสูทมีราคาบุคลิกเหมือนหนุ่มออฟฟิสหรือนักธุรกิจประมาณนั้น ผมไม่คุ้นหน้าเขาสักนิดพยายามคิดเพราะในชีวิตใกล้ชิดหรือพบเจอคนที่บุคลิกแบบนี้น้อยมาก
"เรา...รู้จักกันด้วยเหรอครับ?" ผมถามกลับอย่างสงสัย มองใบหน้าที่นิ่งเรียบแถมสายตายังจ้องตรงมาที่ผมแบบไม่น่าไว้ใจ เขาไม่ได้จะทักทายผมในฐานะมิตรสหายคนนึงแน่ๆ
"หึ!..." เขายิ้มเยาะพร้อมกับก้าวขยับเข้ามาใกล้ "คำว่าครับของมึงนี่กูฟังแล้วโคตรจะขนลุก" เขาพูดจบก็คว้าฉุดแขนผมและผลักประตูทางหนีไฟที่บังเอิญอยู่ตรงหน้าเราสองคนเหมือนใครจัดวาง
ผมเข้าไปตรงบันไดหนีไฟด้วยมือของผู้ชายที่ผมมั่นใจว่าไม่เคยรู้จัก การที่เขาเรียกผมว่า'โช'ทำให้ผมไม่อยากจะเสวนากับเขา กลัวอดีตและความทรงจำเรื่องเก่าจะถูกรื้อฟื้นมา
“คุณจำคนผิดแล้วครับ!” ผมสะบัดแขนเขาออกพร้อมย้อนเดินกลับไปทางเก่าแต่ก็เห็นว่ามีมือใหญ่มายันประตูเพื่อขวางผมเอาไว้พอหันกลับไปตัวผมก็ตกอยู่ในวงแขนของเขา
“เป็นมึงจริงๆกูจำไม่ผิดแน่” เขาจ้องผมพร้อมยิ้มกลับมาแบบร้ายกาจ ด้วยความสูงที่เท่ากันทำให้ผมเห็นทุกอย่างในแววตาของเขาได้อย่างชัดเจนมันเป็นสายตาของพวกสัตว์เลือดเย็นที่กำลังเห็นว่าผมเป็นเหยื่อ
“ถอยไปครับเราไม่รู้จักกัน"
“โช จิรสัจจาทายาทเครื่องดื่มแบรนด์ดังทำไมกูจะจำไม่ได้”
“ผมไม่ได้ชื่อโช! คุณจำคนผิดจริงๆครับ”
“มึง…จำกูไม่ได้สินะ ก็แน่ล่ะเขาว่ากันว่าคนทำไม่เคยจำคนถูกกระทำจำไม่เคยลืม”
“นี่…”
“เริ่มคิดออกแล้วสิว่าที่ผ่านมาตัวเองเคยทำเลวเอาไว้ที่ไหนบ้าง…ยิ่งเห็นคนแบบมึงอยู่ในสภาพนี้แล้วกูก็สงสัยมึงคือโชที่แกล้งคนไปทั่วสมัยมัธยมจริงเหรอวะทำไมตอนนี้ถึงได้ตัวสั่น…” พูดแล้วเขาก็เอามือมาจับแขนข้างซ้ายของผม
“เพราะผมไม่ใช่โชอะไรนั่นของคุณไง!” ผมพูดใส่แล้วออกแรงผลักเขาจนเซถอยออกไปรีบเปิดประตูออกมา
ใครกันนะคนที่อยู่ในช่วงความทรงจำสมัยมัธยมของผม
ใครกันนะที่จดจำผมในช่วงเวลานั้นได้
14ปีก่อน
ห้องน้ำชาย
“มีเท่านี้เหรอวะ!” ผมถามด้วยน้ำเสียงหงุดหงิดพร้อมกับตบหัวเพื่อนนักเรียนรุ่นเดียวกันที่ลากเข้ามาในห้องน้ำเต็มแรง
สองร้อยบาทโคตรจะน้อยแม่งก็สมควรโดน “บ้านมึงเป็นเจ้าของโรงบาลจริงเหรอวะ!” ผมเปิดกระเป๋าตังค์ของมันเผื่อว่าจะเจอเงินที่อาจจะซ่อนอยู่
บัตรก็ไม่มีสักใบ...
เห็นแล้วก็หงุดหงิดที่วันนี้เสียเวลาไปกับไอ้พวกอัลฟ่ากระจอก เห็นเขาบอกว่าไอ้นี่เป็นอัลฟ่าจากตระกูลที่ร่ำรวยเป็นเจ้าของโรงพยาบาลแต่แม่งพกเงินมาเรียนไม่กี่ร้อยบาท
เป็นไปได้เหรอวะ
สองร้อยบาทนี่กูว่ายังน้อยกว่าค่าขนมรายอาทิตย์ของพวกโอเมก้าซะอีก ดูรองเท้ากับนาฬิกาที่แม่งใส่รวมกันก็เข้าหมื่นปลายๆแล้วนะแม่งคงรู้ว่าอาจโดนพวกผมไถตังค์เพราะงั้นมันก็ต้องสั่งสอนให้จำ
“ถอดนากามึงมา!”
“คะ…คือว่า” มันดูหวงนาฬิกานะ
“อยากโดนอีกสักทีใช่ป่ะ!” ผมง้างมือเตรียมโบกแต่ก็ยังไม่ทันได้ทำอะไรเพราะไอ้กระจอกนั่นรีบปลดสายนาฬิกาส่งมาให้ผมอย่างเร็ว ชอบให้ขู่จริงๆไอ้พวกนี้พูดดีๆแม่งไม่เคยฟัง
“ก็แค่เนี้ย!” ยิ้มพอใจมองนาฬิการาคาหลายหมื่นที่ตบมาได้จากไอ้เด็กคนนั้น “อ่ะงบเที่ยวของเย็นนี้” ผมโยนนาฬิกาใส่ลูกสมุนเพื่อให้มันทำหน้าที่ปล่อยของพร้อมกับเดินออกจากห้องน้ำไป
ชีวิตมอต้นที่โคตรจะมีสีสัน
สนุกกับการเห็นสีหน้าหวาดกลัวของผู้อื่นเพียงเพราะเผชิญหน้ากันกับผม ถ้าถามว่าบ้านก็รวยแล้วผมทำไปเพื่ออะไร
เงินที่หามาได้จากความสะใจมันโคตรจะทำให้รู้สึกดี อยากหาได้เยอะๆยิ่งกว่าเงินที่แบมือขอพ่อแม่ใช้ซะอีกนะ
สิ่งต่อไปที่พวกผมทำคือการขายนาฬิกาเพื่อเอาเงินมาเที่ยวเล่นสนุกสนานตามเรื่องตามราว
เฝ้ารอว่าพรุ่งนี้ใครจะเป็นคนต่อไปที่ถูกพวกผมลากไปที่ห้องน้ำ
นั่นเป็นส่วนหนึ่งของเรื่องราวชีวิตวัยเด็ก
แม้เขาจะดูเหมือนรู้เรื่องในอดีตแต่ผมก็ไม่มีภาพเขาอยู่ในความทรงจำเลยจริงๆ ใครกันนะถ้ารู้ตัวสักนิดผมอาจหาวิธีที่จะรับมือได้ นักเรียนร่วมสถาบันสมัยมัธยมได้โปรดอยู่ให้ห่างจากผมไว้ขอร้องล่ะนะ
เพราะผมเหนื่อย…
กับการต้องวิ่งหนีตัวตนในอดีตของตัวเองเต็มทีแล้ว ‘โช จิรสัจจา’ ตายจากโลกนี้ไปแล้วเหลือเพียง
‘อธิป เปล่งสัจจา’ เท่านั้น